The Prize and Reward

Really HAPPY after I’d tested my BB program on last week (It’s gonna be finished! )
Users are able to search the single term (right now) from over 10 versions of BB
So I tested by fetching the word of "Prize" & "Reward" here as below …

Let’s see how we can get the prize & reward in heaven! (NKJV)
– Persecute, evil words against us falsely (Mat 5:11)
– Charitable deeds behind men (Mat 6:1) in secret (Mat 6:4)
– Pray in secret place, only Father sees (Mat 6:6)
– Fast quietly (Mat 6:18)
– Receive prophet -> prophet’s reward & Receive righteous man -> righteous man’s reward (Mat 10:41)
– According to his works (Mat 16:27)
– Give in Jesus’ name (Mark 9:41)
– Be hated, excluded, reviled, casted out as evil for Jesus (Luke 6:22)
– Love enemies, do good, lend, hope nothing back (Luke 6:35)
– Temperate in all things to get imperishable crown (1Co 9:25)

This is just sample … If I have more time, I would explain more than this … GBU

หากข้า …

บังเอิญไปเจอมาจาก blogspot ของคนอื่นอีกที ชอบใจเลยขอก็อปมาแปะ
http://in-thee.blogspot.com/2008_12_01_archive.html

หากข้ามีชีวิต ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์
หากข้าเปลี่ยนไป ข้าจะเปลี่ยนไปเพื่อเข้าใกล้ชิดพระองค์
หากข้าล้มลง ข้าจะล้มลงในพระสิริ
หากข้าหิว ข้าจะหิวกระหายหาพระเจ้า
หากข้าอด ข้าจะอดอาหารอธิษฐาน
หากข้าร้องไห้ ข้าจะร้องไห้เพราะรักซาบซึ้ง
หากข้าเหน็ดเหนื่อย ข้าจะเหน็ดเหนื่อยเพื่อพันธกิจของพระองค์
หากข้าร้อน ข้าจะร้อนไปด้วยไฟแห่งพระวิญญาณ
หากข้าหนาวสั่น ข้าจะหนาวสั่นด้วยการเจิม
หากข้าอ่อนแอ ข้าจะอ่อนแอเพื่อให้ฤทธิ์เดชของพระองค์เต็มขนาด
หากข้ายากจน ข้าจะยากจนเพื่อเห็นแก่พระองค์
หากข้าต่อสู้ ข้าจะต่อสู้กับมาร
หากข้ามีรัก ข้าจะคงรักพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง
หากข้าร้องเพลง ข้าจะร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้า
หากข้าตกต่ำ ข้าจะตกต่ำเพื่อพระเจ้ายิ่งใหญ่ขึ้น
หากข้าหายใจ ข้าจะหายใจเข้าออกด้วยระลึกพระคุณ
หากข้าสิ้นใจ ข้าจะสิ้นใจเพื่อไปอยู่กับพระองค์

อ่านไปอ่านมา … เขียนโดยน้อง Lambkin น้องนิ่มนี่หน่า???
ถึงว่า … น้องไม่ค่อยอัพเดทเสปซ ไปเขียน blogspot นี่เอง
ส่วนพี่ ไม่ได้อัพ blogspot หลายปี มีแต่เสปซนี้ ที่คอยพักใจ
บางเรื่องพี่อ่านแล้วก็อึ้ง … อยากมีประสบการณ์บ้างจังเลย

Desert Song – สรรเสริญพระเจ้าทุกสถานการณ์

This is my prayer in the desert
นี่เป็นคำอธิษฐานระหว่างทะเลทราย
When all that’s within me feels dry
เมื่อทั้งสิ้นภายในของฉันรู้สึกเหี่ยวแห้ง
This is my prayer in my hunger and need
นี่เป็นคำอธิษฐานเมื่อฉันหิวและโหยหา
My God is the God who provides
พระเจ้าของฉัน เป็นพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียม

This is my prayer in the fire
นี่เป็นคำอธิษฐานในเปลวเพลิง
In weakness or trial or pain
ในความอ่อนแอ ในการทดลอง ในความเจ็บปวด
There is a faith proved of more worth than gold
ความเชื่อที่ถูกทดสอบ จะมีคุณค่ายิ่งกว่าทอง
So refine me Lord through the flame
ขอหลอมฉันให้บริสุทธิ์ด้วยเปลวแห่งไฟ

I will bring praise, I will bring praise
ฉันจะสรรเสริญ ฉันจะนำคำสรรเสริญมา
No weapon formed against me shall remain
ไม่มีอาวุธใด ที่ต่อสู้ฉัน จะเหลืออยู่ได้
I will rejoice, I will declare
ฉันจะชื่นชมยินดี ฉันจะประกาศว่า
God is my victory and He is here
พระเจ้าคือชัยชนะของฉัน และพระองค์อยู่ที่นี่

This is my prayer in the battle
นี่เป็นคำอธิษฐานของฉันในสนามรบ
When triumph is still on its way
เมื่อชัยชนะยังอยู่บนหนทาง
I am a conqueror and co-heir with Christ
ฉันเป็นผู้พิชิต และผู้รับมรดกร่วมกับพระคริสต์
So firm on His promise I’ll stand
จึงยึดมั่นในคำสัญญาของพระองค์

All of my life, in every season … You are still God
ตลอดชีวิตของฉัน ในทุกๆ ฤดูกาล พระองค์ยังคงเป็นพระเจ้า
I have a reason to sing, I have a reason to worship
ฉันมีเหตุผลที่ร้องเพลง ฉันมีเหตุผลที่จะนมัสการ

This is my prayer in the harvest
นี่เป็นคำอธิษฐานในการเก็บเกี่ยว
When favour and providence flow
เมื่อความโปรดปรานและกรุณาหลั่งไหลมา
I know I’m filled to be emptied again
ฉันรู้ว่าจะได้รับการเติมเต็มเพื่อถูกเทออกอีกครา
The seed I’ve received I will sow
เมล็ดพันธุ์ที่ฉันได้รับ จะหว่านต่อไป

Words & Music: Brooke Fraser
Copyright (c) 2008 Hillsong
Album: This is Our God (2008)

Chiangmai to Chiangrai

   

ตอนแรกก็อยากไปงานสัมมนา Hillsong ที่เชียงใหม่ เข้าใจว่ามีเดือนธันวา แต่จริงๆ คือ มกรา พอใกล้เวลาจริงๆ กลับอิดออด ไม่อยากจะไป แต่สุดท้ายก็ไปจนได้ แถมยังไปต่อที่เชียงรายอีกตะหาก แถมงานนี้มีสปอนเซอร์ใหญ่ ออกให้ตลอดงานอีก พระเจ้าเซอร์ไพรส์เจรงๆ … ทันทีที่ถึงเชียงใหม่ ก็สัมผัสว่าอากาศดีมากๆ ประมาณ 10 กว่าๆ องศา ปากงี้สั่นแกกๆ นอนไม่ทันจะหลับ ก็ต้องออกเดินทางซะแล้ว ไปเดินเล่นกาดสวนแก้วกันทั้งวัน บ่ายๆ เย็นๆ เริ่มไปสนามกีฬา ตั้งแต่วง Hillsong ยังซ้อมกันไม่เสร็จ วันแรกก็นั่งกันที่อัฒจรรย์ดีกว่า แต่เวลาจริง ไม่ค่อยมีใครมายืนกระโดดด้วย แต่ละคนเลยเก้ๆ กังๆ ลุกๆ นั่งๆ … แล้วเครื่องเสียงเขามีปัญหาบ่อยๆ เนื้อเพลงก็บ่มีฉาย เพลงที่เล่นเป็นเพลงใหม่ส่วนใหญ่ คนก็ร้องมะได้ มีเพลงเดียวที่ได้ยินเสียงคนร้องกันเยอะคือ "One Way, Jesus" เพื่อนบอกว่า ได้ฟังเพลงนี้เพลงเดียวก็คุ้มแล้วที่มา 555 ส่วนเรื่องการทรงสถิต ยังไม่ชัดเจน พระเจ้าสถิตด้วยแน่นอน แต่ไม่สัมผัสพิเศษว่าหนาเน่น

   

วันที่สอง ก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ ไปห้องสัมมนา พร้อมเข้างาน Joyce Meyer ก่อนเข้างานก็ เจอพี่น้องจากจังหวัดต่างๆ อย่างไม่คาดฝันหลายราย และแวะซื้อหนังสือของจอยซ์ ไป 2 เล่ม เพิ่งมารู้ทีหลังว่าถูกมากๆ … เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเป็นๆ ของจอยซ์ เธอเป็นสาวห้าวนี่เอง เทศนาก็กล้าลงไปนอนตะแคงกะพื้น และมีชีวิตที่สมบุกสมบันอย่างเหลือเชื่อ ชีวิตของเขาเป็นคำพยานที่หนุนใจได้ดี เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ให้การเยียวยากับผู้คนที่บอบช้ำและต้องการเติมเต็มในความรัก (ไม่เล่าคำเทศน์ใดๆ ไปหาอ่านหนังสือกันเอง 555) พักเที่ยงได้แป๊บเดียวก็เข้ามาสัมมนาต่อ จากที่ด้านหน้าไม่มีที่นั่ง อิอิ ตอนบ่ายได้เขยิบไปอยู่ด้านหน้าๆ ประมาณแถว 5 ได้อรรถรสดีจริงๆ ทั้งห้องประชุม One Way เสียงดังเหมือนเดิม และผิดคาด ไม่ได้สัมมนาซีเรียส ในด้านทฤษฎีแต่อย่างใด หากแต่คำพูดของรูเบนแตะต้องใจเราแทบทุกคำ ที่จำได้แม่นๆ คือ ตอนที่เขาอธิษฐานเผื่อคนแต่งเพลงนมัสการ "Song of Hope" "Song of Inspiration" แหมมม เสียดาย น่าถ่าย VDO มาจริงเชียว เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจเจรงๆ … ส่วนเย็นนี้ มาเกาะติดถึงขอบเวทีที่สนามกีฬา ฝรั่งก็มาเกาะติดกันตรึมเลย แถมเขาร้องได้ทุกเพลงทั้งที่เป็นอัลบั้มใหม่ล่าสุด ที่พิเศษวันนี้ มีจอยซ์มาเทศน์ จากที่วันก่อนไม่มี แถมมีคนรับเชื่อไม่น้อยอีกต่างหาก

   

วันรุ่งขึ้น อีกวัน ก็เดินทางฝ่าความหนาว 8 องศา ไปยังเชียงราย เพราะพระเจ้านำให้ไปร่วมคริสตจักรลูกของสามัคคีธรรมที่นั่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทุกคนอยากไปคจ.ของอาจารย์นาธานอย่างพร้อมเพรียง มีฝรั่งจากแคนนาดาที่มากะ OMF ขอติดรถมาลงเชียงรายด้วย เลยร่วมนมัสการกันที่คริสตจักรก่อน ที่นี่ต้อนรับขับสู้ดีมากๆ เราก็เอนจอยอีทติ้งตลอด เพราะดันกินได้ทุกอย่าง ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ยิ่งของแปลกยิ่งชอบ  ตอนนมัสการสัมผัสการทรงสถิตมากมาย และพี่น้องที่มาเยี่ยมต้อง say something ซึ่งไม่รู้จะพูดอะไร แต่พระเจ้าบอกให้พูดบางอย่าง ก็เลยตามนั้น แต่ไม่ครบถ้วน พี่จอห์นก็เทศนาเป็นภาษาเหนือ แต่ฟังพอเข้าใจ พอจบปั๊บ การทรงสถิตของพระเจ้าเทลงมาอย่างแรง แต่ละคนร้อนวูบวาบเหมือนไฟจุดอยู่ข้างใน ซึ่งไม่สัมผัสแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกคุ้มค่าก็ตรงนี้แหละ ขอบคุณพระเจ้า

Start It Again – เริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง

ปีใหม่นี้ เป็นเวลาที่ใครหลายคนตั้งเป้าหมายใหม่อีกครั้ง มีเป้าหมาย ทำได้ไม่ได้ ดีกว่าไม่มีเนอะ

ปีใหม่ ก็ไปเที่ยวกับที่บ้านมา ญาติโก โหติกา เยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งอบอุ่นปนวุ่นวาย แต่ก็มีความสุขดี

 

ปีใหม่ อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะ ความขยันขันแข็ง และ ระเบียบวินัย ในชีวิต
รวมทั้งความสัมพันธ์กะพระเจ้า ปี 2008 ใช้เวลาคิดเรื่องมากมาย ปี 2009 ก็อยากจะคิดใคร่ครวญมากยิ่งขึ้น
ในเรื่องความดีงาม ความน่ารัก ของพระเจ้า อยากจะใช้เวลาพิจารณาพระพักตร์พระองค์ให้มากกว่าทุกสิ่ง
โดยเฉพาะสิ่งที่คิดแล้วฟุ้งซ่าน ว้าวุ่น สับสน โศกเศร้า ขอพระเจ้าช่วยเอาออกได้วยเถิดดดดด

แต่คอนเซปต์ตลอดชีวิตการเป็นคริสเตียนยังเหมือนเดิม "ความรักใหญ่ที่สุด"

ปีนี้ อยากทำภารกิจที่เคย(ดัน)สัญญากะพระเจ้าไว้เกือบ 3 ปีก่อนให้สำเร็จเสร็จสิ้น (ขอให้เสร็จจริงๆ)
อยากทำตามความฝันบางอย่าง แต่ต้องขอแสงสว่างพระเจ้าชี้ทาง
อยากให้นิมิตนั้นเกิดขึ้นในเร็ววัน ปีนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้หรอก แต่มันต้องเกิด
จำเป็นต้องมีพาหนะในการหายตัวจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งจริงๆ ไม่อยากจะรบกวนใครอีกแล้ว

ยังไง อ่านๆ มาถึงนี้แล้ว คุณต้องเป็นคนที่พระเจ้าใช้ให้อธิษฐานเผื่อน้อง Popsy คนนี้อย่างแน่นอนเลย

เขียนจนหมดแมกซ์แล้ว เขียนอะไรไม่ค่อยออก งั้นไว้เดี๋ยวมาเขียนใหม่ละกัน