Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

MH370 กับ ทฤษฎีที่ไม่เคยมีใครเสนอ!

MH370 กับ ทฤษฎีที่ไม่เคยมีใครเสนอ!

เกี่ยวเนื่องด้วยประเทศที่เงียบหายไปจากการวิเคราะห์ทั้งมวล
ประเทศซึ่งมีหน่วยสืบราชการลับที่เก่งและฉลาดสุดๆๆๆ ของโลก
(บทความนี้ค่อนข้างยาวหน่อย แต่เต็มด้วยเนื้อหาสาระ และมีเรื่องมันส์ๆ ระดับโลก)

Route of MH370หลังจากผ่านไปเป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์แล้ว ในการค้นหาตัวเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ #MH370 มีผู้คนมากมายจากทั่วโลก เฝ้าจับตา ติดตามข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินที่ไร้ร่องรอย อันมีเงื่อนงำหลายประการ ด้วยความเป็นห่วงผู้คน 329 ชีวิต ว่าจะอยู่ที่ไหน? สบายดีหรือไม่? กินอยู่อย่างไร? ยังมีชีวิตอยู่ไหม? โดยเฉพาะประเทศจีนที่ร้อนรน เนื่องจากมีผู้โดยสารเที่ยวบินนี้เป็นชาวจีนถึง 153 คน

เฉพาะในประเทศไทย (แม้จะไม่มีคนไทยในเที่ยวบินเลย) ในโลกออนไลน์ มีการพูดคุยและให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก และมีประเด็นตั้งแต่ เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ, การก่อการร้าย, การฆ่าตัวตายของนักบิน, การใช้เครื่องบินเป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง, เกิดสามเหลี่ยมแห่งใหม่คล้ายเบอร์มิวด้า, เอเลี่ยนนอกโลกลักพาตัว, เกิดมิติใหม่ที่เชื่อมต่อพาเครื่องบินไปโผล่ที่โลกอนาคต, ฯลฯ

แต่เมื่อวานนี้ (24 มีนาคม 2014) มีแถลงการณ์จาก นาจิบ ราซัค นายกมาเลเซีย ว่ามีหลักฐานว่าเครื่องตกแน่แล้ว ซึ่งหลักฐานนั้นคือการวิเคราะห์จากระบบดาวเทียมของ Inmarsat ที่วิเคราะห์ว่าน้ำมันน่าจะหมด แต่ยังไม่มีการโชว์ชิ้นส่วนจริงใดๆ จึงสร้างความงงงวยให้กับญาติผู้โดยสารเป็นอย่างมาก จนเกิดการประท้วงวุ่นวาย หรือต่อให้เจอชิ้นส่วนจริง มีการปูเรื่องจากเหตุการณ์แต่ละวันไปในทางตื่นเต้นมาก่อนมากมาย จบเช่นนี้ ถือเป็นการหักมุมที่ผู้เฝ้าติดตามคาใจสุดๆ!

นอกจากการคาดเดาด้านบนแล้ว ยังมีกระแสข่าวลือจากประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย เป็นสิบๆ กระแส เช่น
– อังกฤษให้ข่าวว่า เป็นการบังคับเครื่องบินแบบรีโมต คือผู้บังคับไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน เพราะโบอิ้ง 777 เป็นเครื่องที่สามารถเชื่อมต่อ ถูกควบคุมออนไลน์ได้ (เหมือนขับรถแบบไม่มีคนผ่าน iPhone)
– อเมริกาให้ข่าวตั้งแต่วันแรกๆ ว่า เครื่องบิน บินต่อไปทางมหาสมุทรอินเดีย และสัญญาณขาดหายไป คาดว่าตกลงสู่ท้องทะเลเรียบร้อยแล้ว (ข้อมูลจากอเมริกาแลดูมีลับลมคมนัย เหมือนรู้อยู่แล้ว แต่ยังทำเป็นมาช่วยหาแถบอื่นก่อน)
– รัสเซีย ประเทศที่มีหน่วยสืบราชการลับที่เก่งพอกะ CIA คือ KGB (ปัจจุบันชื่อว่า FSB) บอกว่าหน่วยข่าวกรองของประเทศสืบมาว่า สหรัฐฯ แอบพาเครื่องบินไปลงที่ฐานทัพลับชื่อว่า Diego Gracia ในหมู่เกาะทางตอนใต้ของอินเดีย เพราะมีสิ่งสำคัญบางอย่างระดับโลกบนเครื่องบิน ที่ต้องลักพาเพื่อผลประโยชน์ (จะกล่าวถึงต่อไป)

ก่อนอื่น จะขอตัดทฤษฎีโอเว่อร์ ที่คนไทยพร้อมใจกันเชื่ออย่างมากในทีแรกออกไป ไม่ว่าจะมิติเชื่อต่ออนาคต, สามเหลี่ยม, เอเลี่ยน และจะไม่พูดถึงรายละเอียดมากนัก เกี่ยวกับการปิดสัญญาณ Transponder, ACARS และเปลี่ยนเส้นทางการบินที่มุ่งหน้าไปปักกิ่ง กลับมาผ่านแถวช่องแคบมะละกา เพราะทุกคนคงตามข่าว และรู้รายละเอียดเป็นอย่างดี

Tracting Modelเอาคร่าวๆ คือ สิ่งต้องสงสัยบนเที่ยวบินนี้คือ ปกติเครื่องบินที่ทันสมัยอย่างลำนี้ จะมีกลไกการติดตามตัว การติดต่อสื่อสารที่ยอดเยี่ยมและทันสมัย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือกรณี Stall ใดๆ “กล่องดำ” จะทำงานส่งทันสัญญาณแจ้งบริเวณที่อยู่ทันที แม้จะอยู่ใต้น้ำ 20,000 ฟุตก็ตาม แต่ทุกอย่างบนเครื่องบิน กลับเงียบงันเป็นปริศนามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
– ยังไม่เจอเศษซากเครื่องบินแตกกระจายซักชิ้น วันแรกๆ เวียดนามก็บอกว่าเจอ แต่พิสูจน์แล้วก็ไม่ใช่ ล่าสุดดาวเทียมของ ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เจอภาพชิ้นส่วนที่(แค่สงสัยว่า)น่าจะเป็นของเครื่องบิน แต่ก็หากันมาจนวันนี้ ยังไม่มีใครสอยขึ้นมาจากมหาสมุทรได้ซักชิ้น
– Transponder ที่ส่งสัญญาณที่อยู่ของเครื่องบิน เหมือนถูกปิดอย่างจงใจ พร้อมกับสัญญาณ ACARS ที่ต้องลงไปปิดอีกจุดใต้ท้องเครื่อง (นักบินบางท่านบอกว่ายังไม่รู้เลยว่ามันอยู่จุดไหน)
– สัญญาณที่บริษัท Rolls Royce จับได้ (เนื่องจากเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนเครื่องบิน มันจะมีการอัพเดทข้อมูลเครื่องไปยังฐานข้อมูลบริษัท) ว่าเครื่องบินบินต่อไปอีก 4-7 ชั่วโมง มาทางมหาสมุทรอินเดีย และจับเส้นทางการบินพาณิชย์ มุ่งหน้าไปทางประเทศแถบอาหรับ (ข่าวในทีแรก)
– มีอยู่วันนึงที่มาเลเซียอ้างว่า ได้รับสัญญาณที่ส่งออกมาจากเครื่องบินว่าได้ลงจอดแล้วที่ใดที่นึง (มาเลเซียเป็นประเทศที่คลุมเครือ สับไปสับมา และปิดบังข้อมูลข่าวมากๆ) สัญญาณตัวนี้จะส่งเมื่อลงจอดปลอดภัยเท่านั้น

มีคนวิเคราะห์กันว่า ถ้าก่อการร้าย จะก่อไปทำไม? ถ้าเอาตัวผู้โดยสารไป แล้วใยป่านนี้จึงยังไม่สืบทราบข้อเรียกร้องใดๆ ของกลุ่มผู้ก่อการร้าย? หรือว่ามันเป็นความลับระดับประเทศของมาเลเซียที่ไม่อาจแพร่งพราย? คนเขาก็ว่ากันว่าอุยกูร์(มุสลิม)ในจีน ต้องการเรียกร้องแบ่งแยกดินแดน หลังจากเพิ่งฆ่าหมู่ สังหารชาวจีนไม่เลือกหน้าด้วยกองกำลังชุดดำ ที่สถานีรถไฟใต้ดินเมืองคุณหมิงไม่นานมานี้

Chipส่วนคนที่ให้ความสนใจในประเด็น ประเทศมหาอำนาจลักพาตัวผู้โดยสารจาก อันไม่เกี่ยวกับก่อการร้ายนั้น มีมูลเหตุที่มาจาก ผู้โดยสารบางคนบนเครื่องบิน มี 20 คน มาจากบริษัทผลิตชิพคอมพิวเตอร์ บางคนในนั้นเป็นผู้คิดค้นชิฟ Semi-Conductor ที่มีขนาดเล็กมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตวงการอาวุธโลกได้ รวมทั้งมีการขนสินค้าต้องสงสัยที่สำคัญขึ้นเครื่องด้วย (highly suspicious cargo) ไม่เพียงแต่อเมริกาจะให้ความสนใจ รัสเซียเองก็จับตาการเคลื่อนไหวนี้อยู่ ทางรัสเซียร่วมกับจีนเตรียมแผนจะบังคับให้ MH370 ลงไปจอดในสนามบิน Haikou Meilan International Airport ที่ไหหลำเพื่อตรวจสอบสินค้า หรือวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นอะไรก่อนที่จะบินไปลงปักกิ่ง

ไต้หวันประเทศผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ก็เคยออกข่าวว่า คนบนเครื่องมีการโทรฉุกเฉิน คุยกับเจ้าหน้าที่อเมริกันที่สนามบินอู่ตะเภาบ้านเรา จึงมีปฏิบัติการลักพา และอำพราง น็อคผู้สารให้สลบโดยใช้ความสูงผิดปกติในการบินหลังสัญญาณหาย อีกทั้งเครื่องบิน Stealth ของสหรัฐสามารถหลบหลีกหรือบังการตรวจจับสัญญาณเรดาห์เหนือน่านฟ้าประเทศต่างๆ ได้ โดยการบินประกบคู่กับเครื่องบินพาณิชย์

Diego Graciaถ้ารู้ประวัติการทำงานของหน่วยสืบราชการลับ FSB แล้ว ยากที่จะปฏิเสธว่าข่าวกรองของรัสเซียนี้ผิดพลาด (แม้แต่ปูติน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้ก็เพราะเคยเป็น KGB และเอาวิดีโอลับของผู้นำสมัยนั้นมาแฉ จนทำให้หลุดจากตำแหน่งไป) แต่ถ้ามองว่าเป็นการ Discredit สหรัฐ โดยการแกล้งปล่อยข่าวโคมลอยก็อาจเป็นได้ เพราะช่วงนี้ 2 ประเทศกลับมาฮึ่มๆ เขม่นใส่กันอย่างเข้มข้น และอีกปัจจัยหนึ่ง ฐานทัพลับที่ Diego Gracia นั้น มันไม่ได้ลับอีกต่อไป ภาพดาวเทียมระดับสูงของประเทศต่างๆ ก็จับได้ แถมเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่น่าจะเป็นที่หลบซ่อนเครื่องบินที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก (เว้นแต่มันจะซ่อนไว้ใต้พื้นดินไร่สวนที่มีกลไกยกขึ้นลงอย่างในหนัง) จึงไม่ได้ให้ความสนใจประเด็นนี้นัก

[จะเริ่มเข้าเนื้อหาแล้วนะ ที่เกริ่นนำมา เป็นน้ำทั้งนั้น 555]

Israel Mapอันที่จริง คิดว่าทฤษฎีอันหลังๆ พวกนี้มัน “โอเว่อร์” เกินความเป็นจริง เหมือนในหนังแอคชั่นเกินไป คิดว่าคงเป็นอย่าง Air France ที่ตกในทะเลลึก ค้นหากันอยู่ 2 ปีกว่าจะเจอ (แต่เขาเจอชิ้นส่วนเครื่องบินและศพลอยน้ำตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่เครื่องตก) แต่พอดีคุยกะพี่สาว เขาพูดขึ้นมาว่าอาจเป็นประเทศ XXX (เก็บชื่อไว้ก่อน ยังไม่อยากพูดถึง) ก็ได้นะ เพราะในอดีตประเทศนี้เคยลักพาเรือซึ่งขนยูเรเนียม หายวับแบบหาไม่เจอมาก่อน ทั้งตัวเรือและผู้โดยสาร ผ่านไปจนโลกลืม เรื่องถึงได้ปูดขึ้นมา จึงได้ยอมรับ เราก็ถามว่าเรื่องจริงหรอ อย่างกะนิยาย พี่บอกว่าเรื่องจริง อ่านตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น (วัยรุ่นของเขา เรายังไม่เกิด เพราะเราอ่อนกว่า 20 ปี) จุดนี้สร้างความคาใจ และสร้างแรงบันดาลใจอย่างมากในการเขียนบทความนี้ เพราะ *** ข้อมูลที่เราได้รู้ต่อจากนี้ มันน่าทึ่ง และเหลือเชื่อยิ่งกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นสิบๆ เท่า ***

ประเทศ XXX ที่ว่านี้ เป็นประเทศเล็กๆ แต่เป็นจุดประวัติศาสตร์ของทั้งโลก เรียกว่าเป็นแกนโลกก็ยังได้ ทุกครั้งที่มีเรื่องราวระดับชาติ ประเทศนี้จะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเสมอ เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก มากยิ่งกว่าอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ซึนามิ ที่ญี่ปุ่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เฮติและจีน แต่เหตุการณ์ MH370 ครั้งนี้ ประเทศที่ว่ากลับเงียบกริบ ไม่ปริปาก ไม่ออกมา ไม่เสนอตัวใดๆ และอยู่เงียบๆ ซะงั้น … ทำให้อดคิดไม่ได้ ว่าเขามีส่วนหรือเปล่า มันน่าสงสัยตรงนี้แหละ ที่ทำไมครั้งนี้เธอจึงเงียบ???!!! (อ่านลงไปเรื่อยๆ ถึงปฏิบัติการ Plumbat นะคะ แล้วจะอดเฉลียวใจไม่ได้ว่าเธอหรือเปล่า)

ใครว่าสุดยอดหน่วยสืบราชการคือ CIA & KGB เล่า!?


คุณเคยได้ยินชื่อสายลับ MOSSAD มั้ย?

บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่น้อยคนที่จะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ เพราะทีมสายลับนี้ ไม่ถูกพูดถึงเยอะอย่าง CIA ที่เอามาทำหนังแฉกันเป็นว่าเล่น แม้ว่าในหนังนั้นจะไม่ล้ำถึงครึ่งของความจริงเลย แต่ก็นั่นแหละ คนที่เก็บความลับได้มาก ย่อมเหนือกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ

สายลับ MOSSAD ถือกำเนิดขึ้นในประเทศ “อิสราเอล

Israeli Flagในพระคริสธรรมคัมภีร์หรือหนังสือไบเบิ้ล กล่าวถึงชนชาติอิสราเอลเป็นหลักมาโดยตลอด ตั้งแต่พระเจ้าเลือกอับราฮัม บุรุษผู้มีความเชื่อในพระเจ้า ให้เป็นบิดาของมวลชนชาวโลก จนโยเซฟรุ่นหลานเข้าไปเป็นนายกของอียิปต์ และพาชนชาวยิวอพยพเข้าไปตั้งรกรากและหนีความกันดารอาหาร ฟาโรห์รุ่นต่อๆ มา เห็นประชากรชาวยิวเพิ่มพูนขึ้นมาก จึงกดขี่ข่มเหง ใช้แรงงานสร้างปิรามิดอย่างทารุณ พระเจ้าจึงส่งโมเสสมาปลดปล่อยพวกเขา หลังจากหนีออกมา พวกเขาเดินข้ามทะเลแดง ผ่านถิ่นทุรกันดาร โดยพระเจ้าให้สัญญาว่า จะยกดินแดนแห่งน้ำนมน้ำผึ้งอันบริบูรณ์ให้ ซึ่งที่นั่น ก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอิสราเอลปัจจุบัน

แต่ขณะที่อิสราเอลเดินทาง และใช้ชีวิตแต่ละยุคสมัย พวกเขาหันหลังให้พระเจ้า ไปกราบไหว้รูปเคารพที่สร้างมันด้วยมือครั้งแล้วครั้งเล่า… สมัยก่อน พระเจ้าจะพูดกับประชากรผ่านผู้พยากรณ์ ผู้พยากรณ์หลายต่อหลายคนได้ทำนายว่า ถ้าอิสราเอลไม่กลับใจ พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา ให้กระจัดกระจายไปในชนชาติต่างๆ ถูกปกครองโดยหลายชนชาติ และจะกลับมารวมตัวกันได้ใหม่ในยุคสุดท้าย นอกจากนี้คำพยากรณ์ในไบเบิ้ล ยังกล่าวถึงชาติสำคัญที่จะขึ้นมาปกครองโลกในแต่ละยุคสมัยด้วย และประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นตามนั้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำทำนาย

หลังการล่มสลายของอาณาจักรโรม ชาวโรมันและยิวกระจัดกระจายไปเป็นประเทศสำคัญต่างๆ ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ อิตาลี กรีก ฝรั่งเศส ฯลฯ (นิ้วเท้าทั้ง 10 ในหนังสือดาเนียล) และต่อมาบางกลุ่มในอังกฤษมาบุกเบิกประเทศอเมริกา แต่ชาวยิวยังคงรักษาความเชื่อ และเป็นกลุ่มชนที่เหนียวแน่น พร้อมจะกลับไปรวมตัวในดินแดนดังกล่าว มีการสะสมทรัพย์สิน ทยอยซื้อที่ดินที่ขณะนั้นถูกยึดครองโดยประชาชนชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง

จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว หรือชาวฮีบรู จำนวนกว่า 8 ล้านคนในสมัยของนาซี ด้วยความช่วยเหลือจากอังกฤษ อิสราเอลกลับมารวมตัว ก่อตั้งประเทศได้อีกครั้งในปี 1948 พวกเขาถูกขนาบด้วยประเทศมุสลิมบิ๊กเบิ้มรายล้อม โดยประเทศเหล่านี้รวมตัวกันอยากจะขยี้ยิวเป็นผุยผง (คนมากกว่า 10 เท่า พื้นที่มากกว่า 1,000 เท่า) การแพ้สงครามแม้เพียงครั้งเดียว คือการสิ้นชาติ! ทำให้อิสราเอลตัดสินใจก่อตั้ง MOSSAD องค์กรลับสุดยอดที่ไม่มีตัวตน ไม่มีสถานที่ ไม่มีแผนงบประมาณชาติ ฯลฯ เพื่อปกป้องตัวเองและความอยู่รอดของประเทศ

[ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ จะพบว่าอิสราเอลหรือชาวยิวนี้ มีความเก่งกาจ และฉลาดสุดยอดในโลก พวกเขาเปลี่ยนดินแดนแห่งทะเลทรายให้เป็นป่า ทำเกษตรด้วยเทคโนโลยีอันก้าวหน้า, เป็นผู้นำเรื่องเครื่องจักร หุ่นยนต์ การแพทย์, เป็นชาติแรกที่พัฒนามือถือสำเร็จ เป็นชาติแรกที่คิดค้นโซล่าร์เซลล์, เป็น 1 ใน 8 ชาติที่มีจรวดเป็นของตัวเอง, เป็นชาติที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ได้มากสุด, เป็นชาติผู้พัฒนาชิป Intel, มีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมากที่สุดในโลก และในประเทศต่างๆ นักค้นพบ นักประดิษฐ์ ต่างล้วนมีเชื้อสายยิว (เช่น กูเกิ้ล) ส่วนการสงคราม ก็มีเครื่องบินรบมากที่สุดในโลก มีอาวุธทันสมัยที่สุดในโลก รบชนะผู้รุกรานนานาประเทศเสมอ ทั้งที่ประเทศเล็กกว่าประเทศไทยเราซะอีก ซึ่งหนึ่งในส่วนสำคัญหลักที่เป็นแกนของชาติ ก็คือ MOSSAD!!!]

ประวัติ และ ภารกิจหลักของ MOSSAD

Mossad Logoเมื่อ 25 ปีที่แล้ว มีการได้ข้อมูลว่า KGB มีพนักงานรวมกันทั่วโลกอยู่ 250,000 คน ส่วน CIA มีพนักงานในรัฐเวอร์จิเนีย 25,000 คน ทั่วโลก 5,000 คน แต่ MOSSAD นั้นมีคนเพียง 35 คนเท่านั้น ส่วนพนักงานประจำตึก 1,200 คนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองค์กรเลย เพียงแต่ทำความสะอาด เก็บขยะ ทำเอกสาร…คนที่ทำงานกับองค์กร ห้ามพูดคำว่า MOSSAD ให้เรียกแต่คำว่าสำนักงาน หากถูกถามทำงานอะไร ก็จะตอบว่า อยู่ฝ่ายทหารบ้าง กลาโหมของประเทศบ้าง…การมีอยู่ขององค์กร ถูกเปิดโปงโดยคนในที่ทำงานเป็นเวลานาน ผ่านนักเขียนที่เขียนงานระดับโลก โดยเรื่องของหน่วยงานลับนี้ ถูกถ่ายทอดลงในหนังสือ “By the Way of Deception” (คงเป็นอารมณ์เดียวกับที่ Snowden ออกมาแฉการมีอยู่ของโครงการ “ปริซึม” หน่วย CIA ยังไงยังงั้น)

หน่วยงานลับนี้ ถูกตั้งขึ้นหลังจากตั้งประเทศได้เพียงปีเดียว (ช่วงแรกไปฝึกงานกับ CIA) โดยมีสโลแกนที่มาจาก สุภาษิต 24:6 “เพราะว่าโดยการนำที่ฉลาด เจ้าก็เข้าสงครามได้ และด้วยมีที่ปรึกษามากๆ ก็มีชัยชนะ” ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาใช้ สุภาษิต 11:14 “ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย” โดยภารกิจหลักขององค์กรคือ การหาข้อมูล ข่าวสาร, ประสานงานทางการเมืองโดยแทรกซึมไปในประเทศต่างๆ, การลอบสังหาร ก่อวินาศกรรมศัตรูกึ่งทางการทหาร, ทำสงครามจิตวิทยาชวนเชื่อ ให้ข้อมูลลวง, วิจัยข่าวกรอง โดยเฉพาะเกี่ยวกับอาวุธ และค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีที่สนับสนุนด้านต่างๆ (แบบในหนัง James Bond) … พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดี ทั้งอาวุธทุกประเภท หลักการด้านจิตวิทยาชั้นสูง รวมทั้งอาจลักพาตัว ฆ่าคนที่มือเปื้อนเลือดของอิสราเอล (คนที่ทำลายยิว)

ในเหตุการณ์ 911 ที่ผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินก่อวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด MOSSAD ได้เตือนสหรัฐล่วงหน้า แต่สหรัฐยังขอสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่ใจก่อน จึงไม่มียิวคนไหนเข้าใกล้ตึกแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีชาวยิวหลายพันทำงานที่ตึก World Trade Center เขาจึงว่ากันว่าโลกนี้ถูกโยงใยโดยมีอิสราเอลอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ เสมอมา เรียกว่าเก่งกว่า CIA หลายเท่าตัว

MOSSAD กับภารกิจลับๆ ในอดีต

ภารกิจลับของอิสราเอลมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ปฏิบัติการสำคัญได้แก่

สงคราม 6 วัน (1967)

6daywarsยิวโดนรุมกินโต๊ะจากชาติอาหรับทั้งหลาย ที่ขนกำลังพลมาอย่างเต็มพิกัด ที่จะถล่มอิสราเอลให้ราบพนาสูญ ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน อิรัก ปาเลสไตน์ ปากีสถาน ลิเบีย แอลจีเรีย โมรอกโค คูเวต ซาอุ ฯลฯ กองกำลังทหารมากันหลายแสนคน (นี่ยังไม่รวมอิหร่านที่ประกาศลบอิสราเอลจากแผนที่โลกในปัจจุบันนะ) อียิปต์มีแนวป้องกันที่แม่น้ำซีนาย โดยไม่มีใครคิดว่าอิสราเอลจะขับรถผ่านทรายในทะเล

อิสราเอลได้ส่งสายลับ MOSSAD แทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลซีเรียเพื่อได้ความลับที่สำคัญ สายลับที่ใช้ตำแหน่งสูงนี้สั่งให้ปลูกต้นไม้เพื่อให้ทหารซีเรียได้ร่มเงา แต่จริงๆ เป็นการกำหนดเป้ายิง นอกจากนี้ MOSSAD ยังได้ข้อมูลในทุกๆ รายละเอียดของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อน และยังมีเครือข่ายชาวยิวอยู่ในทุกประเทศ … สายลับอียิปต์ถูกจับได้ในอิสราเอล จึงเลือกเป็นสายลับ 2 หน้าให้อิสราเอล แทนการอยู่ในคุก โดยส่งข้อมูลเท็จกลับไปว่ายิวจะโจมตีทางบก ส่วนยิวเองก็เตรียมพร้อมทุกด้าน มีการอพยพเด็กๆ 14,000 คนไปยังยุโรป หน้ากาก โรงพยาบาล ฯลฯ พวกเขาได้จารกรรมแผนที่กับระเบิดชายแดนทั้งหมด สืบรู้คลื่นวิทยุสั่งการของศัตรูและส่งเครื่องรบกวนทำงาน

พอเริ่มฉากสงคราม อิสราเอลบินต่ำหลบเรดาห์ ทำลายกองทัพอากาศอียิปต์ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งมีเครื่องบินรบ 420 ลำ และทำลายรันเวย์ทิ้งไม่ให้ขึ้นบินได้ ส่วนฝั่งกำบังอันแข็งแกร่ง ก็สามารถทำลายรถถังและเรดาห์จำนวนมาก ในชั่วโมงแรกของสงคราม!!! นอกจากนี้ยังทำลายกองทัพ จอร์แดน ซีเรีย อิรัก เลบานอน ที่เปิดฉากโจมตีถัดมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันโซเวียตเพิ่งประกาศอยู่ข้างโลกอาหรับ

อิสราเอลยังยึดดินแดนต่างๆ กลับมาได้เพิ่ม เช่น ฉนวนกาซา เวสแบงค์ คาบสมุทรซีนาย และเยรูซาเล็ม ทำให้ดินแดนขยายตัวออกไปกว่าเดิม 4 เท่า นับเป็นการสร้างความมั่นคงมากขึ้น แม้ชาติอาหรับจะไม่ยอม และพยายามทำสงครามด้วยเสมอมา

http://pantip.com/topic/30745877

** ปฏิบัติการ Plumbat ** (1967)

สายลับ MOSSAD ชายหญิง 10 คน พลีทั้งเรือนร่างและชีวิตเพื่อความอยู่รอดของประเทศ CIA และหน่วยสืบราชการลับ 7 ชาติในยุโรป ใช้เวลาสืบสวนถึง 5 ปี จึงได้รู้…

Israel's nuclear reactor at Dimona.ประเทศอิสราเอลไม่มีเขื่อนผลิตไฟฟ้า ต้องปั่นไฟเองจากน้ำมันอเมริกาใต้ซึ่งมีราคาแพงเป็นหลัก และต้องการหาพลังงานอื่นทดแทน ฝรั่งเศสจึงช่วยสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “Dimona” และสัญญาว่าจะหายูเรเนียมให้ แม้อิสราเอลจะปิดเรื่องโรงงานเป็นความลับ และบอกว่าเป็นโรงงานทอผ้า แต่ภายหลังฝรั่งเศสถูกห้ามไม่ให้ส่งให้อิสราเอล

พอดีกับที่อินเดียต้องการซื้อยูเรเนียม (YellowCake) เพื่อทำอาวุธสู้กับปากีสถานจาก Euratom ซึ่งจะขายให้เฉพาะกลุ่มยุโรป อินเดียเลยติดต่อซื้อผ่านโมรอกโคและให้มัดจำค่ายูเรเนียมเป็นทองคำ อิสราเอลทราบ เลยติดต่อสายลับโมรอกโคขอซื้อเป็นเงินหลายล้านเหรียญ ทำให้ผู้นำโมรอกโคลำบากใจ เพราะยิวก็เคยช่วยแจ้งข้อมูลลับที่ทำผู้นำให้รอดตาย ครั้งเคยถูกลอบสังหารในฝรั่งเศส โมรอกโคเลยต้องคืนมัดจำให้อินเดียไป

Plumbat Affairสายลับ MOSSAD 2 คน ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อจากโมรอกโคอยู่บนเรือ เพื่อเปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ แต่สายลับโมรอกโคหักหลังขายข่าวให้อียิปต์ซึ่งเป็นศัตรูมาตามฆ่า MOSSAD 2 คนนี้สำเร็จ และจะตามกำจัด MOSSAD ที่เหลือ แต่ MOSSAD มีอุปกรณ์ไฮเทคเลยฆ่าสายลับอียิปต์ได้ 6 คน ผ่านไป 2 วัน สายลับ MOSSAD รอให้เพื่อน 2 คนบนเรือเปิดประตูโดยไม่รู้ว่าถูกฆ่าตายแล้ว และอียิปต์ส่งคนมาสวมรอยแทน แต่รหัสในการเปิดตู้ผิด จึงสังหารสายลับอียิปต์ได้ ผ่านเหตุการณ์นี้ไป 7 เดือน โรงงานไฟฟ้าเริ่มทำการผลิตกระแสไฟ

เรือขนยูเรเนียมไม่ได้ไปถึงท่าตามกำหนด Euratom ออกค้นหาอย่างที่หา MH370 แต่ไร้วี่แวว เพราะยิวได้ตัดเสากระโดงเรือจาก 6 เป็น 3 ทาสีใหม่และเปลี่ยนชื่อเรือ * ภายใน 2 วัน … เมื่อถึงน่านน้ำสากล ยิวก็ขน YellowCake 200 ตัน ลงเรือของตัวเอง ส่วนลูกเรือ ไม่ได้ฆ่าทิ้ง แต่ให้ไปส่งจดหมายจากที่ต่างๆ กันไปหาครอบครัว และบางคนหันมาทำงานให้อิสราเอลต่อไป … 1 ปีต่อมา มีคนเจอเรือลำที่หายไปถูกขายต่ออยู่ในตุรกี และในปี 1977 (10 ปีผ่านไป) CIA จับสายลับ MOSSAD หลังลอบฆ่าสายลับชาวอาหรับในนอรเวย์ เขาสารภาพรายละเอียด แต่กระนั้นอิสราเอลก็ยังใช้ไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ได้จนทุกวันนี้

ปฏิบัติการ Entebbe (1976)

Entebbe Doneผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ยึดเครื่องบิน Air France และบังคับให้นักบินลงจอดที่ Entebbe ในอูกันด้า ผู้นำอูกันด้า อีดี้ อามิน เป็นมุสลิมจึงต้อนรับเป็นอย่างดี แต่บังเอิญว่าอิสราเอลเป็นผู้สร้างสนามบิน Entebbe ให้อูกันด้า จึงมีพิมพ์เขียวอยู่ในมือ MOSSAD บินอ้อมกว่า 3,000km หลบเลี่ยงเรดาห์ชาติอาหรับ 7 ชั่วโมง ไปลงใกล้สนามบิน แล้วปลอมรถทหารให้เหมือนของอูกันด้าบุกเข้าไป เหตุการณ์นี้ ตัวประกันรอด 105 ตาย 3 คน ส่วนผู้ก่อการร้าย 8 คนเสียชีวิตหมด ปฏิบัติการนี้ เป็นแบบอย่างให้สหรัฐเอาไปใช้ในสงครามอิหร่านอีกด้วย (แม้จะไม่ได้ผล เพราะเจอพายุทะเลทราย) แอบเกรงนิดหน่อยว่าอเมริกาจะเลียนแบบมาใช้กะ MH370 ด้วยป่าวหว่า
*** จริงๆ เรื่องนี้ก็สนุกมาก แต่ขอให้มันสั้นซักเรื่องละกัน
http://pantip.com/topic/30542141

Copy Blueprint of Mirage (1969)

หลังสงครามคลองสุเอช ประเทศรายล้อมอิสราเอลได้ซื้ออาวุธไฮเทคจากรัสเซีย อิสราเอลจึงซื้อเครื่องบิน MIRAGE จากฝรั่งเศส แต่ประธานาธิบดีสั่งให้งดขายอาวุธหลังสงคราม ทำให้ฝรั่งเศสไม่ยอมส่งเครื่องบินมิราจ 3-s จำนวน 15 เครื่องให้อิสราเอลทั้งที่จ่ายเงินไปหมดแล้ว

Kfirสหรัฐยื่นมือขายแฟนธอมให้ แต่อิสราเอลได้พัฒนาอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ไฟฟ้า อาวุธ เพื่อเพิ่มสมรรถนะเครื่องบินมิราจให้แกร่งกว่าเครื่องมิกของรัสเซียไว้หมดแล้ว โดยใช้เงินลงทุนกับสิ่งเหล่านี้ไปเป็นเงินมหาศาล ทางอิสราเอลประเมินแล้วว่า ต้องใช้อีก 10 ปีที่จะสร้างเครื่องบินเอง เพราะเครื่องบินประกอบด้วยชิ้นส่วนล้านกว่าชิ้น และต้องได้รับการทดสอบทุกชิ้นเป็นอย่างดี

อิสราเอลจึงเข้าทาง Alfred Frauenknecht วิศวกรชาวสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ได้สิทธิบัตรผลิตเครื่องบินมิราจ MOSSAD ได้จัดหานักจิตวิทยา วางแผนมาเป็นอย่างดีที่จะโน้มน้าวให้เห็นอกเห็นใจยิว และช่วยหาพิมพ์เขียวของเครื่องบิน จำนวน 150,000 แผ่น พิมพ์เขียวเครื่องกล 45,000 แผ่น ฟรอเอนค์เนทค์ ได้เสนอเจ้านายในบริษัทเพื่อถ่ายพิมพ์เขียวเข้าไมโครฟิล์ม แล้วจะเผาทำลายแบบต้นฉบับ เพื่อการเก็บรักษาที่ง่าย โดยทุกครั้งที่ทำลายจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกด่านอย่างเคร่งครัด แต่ฟรอเอนค์เนทค์ได้ซื้อพิมพ์เขียวเก่าๆ ของเครื่องบินลำอื่นที่คล้ายๆ กันมาเผาทำลายแทน

สายลับ MOSSAD ได้ตีซี้กับ สเตรคเกอร์ ชาวเยอรมันที่ทำงานบริษัทขนส่ง และเสนอเงินจำนวนมากเพื่อให้พาของข้ามชายแดนสวิสเข้าไปเยอรมันให้ได้ โดยใช้ระยะเวลาต่อเนื่องหลายเดือน เมื่อขนเข้าเยอรมัน จะมีเครื่องบินอิตาลีบินกลับประเทศที่สนามบินส่วนตัว และมีเครื่องอิสราเอลมารออยู่ที่อิตาลี ผ่านไปหลายเดือน ส่งเอกสารพิมพ์เขียวไปแล้วกว่าแสนแผ่น สเตรคเกอร์เกิดทำผิดพลาด ลืมเอกสารไว้ที่โกดัง 1 กล่อง และถูกตำรวจจับได้ ฟรอเอนค์เนทค์ จึงถูกจับและจำคุกอยู่ 4 ปีครึ่ง เมื่อเขาออกจากคุก เขาได้เดินทางไปอิสราเอล เพื่อดูการแสดงเครื่องบิน Kfir ซึ่งมีพื้นฐานมาจากมิราจ III ซึ่งเครื่องบินนี้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพอิสราเอล

http://2g.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X12996429/X12996429.html

ปฏิบัติการ *** Sphinx *** (1978-1981)

Operation Sphinxปฏิบัติการนี้ เป็นสุดยอดแห่งความอดทนและการวางแผนชั้นยอดจริงๆ อยากให้หาอ่านเรื่องยาวกันเอาเอง เพราะอ่านเรื่องย่อไม่อาจเห็นความฉลาดได้หมด

ในปี 1973 ฝรั่งเศสเซ็นสัญญาขายเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แลกกับน้ำมันของอิรัก ซึ่งเป็นระดับเข้มข้น 93% สำหรับผลิตอาวุธ … ปี 1978 อเมริการู้ข่าวก็กดดันให้ยกเลิก ฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนระดับความเข้มข้นส่งให้ แต่อิรักไม่พอใจมาก ไม่เอา MOSSAD จึงเริ่มปฏิบัติการสฟิงค์ด้วยการวางแผนมา 10 ตลบ ตั้งแต่สายลับสาว จนถึงสายลับระดับผู้น้ำ เข้าไปตีซี้กับครอบครัว Halim ชาวมุสลิมชาติอิรักที่เข้าไปทำงานในฝรั่งเศส โดยปลอมตั้งแต่ชื่อ ฐานะ อาชีพ รถสปอร์ต เครื่องบิน เพื่อน ฯลฯ ใช้โสเภณีล่อ จน Halim ตายใจและค่อยๆ เผยความลับ และเอาเอกสารลับรวมทั้งพิมพ์เขียวโรงงานมาให้คนที่คิดว่าเขาไว้ใจได้ โดย MOSSAD ก็สอนเทคโนโลยีก็อปปี้กระดาษ เอากระดาษวางทับกระดาษแล้วใช้น้ำยาพิเศษ ก็จะลอกข้อมูลมาอย่างง่ายดาย (ตั้งแต่ 50 กว่าปีที่แล้ว ทันสมัยน่าดู) แล้ว Halim ก็ไม่รู้เลยซักคนพวกเขาคือ MOSSAD ทั้งหมด

Israel Spiesการตีซี้กะ Halim ทำให้ MOSSAD ได้รู้จักกับ Meshad ผู้กล่าวว่าถ้าโครงการนิวเคลียร์นี้เสร็จ จะพลิกโฉมหน้าโลกมุสลิม และทำให้อิสราเอลตื่นกลัว เมื่อ Meshad มาฝรั่งเศส ถูกเสนอเงินให้ย้ายข้างแต่ปฏิเสธหนักแน่น สายลับทั้งหญิงชาย ปลอมพาสปอร์ตว่ามาจากประเทศต่างๆ ขึ้นเครื่องลำเดียวกัน ทำกิจกรรมต่างๆ บนถนนฝรั่งเศสเหมือนไม่รู้จักเกี่ยวข้องกัน … Meshad ซื้อบริการจากโสเภณีที่ MOSSAD ใช้ เมื่อเหนื่อยอ่อน สายลับเข้ามาปาดคอ Meshad นักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของอาหรับชาวอียิปต์คาห้องพักที่ปารีส ส่วนโสเภณีที่ถูกใช้และอาจเป็นภัยต่อการคลายข้อมูล ก็ถูกทำให้เหมือนว่าถูกอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต

ปี 1981 อิสราเอลได้ส่งเครื่องบิน F15, F16 จำนวน 12 ลำ * ซ้อนเป็นไปเส้นตรงตามแนวดิ่ง ในเส้นทางบินพานิชย์ของสายการบิน Aer Lingus ของไอร์แลนด์ ทำให้เห็นเป็นเครื่องเดียว ผ่านซีเรีย เพื่อไปถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิรักด้วยจรวด และทำให้อิรักยังไม่เคยได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้อีกเลยต่อจากนั้น

http://orthodox.exteen.com/20100316/mossad-2-operaion-sphinx

นอกเหนือจากปฏิบัติการเหล่านี้ ยังมีการลอบสังหาร ลักพาตัว จารกรรม ฯลฯ อีกมากมายนับไม่ถ้วน [http://vigaya.myreadyweb.com/news/topic-10423.html] ลองคิดดูว่า ตัวอย่างข้างบน เกิดขึ้นมากว่า 50 ปีแล้ว แต่เทคโนโลยีต่างๆ ที่เขาใช้ ดูไฮเทคกว่า CIA ในหนังสายลับปัจจุบันเสียอีก แล้วปัจจุบันมันจะขนาดไหน

MOSSAD กับการมโนอย่างหนักของผู้เขียน กับ MH370

จากการหาข้อมูลมากมาย ไอ้วิธีการ บินต่ำหลบเรดาห์ เกาะสายการบินพานิชย์ เก็บความลับเก่ง ชอบปลอม และเปลี่ยนสภาพดัดแปลงเครื่องบิน เรือ รถ ตบตาผู้คน กุข่าว ลวงนานาชาติ ลักพา จารกรรม เงียบหาย รวมทั้งการข่าวที่ทันสมัย ให้ความสนใจเทคโนโลยีอาวุธใหม่ๆ และชอบลักพาตัวคนสร้างอาวุธเป็นพิเศษ มันช่างเข้าทางหน่วยงาน MOSSAD ของ อิสราเอล ยิ่งกว่าหน่วยงานไหนๆ เสียจริงๆ และอย่างที่บอก อิสราเอลมักยื่นมือเข้ามาเกือบทุกงานที่เป็นข่าวใหญ่ๆ แต่งานนี้กลับเงียบกริบ … ได้แต่หวังว่าไม่ใช่เขา เพราะไม่เช่นนั้น ชะตากรรมของลูกเรือ MH370 อาจจะถูกลับ ลวง พราง ถูกชิงเอาของสำคัญระดับโลกไปแล้ว และทำเป็นว่า เครื่องบินวนไปตก ระเบิดอยู่แถวมหาสมุทรอินเดียอันเวิ้งว้างที่สุดในโลก และก็จะทำอย่าง Plumbat ที่ปล่อยลูกเรือกระจัดกระจายไปทั่วโลก อย่างน้อยพวกเขาก็จะยังมีชีวิตอยู่ แม้จะไม่เจอหน้าครอบครัวอีกเลยก็ตาม

คำทำนายแห่งยุคสุดท้าย

จะไม่ลงรายละเอียดเหล่านี้เท่าไหร่ ใครอยากรู้ลองหาศึกษากันเอาเองนะคะ จากหนังสือ ดาเนียล หนังสือแห่งคำพยาการณ์ในโลกอนาคต จากยุคบาบิโลน และหนังสือ วิวรณ์ ที่พูดถึงยุคสุดท้ายและการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ … แต่บอกได้เลยว่า คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแม่นยำทุกประการ ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่อย่างเดียว ขาดอยู่อย่างเดียว คำทำนายถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในยุคสุดท้ายเท่านั้น

ก็ว่าจะไม่เกี่ยวโยงคำทำนายกับเครื่องบิน MH370 หรอกนะ แค่อยากจะสมมุติ ถือซะว่าเป็นจินตนาการ และการตีความของเราก็เท่านั้นแล้วกัน ในหนังสือวิวรณ์มีการพูดถึง แตรทั้ง 7 ขันพระพิโรธทั้ง 7 มีสัญลักษณ์มากมายปรากฎอยู่ในเหตุการณ์ยุคสุดท้าย

ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีสทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก” วิวรณ์ 16:12

มีคนตีความกษัตริย์องค์ที่ 7 ว่าเป็น อเมริกา+อังกฤษ เพราะสัตว์สัญลักษณ์ในหนังสือนั้นมี 2 เขา เป็นอำนาจร่วมกัน และว่ากษัตริย์องค์ที่ 8 คือ สหาประชาชาติ … แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ เกิดเป็นรัสเซีย หรือแม้แต่จีนขึ้นมา จะเป็นไปอย่างไร ทุกวันนี้ จีนผงาดขึ้นมาเกือบจะเทียบเท่าอเมริกาแล้ว เกิดเขาเป็นเลข 8 ล่ะ (คนจีนชอบเลข 8 มากด้วย)

พระเจ้าทรงเตรียมทูตสวรรค์ทั้งสี่ไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือนและปี ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน และมีพลทหารม้าสองร้อยล้าน นี่คือจำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน” วิวรณ์ 9:15-16

ไม่ได้เชื่อ 100% ว่า MOSSAD นั้นข้องเกี่ยวกับ MH370 แต่อย่างใด แค่ลองคิดเล่นๆ ดู ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากผ่านไป 10 ปี เรื่องแดงขึ้นมาอย่าง Plumbat ว่าประเทศนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของ MH370 แล้วแกล้งทำเนียนสร้างหลักฐานเสมือนจริง ว่าเครื่องบินไปตกอยู่แถบมหาสมุทรอินเดีย ความโมโหของผู้นำจีนในอนาคต จะยังปะทุขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวแบบเดียวกับญาติผู้โดยสารมีต่อมาเลเซียในปัจจุบันหรือเปล่า? … จากสถิติในปัจจุบัน จีนกำลังจะมีทหารครบ 200 ล้านคนในไม่ช้านี้แล้ว มีการพูดถึงสงครามครั้งใหญ่ก่อนสิ้นโลกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า กษัตริย์จากตะวันออกจะสู้รบกับอิสราเอล!!! จะเกิดอะไรขึ้น หากกองทัพจีนมุ่งมาถล่มอิสราเอล? มันก็คงตรงกับคำทำนายในพระคัมภีร์ และ … เวลาของโลกในวาระสุดท้าย คงจะหมุนเร็วกว่าที่คิด จนอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้!!!


Reference:

en.wikipedia.org/wiki/By_Way_of_Deception
http://www.kolki.com/peace/MOSSAD.htm
2eyeswatching.com/2012/05/09/mossad/
jewishvirtuallibrary.org/jsource/History/intel67.html
pantip.com/forum/wahkor‎
orthodox.exteen.com
icmu.nyc.gr/%20The-truth-about-Israel’s-secret-nuclear-arsenal
waronyou.com/forums/index.php?topic=14683.0

7 Comments »

China: Hong Kong – Kawloon (V) – มองดูจีนปี 2011 วันที่ 5 (ฮ่องกง)

แพลนไว้ว่า วันนี้จะไปเที่ยว Disney Land ที่ฝั่งฮ่องกง (เพราะเริ่มเบื่อ ซิมซาจุ่ย และฝั่งเกาลูนแล้ว มาฮ่องกง 3 รอบ อยู่มันที่เดิมๆ ทำแบบเดิมๆ แต่ตรงย่าน Nathan ตัด Jordan)
แต่จากการใช้พลังงานมาอย่างโชกโชน 4 วัน ในต่างแดน วันที่ 5 จึงตื่นสายเป็นอย่างมากกกก ทั้งเราทั้งชะ ตื่นมามองนาฬิกาที่ 10 โมง แล้วยังอิดออด กว่าจะลุก ด้วยเมื่อยขาจากเมื่อวันก่อนๆ สะสม ทำให้ไป Check Out ออกจากโรงแรมด้วยเวลาเกือบเที่ยง น้านนน คุ้มค่าโรงแรมจริง อะไรจริง

เหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ก็ยังอยากไปนะ แต่เราก็เดินหาของกิน วนเวียนไปมาละแวกที่อยู่ เลยลืมคิดถึง Disney Land Hong Kong และหน้าตาเหล่า Mickey Mouse และสหายทั้งหลายไปสนิท

เริ่มมื้อแรกด้วยข้าวมันไก่ที่ราคา 10 เท่าของเมืองไทย แต่ก็โอเคนะ รสชาดช้ายยด้าย แล้วก็เดินตะลุยชอปๆๆๆๆ เป็นบ้าเป็นหลัง อย่างไม่รู้ทิศทาง หลงก็อาศัยกางแผนที่เอา ดีว่าที่นี่ถนนเหมือน New York เป๊ะ ถนนอะไร ตัดอะไร แยกเท่าไหร่ คลำได้ไม่ยาก เงินที่แลกมาเองน้อยนิด หายไปประมาณ 3 พัน เหลือเงินไม่มาก แต่ก็ยังสนุกดี

ร้านเสื้อผ้าที่นี่ ข้างถนน ห้องแถวต่างๆ ก็ราคาเท่าในห้างเมืองไทย 2-3 พันอัพ ยิ่งร้านไหนแต่งสวยๆ น่าเดินนัก จับเสื้อขึ้นมา ล้วนแล้วเหยียบหมื่น (ไม่ใช่ยี่ห้อดังบ้านเรา) เราจึงเลือกชอปแบรนด์ฮ่องกงแทน เช่น BOSSINI, GIODANO, G2000 อย่างชะซื้อเสื้อโค้ท BOSS ตัวนึง 2 พันกว่า (ไม่ใช่ช่วงลดราคา) มาเห็นที่เมืองไทยตัวละ 6 พัน กางเกง GIO ของเราตกตัวละ 500 ที่เมืองไทยขาย 1,200 เวลามาเห็นที่เมืองไทย มันส์สะใจดี

ด้วยความที่ชอปอย่างไม่ได้วางแผน (เพราะกะไป Disney Land อย่างเดียว) ทำให้เดินสะเปะสะปะไปไกล ได้น้ำหอมมาประมาณ 10 ขวด เสื้อผ้าอีกนิดหน่อย แล้วก็สำนึกขึ้นได้ว่า เหลืออีก 15 นาทีจะได้เวลานัดหมาย ทำจะเดินกลับไปคงไม่ทัน เลยเรียก Taxi บอกไปแยก Jordan คนขับฟังไม่รู้เรื่อง ตายละ ลืมไปว่าชินกับการพูดอังกฤษที่ออกชื่อแบบสำเนียงไทย จอออ-แดนนน เลยต้องบอกใหม่ จอร์-แด้นนน เค้าถึงจะเข้าใจ ที่นึกขึ้นได้ เพราะก่อนหน้านี้ หลงทางหน้าร้านน้ำหอม แล้วถามทางไปถนน Nathan พนักงานร้านฟังเป็น Chatham ชี้ให้คนละทิศ หลงไปใหญ่

แท็กซี่พาขับอ้อม แล้วยังรถติดมากอีกอ่ะ พอถึงก็เกือบไม่ทัน แต่เฉียดจนชิน รอๆๆ ขึ้นเครื่อง กลับบ้าน นานอยู่

อ้อ ยังมีอีกเรื่องฮาๆ อีกอย่าง ชะกะเราได้นั่งริมหน้าต่างเครื่องบินด้วยกันละคราวนี้ ตอนกินข้าวการบินไทย เราขอไวน์ ชะขอเหล้าอะไรซักอย่างสีฟ้าๆ ผู้ชายที่นั่ง 3 ขอ Pepsi มองหน้า 2 สาวอย่างงงๆ เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก เท่านั้นยังไม่พอ หัวหน้าชะฝากซื้อเหล้าสีๆ สวยๆ ไปแต่งบ้าน ปกติมันขนได้คนละขวดต่อ 1 passport ชะซื้อ 4 หรือ 6 ขวดจำไม่ได้ ฝากเพื่อนร่วมทัวร์ถือคนละขวด ฝากเราถือ 1 ขวด ตอนรูดการ์ด ผู้ชายคนดังกล่าวยืนต่อแถวซื้อขนม เห็นสาวๆ ถือเหล้าคนละขวด ทำหน้าเก๊กซิม (คงคิดในใจว่า กูเป็นผู้ชายยังไม่กินเลย ไอ้พวกผู้หญิงนี่ขี้เหล้าน่าดู เฮียในทัวร์ก็ยังแซวแบบนี้) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เหตุการณ์บางอย่าง ทำให้เราเสียลุคต่อบางคนได้ชั่วขณะ 555

5 วันที่ผ่านไป กลับบ้านในภาวะน้ำล้อมกรุงเทพมหานครรอบด้าน เหนื่อยแต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง ทีแรกคิดว่าค่าทัวร์ฟรีๆ หลายหมื่นต่อหัวนั้น อยู่ดีๆ กลายเป็นความโปรดปรานต่อเพื่อนคนไหนซักคน ที่ไปแทนพี่สาว ที่พระเจ้าจะเลือกให้ไปด้วย แต่เรากลับได้พบว่า เราต่างหาก ที่พระเจ้าโปรดปรานมากกกก

เพราะพระเจ้าเลือกคนได้ถูกกับงานและเวลาจริงๆ ขอบคุณเพื่อนชะ ที่เป็นเพื่อนร่วมทริปที่ดี ไปด้วยแล้วสบายใจมาก ชะเป็นคนไม่ขี้บ่น ใจดี มีน้ำใจ ไปไหนไม่ขัด และไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เอาเป็นว่าดีทุกอย่าง และขอบคุณพระเจ้า ที่ก่อนไป อธิษฐานขอให้เจอแต่คนดีๆ (เพราะพักนี้หนัก เหนื่อย กับคนมามาก) จบทริป ก็รู้สึกได้ว่าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานและรักเราจริงๆ ^______^ Hallelujah!!!

Leave a comment »

China: Hong Kong – Kawloon (IV) – มองดูจีนปี 2011 วันที่ 4 (ฮ่องกง)

เดินทางด้วย Ferry ที่นานที่สุดในชีวิต 2 ชั่วโมงกว่า กว่าจะถึงฮ่องกงได้ ทำเอาเพื่อนชะเมาเรือตอนรอเข้าห้องน้ำซะแทบไปต่อไม่ไหว

พอมาถึงฮ่องกง ด้วยความที่โรงแรมที่พัก ยังไม่ถูก Check Out ทัวร์จะรับผิดชอบด้วยการพาไปไหว้พระชื่อดัง เรารีบขอตัวเป็นคนแรกที่จะขอชอปปิ้งตามรายการเดิมด้วยตัวเอง เค้าเลยพาไปหม่ำอาหารกลางวันแบบแต้จิ๋วก่อน แลกกับติ่มซำพรุ่งนี้เช้า รู้สึกดีมั่กๆ เพราะไม่ค่อยชอบกินติ่มซำ แถมตั้งแต่กินมา มื้อนี้อร่อยสุดแล้ว รสชาดเหมือนแม่ทำให้กิน 555

หลังจากเข้าโรงแรมซักพัก เพื่อนชะอยากเล่นเนท เราเลยลองเข้าดู ปรากฎว่าให้เสียเงิน เลยโทรไปถาม Reception ว่าจริงมั๊ย ปรากฎว่าชั่วโมงละแพงมากอ่ะ แล้วก็เสียเวลาหาเงินฮ่องกงที่หายไปซักพัก หาไม่เจอ เลยออกไปชอปปิ้งแบบหงิดๆ เล็กน้อย ดีที่พกแผนที่มา เพราะเราเดินหลงซ้าย หลงขวา ไม่รู้ทิศ กันตลอด แถม Galaxy Tab 10.1 ที่พกมา ไม่เป็นประโยชน์ เพราะไม่มีเนทใช้ และไม่ได้โหลดแผนที่มาล่วงหน้า

ตอนแรกก็เดินเล่นๆ ไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย แต่ต่อมา ชะอยากได้กล้องไม่เกินห้าพันบาท เข้าร้านแถวๆ Tsim Sha Tsui ไปๆ มาๆ เจอเชียร์ เลยซื้อเกินงบไป แต่ราคาไม่น่าจะแพงมาก เพราะเราถาม Canon 600D ที่เมืองไทยประมาณ 3 หมื่น แต่ฮ่องกงขายที่ 1 หมื่น 8 พันบาท และของหลายๆ อย่างถูกกว่าเมืองไทย (เว้นบางอย่าง) โดยเฉพาะแบรนด์ของฮ่องกง พวก Bossini, Giordano เราเคยซื้อประมาณ 5-6 ร้อยบาทไทย แต่เมืองไทยขายแบบเดียวกันที่ 3 พันกว่าบาท!

ชะชวนนั่ง Subway ไปลง Mong Kok เพื่อเดินเล่น Ladies Market แต่ว่าตอนออกไปเจอโซน Electronic/IT ยาวเป็นถนนสุดลูกหูลูกตา ถัดมาก็เป็นถนนรองเท้าดังๆ สวยๆ ราคาถูกกว่าเมืองไทย 40% ได้ แต่เราจะเดิน Lady Lady กัน เลยถามหาตลาดนี้ แล้วก็เดินเข้าไป แต่เราเฉยๆ เพราะของมันบ้านๆ แต่ราคาไม่บ้าน แล้วก็ดูเหมือนของหน้ารามฯ เลยเดินกันอีกซักพัก แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับ Jordan ซึ่งเป็นสถานีใต้โรงแรม Prudential Hotel ที่เราพักกัน

กลับมาพักขาซักพัก เพราะเมื่อยมากๆ ทั้งเราและชะ ก็หาเรื่องกลับออกไปเดินกันอีก กะไปกันไม่ไกล แต่สุดท้ายหลงไปย่านของกิน นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่มาฮ่องกง และไม่มีครั้งไหนที่ไม่เจอคนไทย คราวนี้ กลับเจอหนัก ทุกซอก ทุกมุม ชนิดหนีไม่พ้น แต่เป็นเมืองที่ร้านค้าไม่สิ้นสุด ไม่รู้จุดจบของซอยอยู่ตรงไหน และเราให้นิยามกันว่า เป็นเมืองละลายทรัพย์ ทั้งน้ำหอมเอย เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ทุกอย่างมันถูกกว่าของไทยเห็นๆ อย่างเพื่อนทัวร์เดียวกัน ไปซื้อกีต้าร์ราคา 9 หมื่น เขาบอกว่า ปกติที่เมืองไทย ขายอยู่แสนสาม โอ้โห ทำไมบ้านเราเก็บภาษีแพงมากเลย

เอาเป็นว่า ตอนกลับโรงแรมอีกรอบ แทบจะคลานกลับเลย เดินจนเมื่อยมาก รองเท้าเซินเจิ้นมันไม่มีส้นนุ่มๆ ให้เดินสบาย จนข้อเท้าแข็งเลย กางแผนที่ดู หลงไปไกลมาก ดีว่ากลับถึงโรงแรมปลอดภัย อาบน้ำนอน หลับไม่รู้เรื่อง

พรุ่งนี้ อยากไปฝั่งฮ่องกง เบื่อฝั่งเกาลูนแล้ว หวังว่าจะได้ไปนะ

Leave a comment »

China: Canton Fair #110 (III) – มองดูจีนปี 2011 วันที่ 3 (กวางเจาแฟร์)

ตอนเช้า ทัวร์บังคับผู้เดินทาง ให้ไปฟังการบรรยายสรรพคุณสมุนไพรจีน (ถ้าไม่ไป เอกสารเขียนว่าปรับ 500 หยวน) ถ้ามาเองไม่ต้องมาเสียเวลาตรงนี้ และตอนมากะทัวร์ครั้งแรก มีนักธุรกิจในทริปมากัน 30 คน ใครซื้อครบ 6 หมื่น แถมกระเป๋ากีฬาคนละใบ ปรากฎว่าคนถือกระเป๋ากลับบ้าน เกือบ 10 ใบ นอกนั้นไม่ถึงเป้า แต่ซื้อทุกคน ไทยขาดดุลจีนกันไปเพียบเลย

เราบอกชะล่วงหน้า วันแรกๆ ว่าไม่ต้องให้หมอตรวจ พอถึงเวลา เสมือนว่าเราไม่เคยบอก ชะยังมาชวนเราเข้าไปตรวจซะงั้น เราเลยไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง แล้วมานั่งฟังข้างๆ ชะ หมอจีนบอกว่าต้องซื้อยาเค้า 4 ขวด (2 หมื่นกว่าบาท) ถ้าตอนนี้ไม่กิน ภายหน้าไปจะมีปัญหาเรื่องโรค ชะมีเงินหยวนไม่พอ หันมาถามเราว่ามีให้ยืมมั๊ย เราดีใจมากที่บอกว่า ไม่มี แต่ชะดันเอาบัตรเครดิตไปให้เค้ารูด แล้วค่อยมานึกได้ทีหลังว่าไม่น่าเลย ยังดีว่ารูดไปขวดเดียว เฮ้อ … เสียเวลาเดินงานแฟร์ซะจริงๆ คุณทัวร์เนี่ยะ

GSAN's Woman Saleวันนี้เดินงานแฟร์แบบรีบๆ เพราะกลัวไม่ทัน กว่าจะเดิน 4 ตึกบนได้หมด เกือบหมดเวลา นี่ขนาดไม่ได้กินข้าวข้างล่างโรงอาหารนะ กินแซนวิชคนละอัน เดินไปกินไป (จำไม่ได้ว่ากี่เหรียญ แต่ประมาณอันละ 100 กว่าบาท) จากที่เมื่อวันก่อนลงไปจิ้มอาหารจีนกล่องมากิน (กล่องละ 100 กว่าเหมือนกัน) รสชาดมันๆ จืดๆ (แต่ชะกินหมด) และเกือบกินบุฟเฟ่ต์หัวละ 100 หยวนไปแล้ว แต่ชะก็รั้งไว้ 555 … และดีใจกะชะด้วย ที่แม้ชะจะมาเป็นเพื่อน แต่ก็ได้เจอบูทที่หัวหน้าชะฝากมาคุยงาน เกี่ยวกับจอสัมผัสสำหรับเขียนโปรแกรมให้ร้านอาหาร ซึ่งพนักงาน GSAN เป็นผู้หญิงจากเซี่ยงไฮ้ที่ Friendly มากๆ คนนึงเลย

เหลือเวลา ครึ่งชั่วโมง เชื่อมั๊ยว่ายังไม่ได้สินค้าประเภทนึงที่ตั้งใจมาหา วิ่งจากตึกต้นๆ ไปตึก 10 กว่าๆ ภายในเวลาเท่านั้น แต่ก็ได้มาเกือบ 10 เจ้า โดยที่ sale ก็งงๆ ว่าทำไมเรารีบขนาดนี้ ขอบคุณพระเจ้า ที่ไม่คว้าน้ำเหลว แถมได้ไอเดียตอนเช้า ว่าให้เขียน Requirement ไว้หลังนามบัตร พอแจกๆๆ เค้าก็รู้ว่าเราต้องการอะไร ไม่ต้องเสียเวลาคุยมาก จะได้ส่ง quotation มาตามที่บอกไว้เลย ฮาเลลูยา…

ที่วันนี้เวลาหมดเร็ว เพราะทัวร์เห็นแล้วว่าเมื่อวาน รอสาหัส เลยนัดบ่าย 3 ดีว่าได้งานครบ แล้วก็ไปซื้อของที่ อิเต๋อลู่ ตลาดขายส่ง ซึ่งน่าจะมาเป็นครั้งที่ 3 ถ้าจำไม่ผิด ของสารพัดสารเพ แต่มีเวลาให้ 1 ชั่วโมง หักลบเวลาเดินไป  เดินกลับจุดนัด เหลือครึ่งชั่วโมง อิฉัน ซื้อพวงกุญแจ ที่ห้อยโทรศัพท์น่ารักๆ ไปเป็นของฝากเพื่อนพี่น้อง ส่วนชะซื้อกระจกลายสาวจีน น่ารักๆ กลับไปฝากแม่และฝาแฝด

Shopping in Guangzhouอยากมาอยู่กว่างโจวซักเดือน จะได้มีเวลาเดินอีเต๋อลู่แบบเต็มวันซ้ากกที มาทีไหร มีเวลาแค่นี้แหละ แล้วจะซื้ออะไรได้ ทั้งที่มีตั้งหลายพันอย่าง อยากได้ผ้าพันคอ แว่นตา นาฬิกา ที่ว่ามา ไม่ได้ซื้อเลย ซื้อที่ห้องของเราและกระจกชะ+เวลาเข้าห้องน้ำ หมดๆๆ เวลา ไปรอกันหน้าร้านขายร่มหัวมุมถนน ปรากฎว่ารอเฮียคนนึงซื้อยกโหลเป็นชั่วโมง แต่แกก็ได้ของถูกจริง บ้านเราขายอันละ 200 เฮียแกได้อันละ 8 หยวน x 12 อัน สุดยอด

เสร็จการรอคอย ก็นั่งรถไปกินข้าวเย็น วันนี้ ทัวร์เอา Lobster ที่เป็นจุดขายมาให้ลูกทัวร์ตื่นเต้น แต่กินกันไม่หมด เพราะเลี่ยนมาสตาร์ดกะเส้นที่ปนเข้ามาด้วยดิ๊ จากนั้น ก็พาไปพักที่โรงแรม King’s Land (ถ้าจำไม่ผิด) ด้วยความที่ชะอยากชอปปิ้ง เพราะต้องซื้อของจำเป็น เราต้องรีบออกจากห้องน้ำไปด้วย เพราะน้องนายกะน้องนัน พี่น้องสองหนุ่มสาวรออยู่ข้างล่างแล้ว ปรากฎว่าเดินกันไป น่าจะ 7 กิโลเมตรได้นะ เหมือนโลตัสเลย แต่จำชื่อไม่ได้ มีของแปลกๆ ที่ไม่มีในไทยเพียบ ตื่นเต้นๆๆๆ ชอปโน่น ชอปนี่ มันส์กันหย่ายย เอาเป็นว่าสนุกมาก แต่ตอนกลับ ไม่หนุกเท่าไหร่ เพราะโบกแท็กซี่ผิดฝั่ง กลัวกลับกันไม่ถูก เลยเดินกลับเช่นเคย เมื่อยยคอดๆ แต่เหนื่อยดี จะได้หลับสบายๆ

พรุ่งนี้ ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ไปฮ่องกงซะแล้ว ทำไงดี เงินหยวนเหลือเยอะเลย จะไม่มีที่ใช้ซะแล้ว

Leave a comment »

China: Shenzhen (I) – มองดูจีนปี 2011 วันที่ 1 (เซินเจิ้น)

ปีที่แล้ว กลับมาจากจีน กะว่าจะเขียนเรื่องราวจีนๆ ในมุมมองคนไทย เว้นที่ Blog ไว้ ก็ไม่มีเวลากลับมาเขียน ปีนี้ขอชดเชยแล้วกัน

ครั้งนี้ที่ไปเมืองจีน ก็ไปดูงานแฟร์เช่นเดิม เนื่องจาก Supplier ราว 20-30 เจ้า ที่ติดต่ออยู่ ขึ้นราคาบ้าง ดีไซน์เดิมๆ ไม่แปลกใหม่บ้าง โดยโรงงานที่เมืองจีน มักใช้ข้ออ้างว่า ดอลล่าร์อ่อนบ้าง ค่าแรงขึ้นบ้าง แต่จริงๆ ขึ้นราคากันแทบทุกเดือน จนต่อไป ของจีนจะยังขึ้นชื่อว่าถูกที่สุดในโลกได้อยู่รึเปล่า? … นอกจากดูสินค้าแล้ว ยังมีโรงงานหนึ่ง ที่สั่งไมโครเวฟ แต่ไม่ยอมร่วมมือส่งเอกสาร คู่มือแผงวงจรมาซักที ทำให้ไม่สามารถรับ มอก. แล้วนำเข้ามาขายไม่ได้ซักที ต้องไปคุยให้ได้

การจองโรงแรมเอง เคยเป็นเรื่องยุ่งยากไม่รู้จบ จนปัจจุบัน พึ่งบริษัททัวร์ และจองตามโปรแกรมที่เขาจัดไว้ ถ้าเลือกได้ อยากไปเฟส 2-3 แต่ด้วยสินค้าที่สั่ง ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อยู่เฟส 1 จึงต้องจองอย่างกะทันหัน มีตัวเลือกไม่มากนัก … พอวันจะเดินทาง พี่สาวที่ต้องไปด้วย ก็กังวลเรื่องน้ำท่วมโกดังสินค้า+ต้องออกบูธกับ HomePro บริษัททัวร์ก็ไม่(ยอม)เลื่อนเฟส หรือคืนเงินใดๆ จะไปคนเดียวก็ได้ แต่(แอบ)เสียดายเงิน ต้องหาคนไปด้วย และแฟกซ์หน้าพาสปอร์ตภายในวันนั้น ซึ่งเหลือ 3 ชั่วโมง เราโทรหาคนที่คาดว่าจะไปได้ ราว 10 คน หลายคนติดเรื่องไม่เคยทำพาสปอร์ตบ้าง หมดอายุบ้าง หลายคนอยากไป จะไป สุดท้ายลังเล จนอ้อนวอนขอร้อง แต่ก็ไม่เป็นผล เลยบอกพระเจ้าว่าขอพระองค์จัดเตรียมเพื่อนไป 1 คน ขอเป็นคนที่ไปด้วยแล้วราบรื่น จนในที่สุด ได้เพื่อนชะมาอย่างหวุดหวิด ซึ่งในทีแรกก็สงสัย ว่าทำไมพระเจ้าถึงให้สุดท้ายแล้ว เป็นชะ

วันก่อน จะไปแลกเงิน SuperRich เพราะประหยัดกว่าแลกหน้าสนามบินมาก แต่เดินทางไม่สะดวก ฝนก็ดันตก เส้นทางก็ถูกยกเลิก เพราะเรื่องน้ำท่วม ก็แบบ พระเจ้า ทำไมลูกไปไม่ทัน เสียดายจัง ปรากฎว่า ก่อนเดินทาง อยู่ๆ พี่เอาเงินหยวนมาให้อย่างเยอะ เยอะกว่าที่เราจะแลกอีก เลยขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์จัดเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว ไม่ต้องลำบากตากฝนออกไป

The Tram

ในโปรแกรมตอนซื้อไม่มีระบุ ว่าวันแรกมีโปรแกรมอะไรบ้าง นึกว่าใช้เวลาเดินทางทั้งวัน แต่นั่ง Ferry ข้ามจาก Hong Kong ไปถึง Shenzhen ตั้งแต่บ่ายๆ (เล่นนัดกัน 6 โมงเช้าที่สนามบินนิ) เค้าพาไป Cultural Village หรือหมู่บ้านวัฒนธรรมจีน ตอนกลางคืนดูโชว์ Splendid China … ชอบหมู่บ้านนะ มันดูบ้านๆ จีนๆ และใหญ่ดี ส่วนโชว์ แสงสีเสียง อลังการจริง แต่น่าเบื่อ เพราะมีแต่เรื่องราวของเทพโน้น เจ้าองค์ต่างๆ เป็นส่วนใหญ่

หลังจากดูโชว์เสร็จ เค้าก็พาไปกินข้าวภัตตาคาร ด๊าาานนน เป็นร้านเดิม ที่เดี๊ยนนจำได้ว่าเคยมา เอ…คราวก่อนพาเราเฉียดเซินเจิ้นหรอเนี่ย ผลไม้ต้องเป็นแตงโม น่านน ก็ยังแตงโมเช่นเดิม ไม่เคยเปลี่ยน มื้อแรก นักธุรกิจในทริปทั้งหลาย ยังไม่คุ้นกัน ทำให้อาหารมื้อนี้ ไม่ออกอรรถรสเท่าที่ควร เพราะต่างคนต่างเขิน ไม่กล้ากินแบบอยู่กะเพื่อนฝูงเราเอง … ลืมบอก ชะกะเรากินก๋วยเตี๋ยวไปนิดเนิงก่อนดูโชว์แล้ว ชามละแพงมากอ่ะ 40 หยวนได้ ถ้าจำไม่ผิด แต่เราก็ยังกินได้อีกนิดหน่อย ตามประสาคนชอบโต๊ะจีน 555

เมื่ออิ่ม ก็นั่งรถไปโรงแรม ซึ่งอยู่เยื้องๆ กับ Lo Wu (หล่อหวู่) แหล่งชอปปิ้งชื่อดัง ที่ได้ยินกิตติศัพท์ (ด้านการก็อปปี้) มานานแล้ว และก็อยากมาดู ว่ามันเป็นยังไง แต่ตอนที่ไปเดิน ก็ค่อนข้างดึกแล้ว เรียกว่ามีเวลา ชั่วโมงเดียวก่อนห้างปิด … แต่ก่อนไปเดินหล่อหวู่ ไกด์ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าให้ระวังผู้ไม่ประสงค์ดี ขอทาน คนขายของแบบให้ดูรูป แบงค์ปลอม ฯลฯ มาเมืองจีนนับครั้งไม่ถ้วน ก็คิดว่ารู้อยู่แล้ว แต่พอไปเดินจริงๆ สัมผัสได้เลย ว่าที่นี่ ไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ที่เคยไป ถึงขนาดเพื่อนชะมองว่าเมืองนี้ไม่น่าอยู่ มีแต่คนหลอกลวงไปซะงั้น

เนื่องจากรองเท้าส้นสูง ที่เตรียมมาเฉิดฉาย 😀 ใส่ตลอดทริป ดันขาดก่อนโหลดกระเป๋า ต้องใส่รองเท้าผู้ชายคู่ใหญ่ ซึ่งเป็นของพี่ไกด์ ตอนอยู่หมู่บ้านวัฒนธรรมซื้อแตะไปคู่นึงแล้ว มาหล่อหวู่ก็กะซื้อรองเท้าแคชชู ให้มันสุภาพเดินงานหน่อย เลยหมดเวลา 20 นาทีไปกับ การเลือก+รอรองเท้า (รอไปเปลี่ยนไซส์ 37 ตั้งนาน กลับมา ดูรู้เลยว่าสลับสติกเกอร์ 37 มาให้ แต่ไซส์เท่าเดิม เฮ้อ…) อีก 15 นาที กับการหาห้องน้ำในห้าง 555

และก่อนห้างปิด 25 นาที ชะก็อยากซื้อกล้องซักอัน ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ว่ามันเป็นของปลอมหมด ด้วยความที่ชะใสซื่อมาก คนขายเปิดราคามาที่ 6 พันหยวน ก็เชื่อซะงั้น คนขายบอกเป็นรุ่นล่าสุด และถูกกว่าฮ่องกงอีก (เราคิดในใจ ว่ามันโม้เก่งเหลือเกิน) เลยบอกชะว่าให้เดินออกมา ถ้าไม่ได้ต่ำกว่า 200 หยวน แล้วก็โดนตาม กลับไปให้ราคาที่เราพอใจ ชะลังเลๆ ไม่กล้า แล้วก็กดไป 250 หยวน พ่อค้ายังแกล้งทำเป็น โอ๊ยย ต่อมาได้ยังไง ขายไม่ได้ สุดท้ายจูงมือชะออกจากร้าน พ่อค้าตามมาโอเค ให้ที่ 250 (แอบเซ็งในใจ ว่าน่าจะกดไปซัก 100-150 หยวน)

ด้วยความที่เราลืมเอามือถือออกจากโรงแรม เพราะชาร์จไฟอยู่ เลยต้องใช้กล้อง Brand New ใหม่ถอดด้ามของชะใช้ไปพลางๆ เดินพ้นตึกไม่เท่าไหร่ เพิ่งรู้ว่า แสงแฟลชมันแทบจะไม่ออก แถมเวลาดูรูป ยังยากลำบากเสียอีก ดีว่าเงินพันบาท ยังสามารถซื้อกล้องกิ๊กก๊อกที่เล่น VDO+MP3 เก็บไฟล์ได้บ้าง แต่เราก็ไม่มีกล้องที่เก็บรูปได้จริงๆ ระหว่างที่เรา 2 คนเดินไปหาอะไรกินในซอกซอยข้างโรงแรม

เราเจอร้านปิ้งย่าง คล้ายๆ เมื่อครั้งที่เคยกิน ณ หังโจว แต่ที่นี่ราคาถูกกว่ามาก ผักย่าง ตกไม้ละหยวนเอง ต่างคน ต่างซื้อของกินกลับโรงแรมมากมาย ทั้งก๋วยเตี๋ยวผัด 2 กล่อง 6 หยวน และ 10 หยวน สิ่งที่ค้นพบว่าอร่อยบนเตาย่าง คือ ซอสบางอย่าง ที่ทำให้แผ่นไข่ และไก่ย่าง หอมหวล ชวนอร่อย เลยทำให้ซื้ออีกเยอะแยะเลย สุดท้ายกินกันไม่หมด เพราะยังมีชาไข่มุก 8 หยวน คนละถ้วย 555 ก่อนนอนวันนี้ ช่างอิ่มจริงๆ

โอ๊ย เขียนมายาวขนาดนี้เลยหรอเนี่ยะ ยังไม่เข้าเรื่องธุรกิจเลย งั้นตัดไว้เป็นวันพรุ่งนี้อีกวันละกันนะ

Leave a comment »

Asia Conference 2010 [MAY 25-31]

Be back later to share the blessing of the LORD!
 
เข้ามากระชับพื้นที่ชั่วคราว เดี๋ยวได้สรุปจากผู้ใหญ่ แล้วจะมาแบ่งปันค่ะ
พอดีไม่ได้จดเนื้อหามาเลย เพราะต้องเป็นล่ามคำต่อคำตลอดการสัมนา
ส่วน VDO ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ถ่าย รวมทั้งรูปภาพก็ถูกห้ามถ่ายด้วยค่ะ
Leave a comment »

Church in Singapore – คริสตจักร ใน สิงคโปร์

ก็ว่าจะเขียนทอปปิคนี้ 1 ปีมาแล้ว วันนี้ได้ฤกษ์ ลุย…

1. City Harvest Church (城市丰收教会)

CHC ตั้งอยู่แถว Jurong West แต่นมัสการวันอาทิตย์ที่ Expo Hall 8 … เป็นคริสตจักรที่มีสมาชิกมากที่สุดของสิงคโปร์ ณ ปัจจุบันนี้ มีสมาชิกราวๆ 2-3 หมื่นคน เป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย โดยคริสตมาสปี 2007 มีคนมาร่วมงานถึง 5 หมื่นกว่าคน มีรอบหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ จีนแมนดริน กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน อินโด … ก่อตั้งโดย ศบ. Kong Hee (เป็นแพสเตอร์ที่แอ๊บวัยรุ่นมากๆ) ในปี 1989 โดยแรกเริ่มมีคนเพียง 20 คน และในปี 2001 คริสตจักรมีที่นั่งสำหรับคน 2,300 คน และในปี 2005 ก็ย้ายไปนมัสการที่ Expo เพราะคนเยอะมาก

CHC เป็นคริสตจักรลักษณะ Charismatic และ Pentecostal เน้นคำสอนเรื่อง ความรัก, พระมหาบัญชา และสิทธิอำนาจ และยังมีสถาบันพระคัมภีร์ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ และร่วมกับวิทยาลัยของออรัล โรเบิร์ต ในอีกกว่า 50 คริสตจักรตามประเทศต่างๆ มีสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของตัวเอง และมีทีมมิชชั่นมากมาย ฯลฯ คำเทศนาที่เคยฟัง จะเน้นเรื่องการนมัสการ การรับใช้ และชีวิตที่บริบูรณ์ ฯลฯ

คริสตจักรนี้ โตด้วยระบบ Cell Group และไม่มีการปรับเปลี่ยนเป็น G12 แต่อย่างใด … น่าแปลกที่ระบบเซลล์ไม่ตันเหมือนกับโบสถ์เราแฮะ และตอนที่เคยไปเยี่ยมโบสถ์ที่นั่น ก็มีคอนเสิร์ตจาก Hillsong มาพอดีด้วย คนไปขอถ่ายรูปกันตรึม เราก็เลยไม่ได้ภาพมา อ้อ โบสถ์นี้มีอัลบั้มนมัสการหลายอัลบั้มแล้วนะ เพลงก็ใช้ได้เลย แนะนำเพลง Come, Holy Spirit ในอัลบั้ม Cross ปี 2005

2. New Creation Church

NCC เป็นคริสตจักรที่ก่อตั้งในปี 1984 เริ่มจากสมาชิกราวๆ 25 คน เพิ่มเป็น 150 คน ในปี 1990 และ 3 พันคนในปี 1997 โดยปัจจุบันมีสมาชิกราวๆ 17,000 คน มีรอบ 4 ภาษา อังกฤษ แมนดริน ฮกเกี้ยน และ เกาหลี … ลองสังเกตุดูว่า เพราะเหตุใด จำนวนตัวเลขคริสตจักรถึงได้มีการก้าวกระโดดอย่างน่าตกใจ? ไม่รู้ว่าเกี่ยวมั๊ย ที่คริสตจักรเหล่านี้เน้นเรื่องการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์???

คริสเตียนไซเบอร์ส่วนใหญ่แล้ว จะรู้ว่า Pastor Joseph เนี่ยะ เป็นคนที่ Popular มากๆ เพราะอาจารย์โจจะเทศนาเน้นเรื่อง "พระคุณพระเจ้า" เน้นเรื่องความมั่งคั่ง และชีวิตที่บริบูรณ์ โดยได้รับเชิญจากคริสตจักร Hillsong ไปร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนาระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง ส่วนคำเทศนาทุกวันอาทิตย์ของ NCC คนทั่วโลกก็ดาวน์โหลดกันไปฟังกันอย่างมันส์ และแม้แต่ประเทศไทยก็ยังเคยเชิญอาจารย์มาเทศนาทางภาคเหนือ ผู้ใหญ่ที่ไปเจอจารย์โจมา บอกว่ารัศมีแห่งความรักจากพระเจ้าผ่านอาจารย์ช่างอบอุ่นมากๆ

อาจารย์โจ มีของประทานในการสอน สอนพระคัมภีร์ได้อย่างฮา และคำเทศนาของอาจารย์มีผลในชีวิตของเราจริงๆ เพราะอาจารย์เน้นที่พระเยซูเป็นหลัก เน้นเรื่องความรักของพระเจ้า ฤทธิ์เดชไม้กางเขน พระสัญญา ความจริงในพระลักษณะของพระองค์ ฯลฯ ใครฟังแล้วจะซาบซึ้งพระคุณพระเจ้าไปตามๆ กัน … ที่สำคัญ ตั้งแต่ฟังเพลงนมัสการของสิงคโปร์มา คริสตจักรนี้ยอดเยี่ยมเรื่องการนมัสการมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มของอาจารย์โจเอง ที่นำนมัสการในพระวิญญาณ หรือเป็นอัลบั้มที่ทีมนมัสการแต่งขึ้นมาเอง ขอบอกว่าสุดยอดมากๆๆๆๆๆ เพราะเพลงนมัสการของเค้ามีลักษณะเป็นลูกคลื่น ตั้งแต่อ่างชำระจนถึงห้องชั้นใน ตรงหน้าแท่นพระกรุณา ได้อารมณ์มากๆ โดยเฉพาะเพลง "All Glory and All Praise" ในอัลบั้ม "You Alone I Praise" การันตี เพราะทั้งอัลบั้ม

3. Faith Babtist Community Church (FCBC)

FCBC อันนี้ยังไม่มีการสืบทราบถึงประวัติในการก่อตั้ง แต่คริสตจักรนี้เป็นที่ที่เคยไปร่วมงานสัมนา GCYC อยู่อาทิตย์นึงเต็มๆ ประชุมที่ Expo เหมือนกัน อยู่ข้างๆ โบสถ์ CHC อย่างชิดใกล้ แต่ก็แตกต่างนิดหน่อย ตรงที่คริสตจักรนี้เป็นแบ๊พติสต์เก่ามาก่อน แล้วมาฟื้นฟู เชื่อเรื่องพระวิญญาณมากขึ้น นำเอาระบบ G12 เข้ามาใช้ คือ สร้างสาวก 12 คนไปเรื่อยๆ ใครมีลูกหลานครบ 144 ก็จะถือว่าเป็น Pastor ส่วน ศบ.ลอเรนซ์ คอง เป็น ศบ. ที่ใช้มายากลในการประกาศ และสอนในคริสตจักรด้วย เท่มะล่ะ

FCBC เป็นคริสตจักรที่มีสมาชิกมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศสิงคโปร์เลย ซึ่งตอนที่ปรับเปลี่ยนนำ G12 เข้ามาใช้ สมาชิกย้ายโบสถ์หนีกันไปครึ่งต่อครึ่ง แต่ทุกวันนี้ก็ยังถือว่าสมาชิกเยอะอยู่ เห็นเด็กอายุ 12 มีลูก G เป็นเด็ก 5-7 ขวบรายล้อมในกลุ่ม แล้วเด็ก 12 ขวบก็สอนน้องๆ น่ารักมากๆ ส่วนเพื่อนๆ ที่คริสตจักรนี้ก็นิสัยดี น่ารัก น้ำใจงาม เป็นอะไรที่ต้อนรับ เลี้ยงดูพวกเราอย่างดีมากๆ สัมผัสถึงความรักพระเจ้าจริงๆ

ส่วนเรื่องการนมัสการหรอ … เพลงเค้าก็เพราะมากๆ เช่นกัน ได้รับแจกซีดีมา 1อัลบั้ม แนะนำเพลง Come & Bless the Lord และเพลง New Every Morning นอกนั้นที่คริสตจักร FCBC ก็ใช้เพลงของ Hillsong เป็นการป๊กติ

เดี๋ยวค่อยมา Review อีกรอบละกัน …

1 Comment »

Guangzhou 2008 (กวางเจา – 广州)

There is a quote of business man says "Man should read 3 KINGDOMS if he would like to do business" [It’s famous novel from true chinese history] I read it more than once times but finally I’ve found the Bible is greatest book & no need to take it anymore. Likewise, they say "If you think to do business, you should once visit Guangzhou. It’s the city of trading & commerce of the world." Of course … wholesale market of Thailand: Biyoke, Bobae, Pratunam, Sampeng; the merchants deal 90% of products from this city. I couldn’t go every shopping store cuz there’re many kinds of product & many places for shopping with reasonable price.

During the 19th century, the only place foreigners were allowed to visit in China was CANTON, now = Guangzhou is the economic centre of mainland China’ leading commercial & manufacturing regions. GDP exceeds $76.8 billions USD, per capital was about $12,000 USD ranking first among other 659 Chinese cities with 12,600,000 population. More merchants came to do business & selling luxury goods.

Guangzhou

Perl River

Dong Fang Hotel

Today, I’m so weary in Gungzhou cuz long journey between city to city seems like I drive from BKK to Korat. Each day, we gotta move about 3-5 cities to visit supplier’s factories. I stay at Dong Fang Hotel, Liuhua Road, near the International Export Site. When I had finished my work, I decided to go Beijing Road at night. I could’t find taxi around my place while temperature is now 12C, so I get on subway to Gongyuanqian station (near Beijing) by asking people all way. 4/5 can speak English & 3/5 speak fluently. I spent much time for finding the exit. When I’d gotten off, I saw little mall for shopping around subway station (= Asoke MRT in BKK).

There is a Cantonese saying:
"We eat everything with 4 legs on the ground except the table
We eat everything that can fly in the sky except the airplane.
We eat everything that can swim in the water except the pigboat!
"

It’s absolutely TRUE! When I look around for shopping at Beijing Road, I could see various kinds of meat :: goat, bird, monkey, rabbit, etc. Do you know where here same like? I think of SIAM Centre. There’re many teenagers & youths walk to buy new fashion. Mrs. Moon was hungry, so we dropped in food shop & see english menu but don’t get what the real one is. I ordered korean noodle & don’t wanna tell u that’s very insipid I should go alone to choose anything as my desire cuz I heard about Gungzhou has many delicious foods.

Subway Terminal

Beijing Lu

Dinner

ยังไม่จบหรอก อิอิ แต่ไม่อยากเขียนอังกฤษละ เดี๋ยวเพื่อนที่โน่นเข้ามาอ่านจะร้อน แบบว่าเห็นบ้านเมืองเค้าก็ตกใจนิดหน่อย ที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงเร้ว เร็ว อาคาร บ้านเรือน ผู้คน ที่โน่น ต่างกับที่คนไทยหลายคนคิดเอาไว้ เจริญกว่าเราในหลายด้าน ยิ่งกว่างโจวนี่ ที่ว่าคนจีนไม่ค่อยพูดอังกฤษ เห็นจะไม่จริงแล้ว แต่ละคนพูดคล่องกว่าเราเยอะเลยแหละ อย่างตอนที่หลงลงไปนั่งรถไฟใต้ดิน เพราะเห็นคุณพี่ที่ไปด้วยหนาวจนเดินไม่ไหว เราก็งมเข็มอยู่ตั้งนาน กว่าจะถึงสถานีที่ใกล้กะปักกิ่งลู่ ต้องถามคนเป็น 10 แถมอักษรจีนหลายพันตัว อ่านออกไม่ถึง 10 ตัว ฟังกวางตุ้งก็ไม่ออก พูดจีนกลางได้ก็ไม่กี่คำ จนคนที่โน่นชอบมองหน้า แล้วคิดว่าเรา ตาก็ตี่ หน้าก็หมวย ดันฟังเค้าไม่ออก 555 ทำไงได้ล่ะ ดีว่าคนที่นี่พูดอังกฤษเก่ง เลยไม่หลงทาง

ไอ้เรานึกว่าปักกิ่งลู่จะเหมือนจตุจักร ไม่ก็หน้าราม ซื้อของถูกๆ ได้ไม่ยาก ที่ไหนได้ มีแต่แบรนด์เนม สลับกะร้านที่ไม่ได้ถูกซักเท่าไหร่ เท่าที่ดู มอลล์ตรงทางออกรถไฟใต้ดินถูกสุดแล้ว ซื้อผ้าพันคอมากันหนาวแค่ 10 หยวน (48 บาท) แต่เพื่อนชมว่าสวยมาก (อันที่จริงแบบหลายร้อยหยวนก็มี แต่ไม่ซื้อ 55) ก่อนถึงปักกิ่ง ก็แวะร้านกางเกงยีนส์ ซื้อไป 6-7 ตัว เพราะสวยและถูกมากๆ ตัวประมาณ 58 หยวน ถึง 100 กว่าหยวน ผู้คนแถวนี้วิวัฒนาการเร็วมาก ตอนกลับนั่งแท็กซี่ คนขับผู้หญิงพูดอังกฤษคล่องมากๆ ถึงโรงแรม 8 หยวน (40 บาท) และให้ทิปอีกเล็กน้อย เพราะนับถือจริงๆ ที่พี่เขาไม่หยุดตรุษจีนเพื่อหาเงิน และเป็นเพื่อนคุยตลอดทาง

เด็กรุ่นใหม่ก็เก่งกันมากเลย เพราะคนที่นี่กระเสือกกระสน ปากกัดตีนถีบ อย่างตอนไปดูโรงงานแถวกวางเจา เป่ยหลิงวัย 23 นักเรียนโทวิยาศาสตร์ มาเป็นล่ามชั่วคราว ชีพูดอังกฤษแอคเซ่นสะบัดจนฟังแทบไม่ทัน กะคุณเชงๆผู้เทคแคร์ดีเป็นเลิศ ดูโรงงานที่กวางเจาแค่ 2 แห่ง ก็พาเรามากินข้าวกลางวัน ร้านไม่น่านั่งเลยอ่ะ ส้วมหลุมด้วย แต่อาหาร ไม่รู้จะบรรยายยังไง อร่อยมากกกกกก เสียดายมื้อนี้ไม่ได้แอบถ่ายรูป เพราะไปกะพวกผู้บริหาร กลัวเสียมารยาท ไม่อยากจากเมืองนี้ไปเลย เพราะเห็นแก่กิน อาหารถูกปากเป็นที่ซู้ดด และเสียดายที่ยังไม่ได้ลองเนื้อแปลกๆ อย่างเนื้อแพะ แกะ จรเข้ ที่คนที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราจะไม่กินพวก น้องหมา กระต่าย แมว เด็ดขาด ไม่ชิน ทิงทิงบอกว่าเค้ากินเนื้อเอ๋งประจำ ทำไมตุ้ยไม่ลองบ้างล่ะ

Yinghua

Pop + เชงๆ + เป่ยหลิง

Direction in BA

ที่นี่มีสนามบินติดเรท 5 ดาวอันดับต้นๆ ของโลกอย่างฮ่องกงด้วย (สุวรรณภูมิบ้านเราถูกจัดขั้น 3 ดาว) ชื่อว่า สนามบินไป่หยุน น้ำปั่นแก้วละ 80 หยวน (400 บาท) ไม่เฉพาะแถวแอร์พอร์ท แต่บริเวณทั่วไปของเมืองนี้ ค่าอาหาร ค่าครองชีพสูงกว่ารายได้ของคนที่นี่มากๆ ที่ธรรมดาๆ ชามนึงไม่มีต่ำกว่า 10 หยวน ทั้งที่รายได้คนทำงานออฟฟิศไม่ถึง 2 พันหยวน เว้นแต่เจ้าเดฟชาวสิงคโปร์ ที่ถูกจ้างมาทำแผนก Inter ได้ $750 USD ต่อวัน พาเรากินเหลาตลอด แต่กินแบบเติบที่นี่ ถือว่าไม่แพงเลย เพราะกับข้าวจานใหญ่ อย่างดี จานละ 20-100 หยวนเท่านั้นเอง

แต่มากวางเจาก็น่าติดใจจริงๆ ติดใจอาหาร บ้านเมือง อากาศ (10 องศา) การชอปปิ้ง และอยากพูดแมนดารินกะกวางตุ้งได้ ถ้าอยู่ที่นี่ซักพักคงพูดได้เร็ว นั่งนับ หลิง อี๊ เอ้อ ซาน ซื่อ หวู … ก่อนไปตั้งหลายรอบ พอเวลาเก็บตังค์ค่าอาหาร ก็ต้องใช้ภาษามือจนได้ ที่ใช้บ่อยคือ เชี่ยเชี่ยหนี กะ ตุ้ยปู้ฉี คนที่นี่มีทั้งเป็นมิตรมาก กะไม่รับแขกเลย แต่ที่หายากมากๆ คือโบสถ์ ไม่มีไม้กางเขนโผล่มาให้เห็นซักอัน เว้นแต่โบสถ์คาทอลิกเก่าๆ ที่สงวนเอาไว้ท่องเที่ยว … ไม่รู้ว่าจะได้กลับมากวางเจาอีกทีเมื่อไหร่ อาจไม่น่าอยู่เท่าเมืองไทยบ้านเราเอง เพราะมีข้อดี+ข้อเสียต่างกัน แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจก็ใช่ย่อยเลยล่ะ ถ้ามีโอกาส ก็อยากกลับมาอีกเหมือนกัน

สุดท้าย … ขอขอบคุณพระเจ้า ผู้เป็นสปอนเซอร์ตลอดงาน พระเจ้าตอบมากกว่าสิ่งที่อธิษฐาน ได้เห็นการจัดเตรียมตั้งแต่แรกเริ่มจนสุดท้ายที่นี่ ก็บอกได้ว่า "พระเจ้ายิ่งใหญ่" จริงๆ ที่นี่เป็นเมืองธุรกิจ นักธุรกิจจากทั่วโลกแวะเวียนมาลงทุน ได้เห็นโลกกว้างมากขึ้น แต่อย่างที่เขียนไปเมื่อวันก่อน ว่าใครๆ ก็เป็นกันได้นักธุรกิจ หรือจะเป็นเศรษฐีก็ได้ ด้วยความเพียรอย่างคนจีน แต่จะเป็นคนนั้นของพระเจ้า ขวนขวายยังไงก็ไม่ได้ ถ้าพระเจ้าไม่ได้เลือก … ขอสรรเสริญและนมัสการพระองค์ เยโฮวาห์ ยิเรห์ และทุกพระนาม นมัสการตลอดไป

P.S.// พอเขียนท่อนสุดท้ายเสร็จ เพลงนี้ขึ้นมาพอดี

I’m gonna be a history maker in this land
I’m gonna be a speaker of truth to all mankind
I’m gonna stand, I’m gonna run
Into your arms, into your arms again

3 Comments »

Vacation of Fellowship – พักร้อน

ไปพักผ่อนไกลๆ ซักระยะนะคะ …
กลับมาแล้วจะเล่าให้ฟัง

ถึงเพื่อนๆ ที่ทักเข้ามาใน MSN

ขอโทษด้วย
ยุ่งมากๆๆๆ
ไม่มีเวลาคุยเลย
ปั่นเว็บสำคัญแห่งภารกิจกู้โลกอยู่ค่ะ
 
บากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย
 
Note: อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก … เราเป็นแค่เอเลี่ยนของโลกใบนี้
 
I’m out of BKK at the time of water-splashing festival.
I take a rest with bro & sis in Christ this long holiday.
If you arrive at Thailand & want me to take care,
I will come back soon & lead you to church on Sunday.
Plz call me when you get here. (66) 081-713-XXXX
 
2 Comments »