MH370 กับ ทฤษฎีที่ไม่เคยมีใครเสนอ!
เกี่ยวเนื่องด้วยประเทศที่เงียบหายไปจากการวิเคราะห์ทั้งมวล
ประเทศซึ่งมีหน่วยสืบราชการลับที่เก่งและฉลาดสุดๆๆๆ ของโลก
(บทความนี้ค่อนข้างยาวหน่อย แต่เต็มด้วยเนื้อหาสาระ และมีเรื่องมันส์ๆ ระดับโลก)
หลังจากผ่านไปเป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์แล้ว ในการค้นหาตัวเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ #MH370 มีผู้คนมากมายจากทั่วโลก เฝ้าจับตา ติดตามข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินที่ไร้ร่องรอย อันมีเงื่อนงำหลายประการ ด้วยความเป็นห่วงผู้คน 329 ชีวิต ว่าจะอยู่ที่ไหน? สบายดีหรือไม่? กินอยู่อย่างไร? ยังมีชีวิตอยู่ไหม? โดยเฉพาะประเทศจีนที่ร้อนรน เนื่องจากมีผู้โดยสารเที่ยวบินนี้เป็นชาวจีนถึง 153 คน
เฉพาะในประเทศไทย (แม้จะไม่มีคนไทยในเที่ยวบินเลย) ในโลกออนไลน์ มีการพูดคุยและให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก และมีประเด็นตั้งแต่ เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ, การก่อการร้าย, การฆ่าตัวตายของนักบิน, การใช้เครื่องบินเป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง, เกิดสามเหลี่ยมแห่งใหม่คล้ายเบอร์มิวด้า, เอเลี่ยนนอกโลกลักพาตัว, เกิดมิติใหม่ที่เชื่อมต่อพาเครื่องบินไปโผล่ที่โลกอนาคต, ฯลฯ
แต่เมื่อวานนี้ (24 มีนาคม 2014) มีแถลงการณ์จาก นาจิบ ราซัค นายกมาเลเซีย ว่ามีหลักฐานว่าเครื่องตกแน่แล้ว ซึ่งหลักฐานนั้นคือการวิเคราะห์จากระบบดาวเทียมของ Inmarsat ที่วิเคราะห์ว่าน้ำมันน่าจะหมด แต่ยังไม่มีการโชว์ชิ้นส่วนจริงใดๆ จึงสร้างความงงงวยให้กับญาติผู้โดยสารเป็นอย่างมาก จนเกิดการประท้วงวุ่นวาย หรือต่อให้เจอชิ้นส่วนจริง มีการปูเรื่องจากเหตุการณ์แต่ละวันไปในทางตื่นเต้นมาก่อนมากมาย จบเช่นนี้ ถือเป็นการหักมุมที่ผู้เฝ้าติดตามคาใจสุดๆ!
นอกจากการคาดเดาด้านบนแล้ว ยังมีกระแสข่าวลือจากประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย เป็นสิบๆ กระแส เช่น
– อังกฤษให้ข่าวว่า เป็นการบังคับเครื่องบินแบบรีโมต คือผู้บังคับไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน เพราะโบอิ้ง 777 เป็นเครื่องที่สามารถเชื่อมต่อ ถูกควบคุมออนไลน์ได้ (เหมือนขับรถแบบไม่มีคนผ่าน iPhone)
– อเมริกาให้ข่าวตั้งแต่วันแรกๆ ว่า เครื่องบิน บินต่อไปทางมหาสมุทรอินเดีย และสัญญาณขาดหายไป คาดว่าตกลงสู่ท้องทะเลเรียบร้อยแล้ว (ข้อมูลจากอเมริกาแลดูมีลับลมคมนัย เหมือนรู้อยู่แล้ว แต่ยังทำเป็นมาช่วยหาแถบอื่นก่อน)
– รัสเซีย ประเทศที่มีหน่วยสืบราชการลับที่เก่งพอกะ CIA คือ KGB (ปัจจุบันชื่อว่า FSB) บอกว่าหน่วยข่าวกรองของประเทศสืบมาว่า สหรัฐฯ แอบพาเครื่องบินไปลงที่ฐานทัพลับชื่อว่า Diego Gracia ในหมู่เกาะทางตอนใต้ของอินเดีย เพราะมีสิ่งสำคัญบางอย่างระดับโลกบนเครื่องบิน ที่ต้องลักพาเพื่อผลประโยชน์ (จะกล่าวถึงต่อไป)
ก่อนอื่น จะขอตัดทฤษฎีโอเว่อร์ ที่คนไทยพร้อมใจกันเชื่ออย่างมากในทีแรกออกไป ไม่ว่าจะมิติเชื่อต่ออนาคต, สามเหลี่ยม, เอเลี่ยน และจะไม่พูดถึงรายละเอียดมากนัก เกี่ยวกับการปิดสัญญาณ Transponder, ACARS และเปลี่ยนเส้นทางการบินที่มุ่งหน้าไปปักกิ่ง กลับมาผ่านแถวช่องแคบมะละกา เพราะทุกคนคงตามข่าว และรู้รายละเอียดเป็นอย่างดี
เอาคร่าวๆ คือ สิ่งต้องสงสัยบนเที่ยวบินนี้คือ ปกติเครื่องบินที่ทันสมัยอย่างลำนี้ จะมีกลไกการติดตามตัว การติดต่อสื่อสารที่ยอดเยี่ยมและทันสมัย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือกรณี Stall ใดๆ “กล่องดำ” จะทำงานส่งทันสัญญาณแจ้งบริเวณที่อยู่ทันที แม้จะอยู่ใต้น้ำ 20,000 ฟุตก็ตาม แต่ทุกอย่างบนเครื่องบิน กลับเงียบงันเป็นปริศนามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
– ยังไม่เจอเศษซากเครื่องบินแตกกระจายซักชิ้น วันแรกๆ เวียดนามก็บอกว่าเจอ แต่พิสูจน์แล้วก็ไม่ใช่ ล่าสุดดาวเทียมของ ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เจอภาพชิ้นส่วนที่(แค่สงสัยว่า)น่าจะเป็นของเครื่องบิน แต่ก็หากันมาจนวันนี้ ยังไม่มีใครสอยขึ้นมาจากมหาสมุทรได้ซักชิ้น
– Transponder ที่ส่งสัญญาณที่อยู่ของเครื่องบิน เหมือนถูกปิดอย่างจงใจ พร้อมกับสัญญาณ ACARS ที่ต้องลงไปปิดอีกจุดใต้ท้องเครื่อง (นักบินบางท่านบอกว่ายังไม่รู้เลยว่ามันอยู่จุดไหน)
– สัญญาณที่บริษัท Rolls Royce จับได้ (เนื่องจากเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนเครื่องบิน มันจะมีการอัพเดทข้อมูลเครื่องไปยังฐานข้อมูลบริษัท) ว่าเครื่องบินบินต่อไปอีก 4-7 ชั่วโมง มาทางมหาสมุทรอินเดีย และจับเส้นทางการบินพาณิชย์ มุ่งหน้าไปทางประเทศแถบอาหรับ (ข่าวในทีแรก)
– มีอยู่วันนึงที่มาเลเซียอ้างว่า ได้รับสัญญาณที่ส่งออกมาจากเครื่องบินว่าได้ลงจอดแล้วที่ใดที่นึง (มาเลเซียเป็นประเทศที่คลุมเครือ สับไปสับมา และปิดบังข้อมูลข่าวมากๆ) สัญญาณตัวนี้จะส่งเมื่อลงจอดปลอดภัยเท่านั้น
มีคนวิเคราะห์กันว่า ถ้าก่อการร้าย จะก่อไปทำไม? ถ้าเอาตัวผู้โดยสารไป แล้วใยป่านนี้จึงยังไม่สืบทราบข้อเรียกร้องใดๆ ของกลุ่มผู้ก่อการร้าย? หรือว่ามันเป็นความลับระดับประเทศของมาเลเซียที่ไม่อาจแพร่งพราย? คนเขาก็ว่ากันว่าอุยกูร์(มุสลิม)ในจีน ต้องการเรียกร้องแบ่งแยกดินแดน หลังจากเพิ่งฆ่าหมู่ สังหารชาวจีนไม่เลือกหน้าด้วยกองกำลังชุดดำ ที่สถานีรถไฟใต้ดินเมืองคุณหมิงไม่นานมานี้
ส่วนคนที่ให้ความสนใจในประเด็น ประเทศมหาอำนาจลักพาตัวผู้โดยสารจาก อันไม่เกี่ยวกับก่อการร้ายนั้น มีมูลเหตุที่มาจาก ผู้โดยสารบางคนบนเครื่องบิน มี 20 คน มาจากบริษัทผลิตชิพคอมพิวเตอร์ บางคนในนั้นเป็นผู้คิดค้นชิฟ Semi-Conductor ที่มีขนาดเล็กมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตวงการอาวุธโลกได้ รวมทั้งมีการขนสินค้าต้องสงสัยที่สำคัญขึ้นเครื่องด้วย (highly suspicious cargo) ไม่เพียงแต่อเมริกาจะให้ความสนใจ รัสเซียเองก็จับตาการเคลื่อนไหวนี้อยู่ ทางรัสเซียร่วมกับจีนเตรียมแผนจะบังคับให้ MH370 ลงไปจอดในสนามบิน Haikou Meilan International Airport ที่ไหหลำเพื่อตรวจสอบสินค้า หรือวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นอะไรก่อนที่จะบินไปลงปักกิ่ง
ไต้หวันประเทศผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ก็เคยออกข่าวว่า คนบนเครื่องมีการโทรฉุกเฉิน คุยกับเจ้าหน้าที่อเมริกันที่สนามบินอู่ตะเภาบ้านเรา จึงมีปฏิบัติการลักพา และอำพราง น็อคผู้สารให้สลบโดยใช้ความสูงผิดปกติในการบินหลังสัญญาณหาย อีกทั้งเครื่องบิน Stealth ของสหรัฐสามารถหลบหลีกหรือบังการตรวจจับสัญญาณเรดาห์เหนือน่านฟ้าประเทศต่างๆ ได้ โดยการบินประกบคู่กับเครื่องบินพาณิชย์
ถ้ารู้ประวัติการทำงานของหน่วยสืบราชการลับ FSB แล้ว ยากที่จะปฏิเสธว่าข่าวกรองของรัสเซียนี้ผิดพลาด (แม้แต่ปูติน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้ก็เพราะเคยเป็น KGB และเอาวิดีโอลับของผู้นำสมัยนั้นมาแฉ จนทำให้หลุดจากตำแหน่งไป) แต่ถ้ามองว่าเป็นการ Discredit สหรัฐ โดยการแกล้งปล่อยข่าวโคมลอยก็อาจเป็นได้ เพราะช่วงนี้ 2 ประเทศกลับมาฮึ่มๆ เขม่นใส่กันอย่างเข้มข้น และอีกปัจจัยหนึ่ง ฐานทัพลับที่ Diego Gracia นั้น มันไม่ได้ลับอีกต่อไป ภาพดาวเทียมระดับสูงของประเทศต่างๆ ก็จับได้ แถมเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่น่าจะเป็นที่หลบซ่อนเครื่องบินที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก (เว้นแต่มันจะซ่อนไว้ใต้พื้นดินไร่สวนที่มีกลไกยกขึ้นลงอย่างในหนัง) จึงไม่ได้ให้ความสนใจประเด็นนี้นัก
[จะเริ่มเข้าเนื้อหาแล้วนะ ที่เกริ่นนำมา เป็นน้ำทั้งนั้น 555]
อันที่จริง คิดว่าทฤษฎีอันหลังๆ พวกนี้มัน “โอเว่อร์” เกินความเป็นจริง เหมือนในหนังแอคชั่นเกินไป คิดว่าคงเป็นอย่าง Air France ที่ตกในทะเลลึก ค้นหากันอยู่ 2 ปีกว่าจะเจอ (แต่เขาเจอชิ้นส่วนเครื่องบินและศพลอยน้ำตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่เครื่องตก) แต่พอดีคุยกะพี่สาว เขาพูดขึ้นมาว่าอาจเป็นประเทศ XXX (เก็บชื่อไว้ก่อน ยังไม่อยากพูดถึง) ก็ได้นะ เพราะในอดีตประเทศนี้เคยลักพาเรือซึ่งขนยูเรเนียม หายวับแบบหาไม่เจอมาก่อน ทั้งตัวเรือและผู้โดยสาร ผ่านไปจนโลกลืม เรื่องถึงได้ปูดขึ้นมา จึงได้ยอมรับ เราก็ถามว่าเรื่องจริงหรอ อย่างกะนิยาย พี่บอกว่าเรื่องจริง อ่านตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น (วัยรุ่นของเขา เรายังไม่เกิด เพราะเราอ่อนกว่า 20 ปี) จุดนี้สร้างความคาใจ และสร้างแรงบันดาลใจอย่างมากในการเขียนบทความนี้ เพราะ *** ข้อมูลที่เราได้รู้ต่อจากนี้ มันน่าทึ่ง และเหลือเชื่อยิ่งกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นสิบๆ เท่า ***
ประเทศ XXX ที่ว่านี้ เป็นประเทศเล็กๆ แต่เป็นจุดประวัติศาสตร์ของทั้งโลก เรียกว่าเป็นแกนโลกก็ยังได้ ทุกครั้งที่มีเรื่องราวระดับชาติ ประเทศนี้จะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเสมอ เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก มากยิ่งกว่าอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ซึนามิ ที่ญี่ปุ่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เฮติและจีน แต่เหตุการณ์ MH370 ครั้งนี้ ประเทศที่ว่ากลับเงียบกริบ ไม่ปริปาก ไม่ออกมา ไม่เสนอตัวใดๆ และอยู่เงียบๆ ซะงั้น … ทำให้อดคิดไม่ได้ ว่าเขามีส่วนหรือเปล่า มันน่าสงสัยตรงนี้แหละ ที่ทำไมครั้งนี้เธอจึงเงียบ???!!! (อ่านลงไปเรื่อยๆ ถึงปฏิบัติการ Plumbat นะคะ แล้วจะอดเฉลียวใจไม่ได้ว่าเธอหรือเปล่า)
ใครว่าสุดยอดหน่วยสืบราชการคือ CIA & KGB เล่า!?
คุณเคยได้ยินชื่อสายลับ MOSSAD มั้ย?
บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่น้อยคนที่จะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ เพราะทีมสายลับนี้ ไม่ถูกพูดถึงเยอะอย่าง CIA ที่เอามาทำหนังแฉกันเป็นว่าเล่น แม้ว่าในหนังนั้นจะไม่ล้ำถึงครึ่งของความจริงเลย แต่ก็นั่นแหละ คนที่เก็บความลับได้มาก ย่อมเหนือกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ
สายลับ MOSSAD ถือกำเนิดขึ้นในประเทศ “อิสราเอล“
ในพระคริสธรรมคัมภีร์หรือหนังสือไบเบิ้ล กล่าวถึงชนชาติอิสราเอลเป็นหลักมาโดยตลอด ตั้งแต่พระเจ้าเลือกอับราฮัม บุรุษผู้มีความเชื่อในพระเจ้า ให้เป็นบิดาของมวลชนชาวโลก จนโยเซฟรุ่นหลานเข้าไปเป็นนายกของอียิปต์ และพาชนชาวยิวอพยพเข้าไปตั้งรกรากและหนีความกันดารอาหาร ฟาโรห์รุ่นต่อๆ มา เห็นประชากรชาวยิวเพิ่มพูนขึ้นมาก จึงกดขี่ข่มเหง ใช้แรงงานสร้างปิรามิดอย่างทารุณ พระเจ้าจึงส่งโมเสสมาปลดปล่อยพวกเขา หลังจากหนีออกมา พวกเขาเดินข้ามทะเลแดง ผ่านถิ่นทุรกันดาร โดยพระเจ้าให้สัญญาว่า จะยกดินแดนแห่งน้ำนมน้ำผึ้งอันบริบูรณ์ให้ ซึ่งที่นั่น ก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอิสราเอลปัจจุบัน
แต่ขณะที่อิสราเอลเดินทาง และใช้ชีวิตแต่ละยุคสมัย พวกเขาหันหลังให้พระเจ้า ไปกราบไหว้รูปเคารพที่สร้างมันด้วยมือครั้งแล้วครั้งเล่า… สมัยก่อน พระเจ้าจะพูดกับประชากรผ่านผู้พยากรณ์ ผู้พยากรณ์หลายต่อหลายคนได้ทำนายว่า ถ้าอิสราเอลไม่กลับใจ พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา ให้กระจัดกระจายไปในชนชาติต่างๆ ถูกปกครองโดยหลายชนชาติ และจะกลับมารวมตัวกันได้ใหม่ในยุคสุดท้าย นอกจากนี้คำพยากรณ์ในไบเบิ้ล ยังกล่าวถึงชาติสำคัญที่จะขึ้นมาปกครองโลกในแต่ละยุคสมัยด้วย และประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นตามนั้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำทำนาย
หลังการล่มสลายของอาณาจักรโรม ชาวโรมันและยิวกระจัดกระจายไปเป็นประเทศสำคัญต่างๆ ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ อิตาลี กรีก ฝรั่งเศส ฯลฯ (นิ้วเท้าทั้ง 10 ในหนังสือดาเนียล) และต่อมาบางกลุ่มในอังกฤษมาบุกเบิกประเทศอเมริกา แต่ชาวยิวยังคงรักษาความเชื่อ และเป็นกลุ่มชนที่เหนียวแน่น พร้อมจะกลับไปรวมตัวในดินแดนดังกล่าว มีการสะสมทรัพย์สิน ทยอยซื้อที่ดินที่ขณะนั้นถูกยึดครองโดยประชาชนชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง
จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว หรือชาวฮีบรู จำนวนกว่า 8 ล้านคนในสมัยของนาซี ด้วยความช่วยเหลือจากอังกฤษ อิสราเอลกลับมารวมตัว ก่อตั้งประเทศได้อีกครั้งในปี 1948 พวกเขาถูกขนาบด้วยประเทศมุสลิมบิ๊กเบิ้มรายล้อม โดยประเทศเหล่านี้รวมตัวกันอยากจะขยี้ยิวเป็นผุยผง (คนมากกว่า 10 เท่า พื้นที่มากกว่า 1,000 เท่า) การแพ้สงครามแม้เพียงครั้งเดียว คือการสิ้นชาติ! ทำให้อิสราเอลตัดสินใจก่อตั้ง MOSSAD องค์กรลับสุดยอดที่ไม่มีตัวตน ไม่มีสถานที่ ไม่มีแผนงบประมาณชาติ ฯลฯ เพื่อปกป้องตัวเองและความอยู่รอดของประเทศ
[ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ จะพบว่าอิสราเอลหรือชาวยิวนี้ มีความเก่งกาจ และฉลาดสุดยอดในโลก พวกเขาเปลี่ยนดินแดนแห่งทะเลทรายให้เป็นป่า ทำเกษตรด้วยเทคโนโลยีอันก้าวหน้า, เป็นผู้นำเรื่องเครื่องจักร หุ่นยนต์ การแพทย์, เป็นชาติแรกที่พัฒนามือถือสำเร็จ เป็นชาติแรกที่คิดค้นโซล่าร์เซลล์, เป็น 1 ใน 8 ชาติที่มีจรวดเป็นของตัวเอง, เป็นชาติที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ได้มากสุด, เป็นชาติผู้พัฒนาชิป Intel, มีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมากที่สุดในโลก และในประเทศต่างๆ นักค้นพบ นักประดิษฐ์ ต่างล้วนมีเชื้อสายยิว (เช่น กูเกิ้ล) ส่วนการสงคราม ก็มีเครื่องบินรบมากที่สุดในโลก มีอาวุธทันสมัยที่สุดในโลก รบชนะผู้รุกรานนานาประเทศเสมอ ทั้งที่ประเทศเล็กกว่าประเทศไทยเราซะอีก ซึ่งหนึ่งในส่วนสำคัญหลักที่เป็นแกนของชาติ ก็คือ MOSSAD!!!]
ประวัติ และ ภารกิจหลักของ MOSSAD
เมื่อ 25 ปีที่แล้ว มีการได้ข้อมูลว่า KGB มีพนักงานรวมกันทั่วโลกอยู่ 250,000 คน ส่วน CIA มีพนักงานในรัฐเวอร์จิเนีย 25,000 คน ทั่วโลก 5,000 คน แต่ MOSSAD นั้นมีคนเพียง 35 คนเท่านั้น ส่วนพนักงานประจำตึก 1,200 คนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองค์กรเลย เพียงแต่ทำความสะอาด เก็บขยะ ทำเอกสาร…คนที่ทำงานกับองค์กร ห้ามพูดคำว่า MOSSAD ให้เรียกแต่คำว่าสำนักงาน หากถูกถามทำงานอะไร ก็จะตอบว่า อยู่ฝ่ายทหารบ้าง กลาโหมของประเทศบ้าง…การมีอยู่ขององค์กร ถูกเปิดโปงโดยคนในที่ทำงานเป็นเวลานาน ผ่านนักเขียนที่เขียนงานระดับโลก โดยเรื่องของหน่วยงานลับนี้ ถูกถ่ายทอดลงในหนังสือ “By the Way of Deception” (คงเป็นอารมณ์เดียวกับที่ Snowden ออกมาแฉการมีอยู่ของโครงการ “ปริซึม” หน่วย CIA ยังไงยังงั้น)
หน่วยงานลับนี้ ถูกตั้งขึ้นหลังจากตั้งประเทศได้เพียงปีเดียว (ช่วงแรกไปฝึกงานกับ CIA) โดยมีสโลแกนที่มาจาก สุภาษิต 24:6 “เพราะว่าโดยการนำที่ฉลาด เจ้าก็เข้าสงครามได้ และด้วยมีที่ปรึกษามากๆ ก็มีชัยชนะ” ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาใช้ สุภาษิต 11:14 “ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย” โดยภารกิจหลักขององค์กรคือ การหาข้อมูล ข่าวสาร, ประสานงานทางการเมืองโดยแทรกซึมไปในประเทศต่างๆ, การลอบสังหาร ก่อวินาศกรรมศัตรูกึ่งทางการทหาร, ทำสงครามจิตวิทยาชวนเชื่อ ให้ข้อมูลลวง, วิจัยข่าวกรอง โดยเฉพาะเกี่ยวกับอาวุธ และค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีที่สนับสนุนด้านต่างๆ (แบบในหนัง James Bond) … พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดี ทั้งอาวุธทุกประเภท หลักการด้านจิตวิทยาชั้นสูง รวมทั้งอาจลักพาตัว ฆ่าคนที่มือเปื้อนเลือดของอิสราเอล (คนที่ทำลายยิว)
ในเหตุการณ์ 911 ที่ผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินก่อวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด MOSSAD ได้เตือนสหรัฐล่วงหน้า แต่สหรัฐยังขอสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่ใจก่อน จึงไม่มียิวคนไหนเข้าใกล้ตึกแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีชาวยิวหลายพันทำงานที่ตึก World Trade Center เขาจึงว่ากันว่าโลกนี้ถูกโยงใยโดยมีอิสราเอลอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ เสมอมา เรียกว่าเก่งกว่า CIA หลายเท่าตัว
MOSSAD กับภารกิจลับๆ ในอดีต
ภารกิจลับของอิสราเอลมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ปฏิบัติการสำคัญได้แก่
สงคราม 6 วัน (1967)
ยิวโดนรุมกินโต๊ะจากชาติอาหรับทั้งหลาย ที่ขนกำลังพลมาอย่างเต็มพิกัด ที่จะถล่มอิสราเอลให้ราบพนาสูญ ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน อิรัก ปาเลสไตน์ ปากีสถาน ลิเบีย แอลจีเรีย โมรอกโค คูเวต ซาอุ ฯลฯ กองกำลังทหารมากันหลายแสนคน (นี่ยังไม่รวมอิหร่านที่ประกาศลบอิสราเอลจากแผนที่โลกในปัจจุบันนะ) อียิปต์มีแนวป้องกันที่แม่น้ำซีนาย โดยไม่มีใครคิดว่าอิสราเอลจะขับรถผ่านทรายในทะเล
อิสราเอลได้ส่งสายลับ MOSSAD แทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลซีเรียเพื่อได้ความลับที่สำคัญ สายลับที่ใช้ตำแหน่งสูงนี้สั่งให้ปลูกต้นไม้เพื่อให้ทหารซีเรียได้ร่มเงา แต่จริงๆ เป็นการกำหนดเป้ายิง นอกจากนี้ MOSSAD ยังได้ข้อมูลในทุกๆ รายละเอียดของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อน และยังมีเครือข่ายชาวยิวอยู่ในทุกประเทศ … สายลับอียิปต์ถูกจับได้ในอิสราเอล จึงเลือกเป็นสายลับ 2 หน้าให้อิสราเอล แทนการอยู่ในคุก โดยส่งข้อมูลเท็จกลับไปว่ายิวจะโจมตีทางบก ส่วนยิวเองก็เตรียมพร้อมทุกด้าน มีการอพยพเด็กๆ 14,000 คนไปยังยุโรป หน้ากาก โรงพยาบาล ฯลฯ พวกเขาได้จารกรรมแผนที่กับระเบิดชายแดนทั้งหมด สืบรู้คลื่นวิทยุสั่งการของศัตรูและส่งเครื่องรบกวนทำงาน
พอเริ่มฉากสงคราม อิสราเอลบินต่ำหลบเรดาห์ ทำลายกองทัพอากาศอียิปต์ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งมีเครื่องบินรบ 420 ลำ และทำลายรันเวย์ทิ้งไม่ให้ขึ้นบินได้ ส่วนฝั่งกำบังอันแข็งแกร่ง ก็สามารถทำลายรถถังและเรดาห์จำนวนมาก ในชั่วโมงแรกของสงคราม!!! นอกจากนี้ยังทำลายกองทัพ จอร์แดน ซีเรีย อิรัก เลบานอน ที่เปิดฉากโจมตีถัดมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันโซเวียตเพิ่งประกาศอยู่ข้างโลกอาหรับ
อิสราเอลยังยึดดินแดนต่างๆ กลับมาได้เพิ่ม เช่น ฉนวนกาซา เวสแบงค์ คาบสมุทรซีนาย และเยรูซาเล็ม ทำให้ดินแดนขยายตัวออกไปกว่าเดิม 4 เท่า นับเป็นการสร้างความมั่นคงมากขึ้น แม้ชาติอาหรับจะไม่ยอม และพยายามทำสงครามด้วยเสมอมา
** ปฏิบัติการ Plumbat ** (1967)
สายลับ MOSSAD ชายหญิง 10 คน พลีทั้งเรือนร่างและชีวิตเพื่อความอยู่รอดของประเทศ CIA และหน่วยสืบราชการลับ 7 ชาติในยุโรป ใช้เวลาสืบสวนถึง 5 ปี จึงได้รู้…
ประเทศอิสราเอลไม่มีเขื่อนผลิตไฟฟ้า ต้องปั่นไฟเองจากน้ำมันอเมริกาใต้ซึ่งมีราคาแพงเป็นหลัก และต้องการหาพลังงานอื่นทดแทน ฝรั่งเศสจึงช่วยสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “Dimona” และสัญญาว่าจะหายูเรเนียมให้ แม้อิสราเอลจะปิดเรื่องโรงงานเป็นความลับ และบอกว่าเป็นโรงงานทอผ้า แต่ภายหลังฝรั่งเศสถูกห้ามไม่ให้ส่งให้อิสราเอล
พอดีกับที่อินเดียต้องการซื้อยูเรเนียม (YellowCake) เพื่อทำอาวุธสู้กับปากีสถานจาก Euratom ซึ่งจะขายให้เฉพาะกลุ่มยุโรป อินเดียเลยติดต่อซื้อผ่านโมรอกโคและให้มัดจำค่ายูเรเนียมเป็นทองคำ อิสราเอลทราบ เลยติดต่อสายลับโมรอกโคขอซื้อเป็นเงินหลายล้านเหรียญ ทำให้ผู้นำโมรอกโคลำบากใจ เพราะยิวก็เคยช่วยแจ้งข้อมูลลับที่ทำผู้นำให้รอดตาย ครั้งเคยถูกลอบสังหารในฝรั่งเศส โมรอกโคเลยต้องคืนมัดจำให้อินเดียไป
สายลับ MOSSAD 2 คน ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อจากโมรอกโคอยู่บนเรือ เพื่อเปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ แต่สายลับโมรอกโคหักหลังขายข่าวให้อียิปต์ซึ่งเป็นศัตรูมาตามฆ่า MOSSAD 2 คนนี้สำเร็จ และจะตามกำจัด MOSSAD ที่เหลือ แต่ MOSSAD มีอุปกรณ์ไฮเทคเลยฆ่าสายลับอียิปต์ได้ 6 คน ผ่านไป 2 วัน สายลับ MOSSAD รอให้เพื่อน 2 คนบนเรือเปิดประตูโดยไม่รู้ว่าถูกฆ่าตายแล้ว และอียิปต์ส่งคนมาสวมรอยแทน แต่รหัสในการเปิดตู้ผิด จึงสังหารสายลับอียิปต์ได้ ผ่านเหตุการณ์นี้ไป 7 เดือน โรงงานไฟฟ้าเริ่มทำการผลิตกระแสไฟ
เรือขนยูเรเนียมไม่ได้ไปถึงท่าตามกำหนด Euratom ออกค้นหาอย่างที่หา MH370 แต่ไร้วี่แวว เพราะยิวได้ตัดเสากระโดงเรือจาก 6 เป็น 3 ทาสีใหม่และเปลี่ยนชื่อเรือ * ภายใน 2 วัน … เมื่อถึงน่านน้ำสากล ยิวก็ขน YellowCake 200 ตัน ลงเรือของตัวเอง ส่วนลูกเรือ ไม่ได้ฆ่าทิ้ง แต่ให้ไปส่งจดหมายจากที่ต่างๆ กันไปหาครอบครัว และบางคนหันมาทำงานให้อิสราเอลต่อไป … 1 ปีต่อมา มีคนเจอเรือลำที่หายไปถูกขายต่ออยู่ในตุรกี และในปี 1977 (10 ปีผ่านไป) CIA จับสายลับ MOSSAD หลังลอบฆ่าสายลับชาวอาหรับในนอรเวย์ เขาสารภาพรายละเอียด แต่กระนั้นอิสราเอลก็ยังใช้ไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ได้จนทุกวันนี้
ปฏิบัติการ Entebbe (1976)
*** จริงๆ เรื่องนี้ก็สนุกมาก แต่ขอให้มันสั้นซักเรื่องละกัน
http://pantip.com/topic/30542141
Copy Blueprint of Mirage (1969)
หลังสงครามคลองสุเอช ประเทศรายล้อมอิสราเอลได้ซื้ออาวุธไฮเทคจากรัสเซีย อิสราเอลจึงซื้อเครื่องบิน MIRAGE จากฝรั่งเศส แต่ประธานาธิบดีสั่งให้งดขายอาวุธหลังสงคราม ทำให้ฝรั่งเศสไม่ยอมส่งเครื่องบินมิราจ 3-s จำนวน 15 เครื่องให้อิสราเอลทั้งที่จ่ายเงินไปหมดแล้ว
สหรัฐยื่นมือขายแฟนธอมให้ แต่อิสราเอลได้พัฒนาอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ไฟฟ้า อาวุธ เพื่อเพิ่มสมรรถนะเครื่องบินมิราจให้แกร่งกว่าเครื่องมิกของรัสเซียไว้หมดแล้ว โดยใช้เงินลงทุนกับสิ่งเหล่านี้ไปเป็นเงินมหาศาล ทางอิสราเอลประเมินแล้วว่า ต้องใช้อีก 10 ปีที่จะสร้างเครื่องบินเอง เพราะเครื่องบินประกอบด้วยชิ้นส่วนล้านกว่าชิ้น และต้องได้รับการทดสอบทุกชิ้นเป็นอย่างดี
อิสราเอลจึงเข้าทาง Alfred Frauenknecht วิศวกรชาวสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ได้สิทธิบัตรผลิตเครื่องบินมิราจ MOSSAD ได้จัดหานักจิตวิทยา วางแผนมาเป็นอย่างดีที่จะโน้มน้าวให้เห็นอกเห็นใจยิว และช่วยหาพิมพ์เขียวของเครื่องบิน จำนวน 150,000 แผ่น พิมพ์เขียวเครื่องกล 45,000 แผ่น ฟรอเอนค์เนทค์ ได้เสนอเจ้านายในบริษัทเพื่อถ่ายพิมพ์เขียวเข้าไมโครฟิล์ม แล้วจะเผาทำลายแบบต้นฉบับ เพื่อการเก็บรักษาที่ง่าย โดยทุกครั้งที่ทำลายจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกด่านอย่างเคร่งครัด แต่ฟรอเอนค์เนทค์ได้ซื้อพิมพ์เขียวเก่าๆ ของเครื่องบินลำอื่นที่คล้ายๆ กันมาเผาทำลายแทน
สายลับ MOSSAD ได้ตีซี้กับ สเตรคเกอร์ ชาวเยอรมันที่ทำงานบริษัทขนส่ง และเสนอเงินจำนวนมากเพื่อให้พาของข้ามชายแดนสวิสเข้าไปเยอรมันให้ได้ โดยใช้ระยะเวลาต่อเนื่องหลายเดือน เมื่อขนเข้าเยอรมัน จะมีเครื่องบินอิตาลีบินกลับประเทศที่สนามบินส่วนตัว และมีเครื่องอิสราเอลมารออยู่ที่อิตาลี ผ่านไปหลายเดือน ส่งเอกสารพิมพ์เขียวไปแล้วกว่าแสนแผ่น สเตรคเกอร์เกิดทำผิดพลาด ลืมเอกสารไว้ที่โกดัง 1 กล่อง และถูกตำรวจจับได้ ฟรอเอนค์เนทค์ จึงถูกจับและจำคุกอยู่ 4 ปีครึ่ง เมื่อเขาออกจากคุก เขาได้เดินทางไปอิสราเอล เพื่อดูการแสดงเครื่องบิน Kfir ซึ่งมีพื้นฐานมาจากมิราจ III ซึ่งเครื่องบินนี้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพอิสราเอล
http://2g.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X12996429/X12996429.html
ปฏิบัติการ *** Sphinx *** (1978-1981)
ปฏิบัติการนี้ เป็นสุดยอดแห่งความอดทนและการวางแผนชั้นยอดจริงๆ อยากให้หาอ่านเรื่องยาวกันเอาเอง เพราะอ่านเรื่องย่อไม่อาจเห็นความฉลาดได้หมด
ในปี 1973 ฝรั่งเศสเซ็นสัญญาขายเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แลกกับน้ำมันของอิรัก ซึ่งเป็นระดับเข้มข้น 93% สำหรับผลิตอาวุธ … ปี 1978 อเมริการู้ข่าวก็กดดันให้ยกเลิก ฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนระดับความเข้มข้นส่งให้ แต่อิรักไม่พอใจมาก ไม่เอา MOSSAD จึงเริ่มปฏิบัติการสฟิงค์ด้วยการวางแผนมา 10 ตลบ ตั้งแต่สายลับสาว จนถึงสายลับระดับผู้น้ำ เข้าไปตีซี้กับครอบครัว Halim ชาวมุสลิมชาติอิรักที่เข้าไปทำงานในฝรั่งเศส โดยปลอมตั้งแต่ชื่อ ฐานะ อาชีพ รถสปอร์ต เครื่องบิน เพื่อน ฯลฯ ใช้โสเภณีล่อ จน Halim ตายใจและค่อยๆ เผยความลับ และเอาเอกสารลับรวมทั้งพิมพ์เขียวโรงงานมาให้คนที่คิดว่าเขาไว้ใจได้ โดย MOSSAD ก็สอนเทคโนโลยีก็อปปี้กระดาษ เอากระดาษวางทับกระดาษแล้วใช้น้ำยาพิเศษ ก็จะลอกข้อมูลมาอย่างง่ายดาย (ตั้งแต่ 50 กว่าปีที่แล้ว ทันสมัยน่าดู) แล้ว Halim ก็ไม่รู้เลยซักคนพวกเขาคือ MOSSAD ทั้งหมด
การตีซี้กะ Halim ทำให้ MOSSAD ได้รู้จักกับ Meshad ผู้กล่าวว่าถ้าโครงการนิวเคลียร์นี้เสร็จ จะพลิกโฉมหน้าโลกมุสลิม และทำให้อิสราเอลตื่นกลัว เมื่อ Meshad มาฝรั่งเศส ถูกเสนอเงินให้ย้ายข้างแต่ปฏิเสธหนักแน่น สายลับทั้งหญิงชาย ปลอมพาสปอร์ตว่ามาจากประเทศต่างๆ ขึ้นเครื่องลำเดียวกัน ทำกิจกรรมต่างๆ บนถนนฝรั่งเศสเหมือนไม่รู้จักเกี่ยวข้องกัน … Meshad ซื้อบริการจากโสเภณีที่ MOSSAD ใช้ เมื่อเหนื่อยอ่อน สายลับเข้ามาปาดคอ Meshad นักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของอาหรับชาวอียิปต์คาห้องพักที่ปารีส ส่วนโสเภณีที่ถูกใช้และอาจเป็นภัยต่อการคลายข้อมูล ก็ถูกทำให้เหมือนว่าถูกอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต
ปี 1981 อิสราเอลได้ส่งเครื่องบิน F15, F16 จำนวน 12 ลำ * ซ้อนเป็นไปเส้นตรงตามแนวดิ่ง ในเส้นทางบินพานิชย์ของสายการบิน Aer Lingus ของไอร์แลนด์ ทำให้เห็นเป็นเครื่องเดียว ผ่านซีเรีย เพื่อไปถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิรักด้วยจรวด และทำให้อิรักยังไม่เคยได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้อีกเลยต่อจากนั้น
http://orthodox.exteen.com/20100316/mossad-2-operaion-sphinx
นอกเหนือจากปฏิบัติการเหล่านี้ ยังมีการลอบสังหาร ลักพาตัว จารกรรม ฯลฯ อีกมากมายนับไม่ถ้วน [http://vigaya.myreadyweb.com/news/topic-10423.html] ลองคิดดูว่า ตัวอย่างข้างบน เกิดขึ้นมากว่า 50 ปีแล้ว แต่เทคโนโลยีต่างๆ ที่เขาใช้ ดูไฮเทคกว่า CIA ในหนังสายลับปัจจุบันเสียอีก แล้วปัจจุบันมันจะขนาดไหน
MOSSAD กับการมโนอย่างหนักของผู้เขียน กับ MH370
คำทำนายแห่งยุคสุดท้าย
จะไม่ลงรายละเอียดเหล่านี้เท่าไหร่ ใครอยากรู้ลองหาศึกษากันเอาเองนะคะ จากหนังสือ ดาเนียล หนังสือแห่งคำพยาการณ์ในโลกอนาคต จากยุคบาบิโลน และหนังสือ วิวรณ์ ที่พูดถึงยุคสุดท้ายและการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ … แต่บอกได้เลยว่า คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแม่นยำทุกประการ ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่อย่างเดียว ขาดอยู่อย่างเดียว คำทำนายถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในยุคสุดท้ายเท่านั้น
ก็ว่าจะไม่เกี่ยวโยงคำทำนายกับเครื่องบิน MH370 หรอกนะ แค่อยากจะสมมุติ ถือซะว่าเป็นจินตนาการ และการตีความของเราก็เท่านั้นแล้วกัน ในหนังสือวิวรณ์มีการพูดถึง แตรทั้ง 7 ขันพระพิโรธทั้ง 7 มีสัญลักษณ์มากมายปรากฎอยู่ในเหตุการณ์ยุคสุดท้าย
“ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีสทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก” วิวรณ์ 16:12
มีคนตีความกษัตริย์องค์ที่ 7 ว่าเป็น อเมริกา+อังกฤษ เพราะสัตว์สัญลักษณ์ในหนังสือนั้นมี 2 เขา เป็นอำนาจร่วมกัน และว่ากษัตริย์องค์ที่ 8 คือ สหาประชาชาติ … แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ เกิดเป็นรัสเซีย หรือแม้แต่จีนขึ้นมา จะเป็นไปอย่างไร ทุกวันนี้ จีนผงาดขึ้นมาเกือบจะเทียบเท่าอเมริกาแล้ว เกิดเขาเป็นเลข 8 ล่ะ (คนจีนชอบเลข 8 มากด้วย)
“พระเจ้าทรงเตรียมทูตสวรรค์ทั้งสี่ไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือนและปี ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน และมีพลทหารม้าสองร้อยล้าน นี่คือจำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน” วิวรณ์ 9:15-16
ไม่ได้เชื่อ 100% ว่า MOSSAD นั้นข้องเกี่ยวกับ MH370 แต่อย่างใด แค่ลองคิดเล่นๆ ดู ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากผ่านไป 10 ปี เรื่องแดงขึ้นมาอย่าง Plumbat ว่าประเทศนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของ MH370 แล้วแกล้งทำเนียนสร้างหลักฐานเสมือนจริง ว่าเครื่องบินไปตกอยู่แถบมหาสมุทรอินเดีย ความโมโหของผู้นำจีนในอนาคต จะยังปะทุขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวแบบเดียวกับญาติผู้โดยสารมีต่อมาเลเซียในปัจจุบันหรือเปล่า? … จากสถิติในปัจจุบัน จีนกำลังจะมีทหารครบ 200 ล้านคนในไม่ช้านี้แล้ว มีการพูดถึงสงครามครั้งใหญ่ก่อนสิ้นโลกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า กษัตริย์จากตะวันออกจะสู้รบกับอิสราเอล!!! จะเกิดอะไรขึ้น หากกองทัพจีนมุ่งมาถล่มอิสราเอล? มันก็คงตรงกับคำทำนายในพระคัมภีร์ และ … เวลาของโลกในวาระสุดท้าย คงจะหมุนเร็วกว่าที่คิด จนอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้!!!
Reference:
en.wikipedia.org/wiki/By_Way_of_Deception
http://www.kolki.com/peace/MOSSAD.htm
2eyeswatching.com/2012/05/09/mossad/
jewishvirtuallibrary.org/jsource/History/intel67.html
pantip.com/forum/wahkor
orthodox.exteen.com
icmu.nyc.gr/%20The-truth-about-Israel’s-secret-nuclear-arsenal
waronyou.com/forums/index.php?topic=14683.0