Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

How Mercy Works? – พระเจ้าแห่งพระเมตตา

I realized about mercy of God since the Genesis to Revelation many times.
Today I asked Him about business, I’ve got something from Luke 14:8-11

“When you are invited by anyone to a wedding feast,
do not sit down in the best place,
lest one more honorable than you be invited by him.
And he who invited you and him come and say to you,
‘Give place to this man ‘ and then you begin with shame to take the lowest place.
“But when you are invited, go and sit down in the lowest place,
so that when he who invited you comes he may say to you ‘Friend, go up higher.’
Then you will have glory in the presence of those who sit at the table with you.
“For whoever exalts himself will be humbled,
and he who humbles himself will be exalted.”

How will God lift a man up if he’s already at the high position?
Above the repentance, one principle in the Kingdom of God which is a key of honor is HUMILITY. (“Before honor is humility.” – Proverbs 18:22) When we’re humble, we’re at the low place, not raise ourselves. And if we’re in the condition of being pity, that’s right!!!

When the LORD saw that Leah was unloved, He opened her womb, but Rachel was barren.

From Genesis 29:31 we knew that God bless Leah because she didn’t receive the love from the Husband, Jacob, & Rachel was full of love from a man already.

In the time of Jesus, He moved with compassion when He saw the peoples’re sicked or they had no shepherd (Matt 24:34, 9:36, 14:14) In the same way that God will bless people who’s lost or there’s something makes him look poor.

“The LORD is near to those who have a broken heart
& saves such as have a contrite spirit.” 
[Pslam 34:18]

God has kindness & mercy enough to care heart-broken people, He will not crumble moreover.

“A bruised reed He will not break
& smoking flax He will not quench…” 
[Matt 12:20]

Especially, widows & orphans.

“Do not exploit widows or orphans.
If you do and they cry out to me, then I will SURELY help them.
My anger will blaze forth against you & I will kill you with the sword…”
[Exo 22:22-24]

Biblical leaders, most of them are very humble. Moses did the great work to lead Israelite from Egypt. “Moses was very humble, more than all men who were on the face of the earth.” (Num 12:3) Gideon, the warrior of powerful army said “My clan is the weakest in Manasseh, and I am the least in my father’s house.” (Jud 6:15) Even Apostle Paul, he said “To me, who am less than the LEAST of all the saints…” (Eph 3:8) They all reckoned themselves that they are least people.

Furthermore, If you notice, Joseph was in a prison before he had authority over the land. God had favor to Ruth when she was a foreigner, widow & poor. Mordecai’s gonna be killed, but finally he brought the victory & joy to his nation. David was often alone in the field before he became a king. God blessed Daniel through Babylon while he was a slave. Oh a lot of believers in history got a situation of changing.

When God look down from heaven while you are forsaken, get lost, broken, weeping, etc…Heavenly Father will pour out his blessing from the Throne of Mercy.

1 Comment »

MH370 กับ ทฤษฎีที่ไม่เคยมีใครเสนอ!

MH370 กับ ทฤษฎีที่ไม่เคยมีใครเสนอ!

เกี่ยวเนื่องด้วยประเทศที่เงียบหายไปจากการวิเคราะห์ทั้งมวล
ประเทศซึ่งมีหน่วยสืบราชการลับที่เก่งและฉลาดสุดๆๆๆ ของโลก
(บทความนี้ค่อนข้างยาวหน่อย แต่เต็มด้วยเนื้อหาสาระ และมีเรื่องมันส์ๆ ระดับโลก)

Route of MH370หลังจากผ่านไปเป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์แล้ว ในการค้นหาตัวเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ #MH370 มีผู้คนมากมายจากทั่วโลก เฝ้าจับตา ติดตามข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินที่ไร้ร่องรอย อันมีเงื่อนงำหลายประการ ด้วยความเป็นห่วงผู้คน 329 ชีวิต ว่าจะอยู่ที่ไหน? สบายดีหรือไม่? กินอยู่อย่างไร? ยังมีชีวิตอยู่ไหม? โดยเฉพาะประเทศจีนที่ร้อนรน เนื่องจากมีผู้โดยสารเที่ยวบินนี้เป็นชาวจีนถึง 153 คน

เฉพาะในประเทศไทย (แม้จะไม่มีคนไทยในเที่ยวบินเลย) ในโลกออนไลน์ มีการพูดคุยและให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก และมีประเด็นตั้งแต่ เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ, การก่อการร้าย, การฆ่าตัวตายของนักบิน, การใช้เครื่องบินเป็นข้อเรียกร้องทางการเมือง, เกิดสามเหลี่ยมแห่งใหม่คล้ายเบอร์มิวด้า, เอเลี่ยนนอกโลกลักพาตัว, เกิดมิติใหม่ที่เชื่อมต่อพาเครื่องบินไปโผล่ที่โลกอนาคต, ฯลฯ

แต่เมื่อวานนี้ (24 มีนาคม 2014) มีแถลงการณ์จาก นาจิบ ราซัค นายกมาเลเซีย ว่ามีหลักฐานว่าเครื่องตกแน่แล้ว ซึ่งหลักฐานนั้นคือการวิเคราะห์จากระบบดาวเทียมของ Inmarsat ที่วิเคราะห์ว่าน้ำมันน่าจะหมด แต่ยังไม่มีการโชว์ชิ้นส่วนจริงใดๆ จึงสร้างความงงงวยให้กับญาติผู้โดยสารเป็นอย่างมาก จนเกิดการประท้วงวุ่นวาย หรือต่อให้เจอชิ้นส่วนจริง มีการปูเรื่องจากเหตุการณ์แต่ละวันไปในทางตื่นเต้นมาก่อนมากมาย จบเช่นนี้ ถือเป็นการหักมุมที่ผู้เฝ้าติดตามคาใจสุดๆ!

นอกจากการคาดเดาด้านบนแล้ว ยังมีกระแสข่าวลือจากประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย เป็นสิบๆ กระแส เช่น
– อังกฤษให้ข่าวว่า เป็นการบังคับเครื่องบินแบบรีโมต คือผู้บังคับไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน เพราะโบอิ้ง 777 เป็นเครื่องที่สามารถเชื่อมต่อ ถูกควบคุมออนไลน์ได้ (เหมือนขับรถแบบไม่มีคนผ่าน iPhone)
– อเมริกาให้ข่าวตั้งแต่วันแรกๆ ว่า เครื่องบิน บินต่อไปทางมหาสมุทรอินเดีย และสัญญาณขาดหายไป คาดว่าตกลงสู่ท้องทะเลเรียบร้อยแล้ว (ข้อมูลจากอเมริกาแลดูมีลับลมคมนัย เหมือนรู้อยู่แล้ว แต่ยังทำเป็นมาช่วยหาแถบอื่นก่อน)
– รัสเซีย ประเทศที่มีหน่วยสืบราชการลับที่เก่งพอกะ CIA คือ KGB (ปัจจุบันชื่อว่า FSB) บอกว่าหน่วยข่าวกรองของประเทศสืบมาว่า สหรัฐฯ แอบพาเครื่องบินไปลงที่ฐานทัพลับชื่อว่า Diego Gracia ในหมู่เกาะทางตอนใต้ของอินเดีย เพราะมีสิ่งสำคัญบางอย่างระดับโลกบนเครื่องบิน ที่ต้องลักพาเพื่อผลประโยชน์ (จะกล่าวถึงต่อไป)

ก่อนอื่น จะขอตัดทฤษฎีโอเว่อร์ ที่คนไทยพร้อมใจกันเชื่ออย่างมากในทีแรกออกไป ไม่ว่าจะมิติเชื่อต่ออนาคต, สามเหลี่ยม, เอเลี่ยน และจะไม่พูดถึงรายละเอียดมากนัก เกี่ยวกับการปิดสัญญาณ Transponder, ACARS และเปลี่ยนเส้นทางการบินที่มุ่งหน้าไปปักกิ่ง กลับมาผ่านแถวช่องแคบมะละกา เพราะทุกคนคงตามข่าว และรู้รายละเอียดเป็นอย่างดี

Tracting Modelเอาคร่าวๆ คือ สิ่งต้องสงสัยบนเที่ยวบินนี้คือ ปกติเครื่องบินที่ทันสมัยอย่างลำนี้ จะมีกลไกการติดตามตัว การติดต่อสื่อสารที่ยอดเยี่ยมและทันสมัย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือกรณี Stall ใดๆ “กล่องดำ” จะทำงานส่งทันสัญญาณแจ้งบริเวณที่อยู่ทันที แม้จะอยู่ใต้น้ำ 20,000 ฟุตก็ตาม แต่ทุกอย่างบนเครื่องบิน กลับเงียบงันเป็นปริศนามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
– ยังไม่เจอเศษซากเครื่องบินแตกกระจายซักชิ้น วันแรกๆ เวียดนามก็บอกว่าเจอ แต่พิสูจน์แล้วก็ไม่ใช่ ล่าสุดดาวเทียมของ ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เจอภาพชิ้นส่วนที่(แค่สงสัยว่า)น่าจะเป็นของเครื่องบิน แต่ก็หากันมาจนวันนี้ ยังไม่มีใครสอยขึ้นมาจากมหาสมุทรได้ซักชิ้น
– Transponder ที่ส่งสัญญาณที่อยู่ของเครื่องบิน เหมือนถูกปิดอย่างจงใจ พร้อมกับสัญญาณ ACARS ที่ต้องลงไปปิดอีกจุดใต้ท้องเครื่อง (นักบินบางท่านบอกว่ายังไม่รู้เลยว่ามันอยู่จุดไหน)
– สัญญาณที่บริษัท Rolls Royce จับได้ (เนื่องจากเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนเครื่องบิน มันจะมีการอัพเดทข้อมูลเครื่องไปยังฐานข้อมูลบริษัท) ว่าเครื่องบินบินต่อไปอีก 4-7 ชั่วโมง มาทางมหาสมุทรอินเดีย และจับเส้นทางการบินพาณิชย์ มุ่งหน้าไปทางประเทศแถบอาหรับ (ข่าวในทีแรก)
– มีอยู่วันนึงที่มาเลเซียอ้างว่า ได้รับสัญญาณที่ส่งออกมาจากเครื่องบินว่าได้ลงจอดแล้วที่ใดที่นึง (มาเลเซียเป็นประเทศที่คลุมเครือ สับไปสับมา และปิดบังข้อมูลข่าวมากๆ) สัญญาณตัวนี้จะส่งเมื่อลงจอดปลอดภัยเท่านั้น

มีคนวิเคราะห์กันว่า ถ้าก่อการร้าย จะก่อไปทำไม? ถ้าเอาตัวผู้โดยสารไป แล้วใยป่านนี้จึงยังไม่สืบทราบข้อเรียกร้องใดๆ ของกลุ่มผู้ก่อการร้าย? หรือว่ามันเป็นความลับระดับประเทศของมาเลเซียที่ไม่อาจแพร่งพราย? คนเขาก็ว่ากันว่าอุยกูร์(มุสลิม)ในจีน ต้องการเรียกร้องแบ่งแยกดินแดน หลังจากเพิ่งฆ่าหมู่ สังหารชาวจีนไม่เลือกหน้าด้วยกองกำลังชุดดำ ที่สถานีรถไฟใต้ดินเมืองคุณหมิงไม่นานมานี้

Chipส่วนคนที่ให้ความสนใจในประเด็น ประเทศมหาอำนาจลักพาตัวผู้โดยสารจาก อันไม่เกี่ยวกับก่อการร้ายนั้น มีมูลเหตุที่มาจาก ผู้โดยสารบางคนบนเครื่องบิน มี 20 คน มาจากบริษัทผลิตชิพคอมพิวเตอร์ บางคนในนั้นเป็นผู้คิดค้นชิฟ Semi-Conductor ที่มีขนาดเล็กมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตวงการอาวุธโลกได้ รวมทั้งมีการขนสินค้าต้องสงสัยที่สำคัญขึ้นเครื่องด้วย (highly suspicious cargo) ไม่เพียงแต่อเมริกาจะให้ความสนใจ รัสเซียเองก็จับตาการเคลื่อนไหวนี้อยู่ ทางรัสเซียร่วมกับจีนเตรียมแผนจะบังคับให้ MH370 ลงไปจอดในสนามบิน Haikou Meilan International Airport ที่ไหหลำเพื่อตรวจสอบสินค้า หรือวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นอะไรก่อนที่จะบินไปลงปักกิ่ง

ไต้หวันประเทศผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ก็เคยออกข่าวว่า คนบนเครื่องมีการโทรฉุกเฉิน คุยกับเจ้าหน้าที่อเมริกันที่สนามบินอู่ตะเภาบ้านเรา จึงมีปฏิบัติการลักพา และอำพราง น็อคผู้สารให้สลบโดยใช้ความสูงผิดปกติในการบินหลังสัญญาณหาย อีกทั้งเครื่องบิน Stealth ของสหรัฐสามารถหลบหลีกหรือบังการตรวจจับสัญญาณเรดาห์เหนือน่านฟ้าประเทศต่างๆ ได้ โดยการบินประกบคู่กับเครื่องบินพาณิชย์

Diego Graciaถ้ารู้ประวัติการทำงานของหน่วยสืบราชการลับ FSB แล้ว ยากที่จะปฏิเสธว่าข่าวกรองของรัสเซียนี้ผิดพลาด (แม้แต่ปูติน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้ก็เพราะเคยเป็น KGB และเอาวิดีโอลับของผู้นำสมัยนั้นมาแฉ จนทำให้หลุดจากตำแหน่งไป) แต่ถ้ามองว่าเป็นการ Discredit สหรัฐ โดยการแกล้งปล่อยข่าวโคมลอยก็อาจเป็นได้ เพราะช่วงนี้ 2 ประเทศกลับมาฮึ่มๆ เขม่นใส่กันอย่างเข้มข้น และอีกปัจจัยหนึ่ง ฐานทัพลับที่ Diego Gracia นั้น มันไม่ได้ลับอีกต่อไป ภาพดาวเทียมระดับสูงของประเทศต่างๆ ก็จับได้ แถมเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่น่าจะเป็นที่หลบซ่อนเครื่องบินที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก (เว้นแต่มันจะซ่อนไว้ใต้พื้นดินไร่สวนที่มีกลไกยกขึ้นลงอย่างในหนัง) จึงไม่ได้ให้ความสนใจประเด็นนี้นัก

[จะเริ่มเข้าเนื้อหาแล้วนะ ที่เกริ่นนำมา เป็นน้ำทั้งนั้น 555]

Israel Mapอันที่จริง คิดว่าทฤษฎีอันหลังๆ พวกนี้มัน “โอเว่อร์” เกินความเป็นจริง เหมือนในหนังแอคชั่นเกินไป คิดว่าคงเป็นอย่าง Air France ที่ตกในทะเลลึก ค้นหากันอยู่ 2 ปีกว่าจะเจอ (แต่เขาเจอชิ้นส่วนเครื่องบินและศพลอยน้ำตั้งแต่ 2-3 วันแรกที่เครื่องตก) แต่พอดีคุยกะพี่สาว เขาพูดขึ้นมาว่าอาจเป็นประเทศ XXX (เก็บชื่อไว้ก่อน ยังไม่อยากพูดถึง) ก็ได้นะ เพราะในอดีตประเทศนี้เคยลักพาเรือซึ่งขนยูเรเนียม หายวับแบบหาไม่เจอมาก่อน ทั้งตัวเรือและผู้โดยสาร ผ่านไปจนโลกลืม เรื่องถึงได้ปูดขึ้นมา จึงได้ยอมรับ เราก็ถามว่าเรื่องจริงหรอ อย่างกะนิยาย พี่บอกว่าเรื่องจริง อ่านตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น (วัยรุ่นของเขา เรายังไม่เกิด เพราะเราอ่อนกว่า 20 ปี) จุดนี้สร้างความคาใจ และสร้างแรงบันดาลใจอย่างมากในการเขียนบทความนี้ เพราะ *** ข้อมูลที่เราได้รู้ต่อจากนี้ มันน่าทึ่ง และเหลือเชื่อยิ่งกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นสิบๆ เท่า ***

ประเทศ XXX ที่ว่านี้ เป็นประเทศเล็กๆ แต่เป็นจุดประวัติศาสตร์ของทั้งโลก เรียกว่าเป็นแกนโลกก็ยังได้ ทุกครั้งที่มีเรื่องราวระดับชาติ ประเทศนี้จะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเสมอ เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก มากยิ่งกว่าอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ซึนามิ ที่ญี่ปุ่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เฮติและจีน แต่เหตุการณ์ MH370 ครั้งนี้ ประเทศที่ว่ากลับเงียบกริบ ไม่ปริปาก ไม่ออกมา ไม่เสนอตัวใดๆ และอยู่เงียบๆ ซะงั้น … ทำให้อดคิดไม่ได้ ว่าเขามีส่วนหรือเปล่า มันน่าสงสัยตรงนี้แหละ ที่ทำไมครั้งนี้เธอจึงเงียบ???!!! (อ่านลงไปเรื่อยๆ ถึงปฏิบัติการ Plumbat นะคะ แล้วจะอดเฉลียวใจไม่ได้ว่าเธอหรือเปล่า)

ใครว่าสุดยอดหน่วยสืบราชการคือ CIA & KGB เล่า!?


คุณเคยได้ยินชื่อสายลับ MOSSAD มั้ย?

บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่น้อยคนที่จะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ เพราะทีมสายลับนี้ ไม่ถูกพูดถึงเยอะอย่าง CIA ที่เอามาทำหนังแฉกันเป็นว่าเล่น แม้ว่าในหนังนั้นจะไม่ล้ำถึงครึ่งของความจริงเลย แต่ก็นั่นแหละ คนที่เก็บความลับได้มาก ย่อมเหนือกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ

สายลับ MOSSAD ถือกำเนิดขึ้นในประเทศ “อิสราเอล

Israeli Flagในพระคริสธรรมคัมภีร์หรือหนังสือไบเบิ้ล กล่าวถึงชนชาติอิสราเอลเป็นหลักมาโดยตลอด ตั้งแต่พระเจ้าเลือกอับราฮัม บุรุษผู้มีความเชื่อในพระเจ้า ให้เป็นบิดาของมวลชนชาวโลก จนโยเซฟรุ่นหลานเข้าไปเป็นนายกของอียิปต์ และพาชนชาวยิวอพยพเข้าไปตั้งรกรากและหนีความกันดารอาหาร ฟาโรห์รุ่นต่อๆ มา เห็นประชากรชาวยิวเพิ่มพูนขึ้นมาก จึงกดขี่ข่มเหง ใช้แรงงานสร้างปิรามิดอย่างทารุณ พระเจ้าจึงส่งโมเสสมาปลดปล่อยพวกเขา หลังจากหนีออกมา พวกเขาเดินข้ามทะเลแดง ผ่านถิ่นทุรกันดาร โดยพระเจ้าให้สัญญาว่า จะยกดินแดนแห่งน้ำนมน้ำผึ้งอันบริบูรณ์ให้ ซึ่งที่นั่น ก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอิสราเอลปัจจุบัน

แต่ขณะที่อิสราเอลเดินทาง และใช้ชีวิตแต่ละยุคสมัย พวกเขาหันหลังให้พระเจ้า ไปกราบไหว้รูปเคารพที่สร้างมันด้วยมือครั้งแล้วครั้งเล่า… สมัยก่อน พระเจ้าจะพูดกับประชากรผ่านผู้พยากรณ์ ผู้พยากรณ์หลายต่อหลายคนได้ทำนายว่า ถ้าอิสราเอลไม่กลับใจ พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา ให้กระจัดกระจายไปในชนชาติต่างๆ ถูกปกครองโดยหลายชนชาติ และจะกลับมารวมตัวกันได้ใหม่ในยุคสุดท้าย นอกจากนี้คำพยากรณ์ในไบเบิ้ล ยังกล่าวถึงชาติสำคัญที่จะขึ้นมาปกครองโลกในแต่ละยุคสมัยด้วย และประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นตามนั้น ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำทำนาย

หลังการล่มสลายของอาณาจักรโรม ชาวโรมันและยิวกระจัดกระจายไปเป็นประเทศสำคัญต่างๆ ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ อิตาลี กรีก ฝรั่งเศส ฯลฯ (นิ้วเท้าทั้ง 10 ในหนังสือดาเนียล) และต่อมาบางกลุ่มในอังกฤษมาบุกเบิกประเทศอเมริกา แต่ชาวยิวยังคงรักษาความเชื่อ และเป็นกลุ่มชนที่เหนียวแน่น พร้อมจะกลับไปรวมตัวในดินแดนดังกล่าว มีการสะสมทรัพย์สิน ทยอยซื้อที่ดินที่ขณะนั้นถูกยึดครองโดยประชาชนชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง

จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว หรือชาวฮีบรู จำนวนกว่า 8 ล้านคนในสมัยของนาซี ด้วยความช่วยเหลือจากอังกฤษ อิสราเอลกลับมารวมตัว ก่อตั้งประเทศได้อีกครั้งในปี 1948 พวกเขาถูกขนาบด้วยประเทศมุสลิมบิ๊กเบิ้มรายล้อม โดยประเทศเหล่านี้รวมตัวกันอยากจะขยี้ยิวเป็นผุยผง (คนมากกว่า 10 เท่า พื้นที่มากกว่า 1,000 เท่า) การแพ้สงครามแม้เพียงครั้งเดียว คือการสิ้นชาติ! ทำให้อิสราเอลตัดสินใจก่อตั้ง MOSSAD องค์กรลับสุดยอดที่ไม่มีตัวตน ไม่มีสถานที่ ไม่มีแผนงบประมาณชาติ ฯลฯ เพื่อปกป้องตัวเองและความอยู่รอดของประเทศ

[ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ จะพบว่าอิสราเอลหรือชาวยิวนี้ มีความเก่งกาจ และฉลาดสุดยอดในโลก พวกเขาเปลี่ยนดินแดนแห่งทะเลทรายให้เป็นป่า ทำเกษตรด้วยเทคโนโลยีอันก้าวหน้า, เป็นผู้นำเรื่องเครื่องจักร หุ่นยนต์ การแพทย์, เป็นชาติแรกที่พัฒนามือถือสำเร็จ เป็นชาติแรกที่คิดค้นโซล่าร์เซลล์, เป็น 1 ใน 8 ชาติที่มีจรวดเป็นของตัวเอง, เป็นชาติที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ได้มากสุด, เป็นชาติผู้พัฒนาชิป Intel, มีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรมากที่สุดในโลก และในประเทศต่างๆ นักค้นพบ นักประดิษฐ์ ต่างล้วนมีเชื้อสายยิว (เช่น กูเกิ้ล) ส่วนการสงคราม ก็มีเครื่องบินรบมากที่สุดในโลก มีอาวุธทันสมัยที่สุดในโลก รบชนะผู้รุกรานนานาประเทศเสมอ ทั้งที่ประเทศเล็กกว่าประเทศไทยเราซะอีก ซึ่งหนึ่งในส่วนสำคัญหลักที่เป็นแกนของชาติ ก็คือ MOSSAD!!!]

ประวัติ และ ภารกิจหลักของ MOSSAD

Mossad Logoเมื่อ 25 ปีที่แล้ว มีการได้ข้อมูลว่า KGB มีพนักงานรวมกันทั่วโลกอยู่ 250,000 คน ส่วน CIA มีพนักงานในรัฐเวอร์จิเนีย 25,000 คน ทั่วโลก 5,000 คน แต่ MOSSAD นั้นมีคนเพียง 35 คนเท่านั้น ส่วนพนักงานประจำตึก 1,200 คนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองค์กรเลย เพียงแต่ทำความสะอาด เก็บขยะ ทำเอกสาร…คนที่ทำงานกับองค์กร ห้ามพูดคำว่า MOSSAD ให้เรียกแต่คำว่าสำนักงาน หากถูกถามทำงานอะไร ก็จะตอบว่า อยู่ฝ่ายทหารบ้าง กลาโหมของประเทศบ้าง…การมีอยู่ขององค์กร ถูกเปิดโปงโดยคนในที่ทำงานเป็นเวลานาน ผ่านนักเขียนที่เขียนงานระดับโลก โดยเรื่องของหน่วยงานลับนี้ ถูกถ่ายทอดลงในหนังสือ “By the Way of Deception” (คงเป็นอารมณ์เดียวกับที่ Snowden ออกมาแฉการมีอยู่ของโครงการ “ปริซึม” หน่วย CIA ยังไงยังงั้น)

หน่วยงานลับนี้ ถูกตั้งขึ้นหลังจากตั้งประเทศได้เพียงปีเดียว (ช่วงแรกไปฝึกงานกับ CIA) โดยมีสโลแกนที่มาจาก สุภาษิต 24:6 “เพราะว่าโดยการนำที่ฉลาด เจ้าก็เข้าสงครามได้ และด้วยมีที่ปรึกษามากๆ ก็มีชัยชนะ” ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาใช้ สุภาษิต 11:14 “ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย” โดยภารกิจหลักขององค์กรคือ การหาข้อมูล ข่าวสาร, ประสานงานทางการเมืองโดยแทรกซึมไปในประเทศต่างๆ, การลอบสังหาร ก่อวินาศกรรมศัตรูกึ่งทางการทหาร, ทำสงครามจิตวิทยาชวนเชื่อ ให้ข้อมูลลวง, วิจัยข่าวกรอง โดยเฉพาะเกี่ยวกับอาวุธ และค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีที่สนับสนุนด้านต่างๆ (แบบในหนัง James Bond) … พวกเขาถูกฝึกมาอย่างดี ทั้งอาวุธทุกประเภท หลักการด้านจิตวิทยาชั้นสูง รวมทั้งอาจลักพาตัว ฆ่าคนที่มือเปื้อนเลือดของอิสราเอล (คนที่ทำลายยิว)

ในเหตุการณ์ 911 ที่ผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินก่อวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด MOSSAD ได้เตือนสหรัฐล่วงหน้า แต่สหรัฐยังขอสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่ใจก่อน จึงไม่มียิวคนไหนเข้าใกล้ตึกแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีชาวยิวหลายพันทำงานที่ตึก World Trade Center เขาจึงว่ากันว่าโลกนี้ถูกโยงใยโดยมีอิสราเอลอยู่เบื้องหลังอย่างลับๆ เสมอมา เรียกว่าเก่งกว่า CIA หลายเท่าตัว

MOSSAD กับภารกิจลับๆ ในอดีต

ภารกิจลับของอิสราเอลมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ปฏิบัติการสำคัญได้แก่

สงคราม 6 วัน (1967)

6daywarsยิวโดนรุมกินโต๊ะจากชาติอาหรับทั้งหลาย ที่ขนกำลังพลมาอย่างเต็มพิกัด ที่จะถล่มอิสราเอลให้ราบพนาสูญ ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน อิรัก ปาเลสไตน์ ปากีสถาน ลิเบีย แอลจีเรีย โมรอกโค คูเวต ซาอุ ฯลฯ กองกำลังทหารมากันหลายแสนคน (นี่ยังไม่รวมอิหร่านที่ประกาศลบอิสราเอลจากแผนที่โลกในปัจจุบันนะ) อียิปต์มีแนวป้องกันที่แม่น้ำซีนาย โดยไม่มีใครคิดว่าอิสราเอลจะขับรถผ่านทรายในทะเล

อิสราเอลได้ส่งสายลับ MOSSAD แทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลซีเรียเพื่อได้ความลับที่สำคัญ สายลับที่ใช้ตำแหน่งสูงนี้สั่งให้ปลูกต้นไม้เพื่อให้ทหารซีเรียได้ร่มเงา แต่จริงๆ เป็นการกำหนดเป้ายิง นอกจากนี้ MOSSAD ยังได้ข้อมูลในทุกๆ รายละเอียดของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อน และยังมีเครือข่ายชาวยิวอยู่ในทุกประเทศ … สายลับอียิปต์ถูกจับได้ในอิสราเอล จึงเลือกเป็นสายลับ 2 หน้าให้อิสราเอล แทนการอยู่ในคุก โดยส่งข้อมูลเท็จกลับไปว่ายิวจะโจมตีทางบก ส่วนยิวเองก็เตรียมพร้อมทุกด้าน มีการอพยพเด็กๆ 14,000 คนไปยังยุโรป หน้ากาก โรงพยาบาล ฯลฯ พวกเขาได้จารกรรมแผนที่กับระเบิดชายแดนทั้งหมด สืบรู้คลื่นวิทยุสั่งการของศัตรูและส่งเครื่องรบกวนทำงาน

พอเริ่มฉากสงคราม อิสราเอลบินต่ำหลบเรดาห์ ทำลายกองทัพอากาศอียิปต์ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งมีเครื่องบินรบ 420 ลำ และทำลายรันเวย์ทิ้งไม่ให้ขึ้นบินได้ ส่วนฝั่งกำบังอันแข็งแกร่ง ก็สามารถทำลายรถถังและเรดาห์จำนวนมาก ในชั่วโมงแรกของสงคราม!!! นอกจากนี้ยังทำลายกองทัพ จอร์แดน ซีเรีย อิรัก เลบานอน ที่เปิดฉากโจมตีถัดมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันโซเวียตเพิ่งประกาศอยู่ข้างโลกอาหรับ

อิสราเอลยังยึดดินแดนต่างๆ กลับมาได้เพิ่ม เช่น ฉนวนกาซา เวสแบงค์ คาบสมุทรซีนาย และเยรูซาเล็ม ทำให้ดินแดนขยายตัวออกไปกว่าเดิม 4 เท่า นับเป็นการสร้างความมั่นคงมากขึ้น แม้ชาติอาหรับจะไม่ยอม และพยายามทำสงครามด้วยเสมอมา

http://pantip.com/topic/30745877

** ปฏิบัติการ Plumbat ** (1967)

สายลับ MOSSAD ชายหญิง 10 คน พลีทั้งเรือนร่างและชีวิตเพื่อความอยู่รอดของประเทศ CIA และหน่วยสืบราชการลับ 7 ชาติในยุโรป ใช้เวลาสืบสวนถึง 5 ปี จึงได้รู้…

Israel's nuclear reactor at Dimona.ประเทศอิสราเอลไม่มีเขื่อนผลิตไฟฟ้า ต้องปั่นไฟเองจากน้ำมันอเมริกาใต้ซึ่งมีราคาแพงเป็นหลัก และต้องการหาพลังงานอื่นทดแทน ฝรั่งเศสจึงช่วยสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “Dimona” และสัญญาว่าจะหายูเรเนียมให้ แม้อิสราเอลจะปิดเรื่องโรงงานเป็นความลับ และบอกว่าเป็นโรงงานทอผ้า แต่ภายหลังฝรั่งเศสถูกห้ามไม่ให้ส่งให้อิสราเอล

พอดีกับที่อินเดียต้องการซื้อยูเรเนียม (YellowCake) เพื่อทำอาวุธสู้กับปากีสถานจาก Euratom ซึ่งจะขายให้เฉพาะกลุ่มยุโรป อินเดียเลยติดต่อซื้อผ่านโมรอกโคและให้มัดจำค่ายูเรเนียมเป็นทองคำ อิสราเอลทราบ เลยติดต่อสายลับโมรอกโคขอซื้อเป็นเงินหลายล้านเหรียญ ทำให้ผู้นำโมรอกโคลำบากใจ เพราะยิวก็เคยช่วยแจ้งข้อมูลลับที่ทำผู้นำให้รอดตาย ครั้งเคยถูกลอบสังหารในฝรั่งเศส โมรอกโคเลยต้องคืนมัดจำให้อินเดียไป

Plumbat Affairสายลับ MOSSAD 2 คน ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อจากโมรอกโคอยู่บนเรือ เพื่อเปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ แต่สายลับโมรอกโคหักหลังขายข่าวให้อียิปต์ซึ่งเป็นศัตรูมาตามฆ่า MOSSAD 2 คนนี้สำเร็จ และจะตามกำจัด MOSSAD ที่เหลือ แต่ MOSSAD มีอุปกรณ์ไฮเทคเลยฆ่าสายลับอียิปต์ได้ 6 คน ผ่านไป 2 วัน สายลับ MOSSAD รอให้เพื่อน 2 คนบนเรือเปิดประตูโดยไม่รู้ว่าถูกฆ่าตายแล้ว และอียิปต์ส่งคนมาสวมรอยแทน แต่รหัสในการเปิดตู้ผิด จึงสังหารสายลับอียิปต์ได้ ผ่านเหตุการณ์นี้ไป 7 เดือน โรงงานไฟฟ้าเริ่มทำการผลิตกระแสไฟ

เรือขนยูเรเนียมไม่ได้ไปถึงท่าตามกำหนด Euratom ออกค้นหาอย่างที่หา MH370 แต่ไร้วี่แวว เพราะยิวได้ตัดเสากระโดงเรือจาก 6 เป็น 3 ทาสีใหม่และเปลี่ยนชื่อเรือ * ภายใน 2 วัน … เมื่อถึงน่านน้ำสากล ยิวก็ขน YellowCake 200 ตัน ลงเรือของตัวเอง ส่วนลูกเรือ ไม่ได้ฆ่าทิ้ง แต่ให้ไปส่งจดหมายจากที่ต่างๆ กันไปหาครอบครัว และบางคนหันมาทำงานให้อิสราเอลต่อไป … 1 ปีต่อมา มีคนเจอเรือลำที่หายไปถูกขายต่ออยู่ในตุรกี และในปี 1977 (10 ปีผ่านไป) CIA จับสายลับ MOSSAD หลังลอบฆ่าสายลับชาวอาหรับในนอรเวย์ เขาสารภาพรายละเอียด แต่กระนั้นอิสราเอลก็ยังใช้ไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ได้จนทุกวันนี้

ปฏิบัติการ Entebbe (1976)

Entebbe Doneผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ยึดเครื่องบิน Air France และบังคับให้นักบินลงจอดที่ Entebbe ในอูกันด้า ผู้นำอูกันด้า อีดี้ อามิน เป็นมุสลิมจึงต้อนรับเป็นอย่างดี แต่บังเอิญว่าอิสราเอลเป็นผู้สร้างสนามบิน Entebbe ให้อูกันด้า จึงมีพิมพ์เขียวอยู่ในมือ MOSSAD บินอ้อมกว่า 3,000km หลบเลี่ยงเรดาห์ชาติอาหรับ 7 ชั่วโมง ไปลงใกล้สนามบิน แล้วปลอมรถทหารให้เหมือนของอูกันด้าบุกเข้าไป เหตุการณ์นี้ ตัวประกันรอด 105 ตาย 3 คน ส่วนผู้ก่อการร้าย 8 คนเสียชีวิตหมด ปฏิบัติการนี้ เป็นแบบอย่างให้สหรัฐเอาไปใช้ในสงครามอิหร่านอีกด้วย (แม้จะไม่ได้ผล เพราะเจอพายุทะเลทราย) แอบเกรงนิดหน่อยว่าอเมริกาจะเลียนแบบมาใช้กะ MH370 ด้วยป่าวหว่า
*** จริงๆ เรื่องนี้ก็สนุกมาก แต่ขอให้มันสั้นซักเรื่องละกัน
http://pantip.com/topic/30542141

Copy Blueprint of Mirage (1969)

หลังสงครามคลองสุเอช ประเทศรายล้อมอิสราเอลได้ซื้ออาวุธไฮเทคจากรัสเซีย อิสราเอลจึงซื้อเครื่องบิน MIRAGE จากฝรั่งเศส แต่ประธานาธิบดีสั่งให้งดขายอาวุธหลังสงคราม ทำให้ฝรั่งเศสไม่ยอมส่งเครื่องบินมิราจ 3-s จำนวน 15 เครื่องให้อิสราเอลทั้งที่จ่ายเงินไปหมดแล้ว

Kfirสหรัฐยื่นมือขายแฟนธอมให้ แต่อิสราเอลได้พัฒนาอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ไฟฟ้า อาวุธ เพื่อเพิ่มสมรรถนะเครื่องบินมิราจให้แกร่งกว่าเครื่องมิกของรัสเซียไว้หมดแล้ว โดยใช้เงินลงทุนกับสิ่งเหล่านี้ไปเป็นเงินมหาศาล ทางอิสราเอลประเมินแล้วว่า ต้องใช้อีก 10 ปีที่จะสร้างเครื่องบินเอง เพราะเครื่องบินประกอบด้วยชิ้นส่วนล้านกว่าชิ้น และต้องได้รับการทดสอบทุกชิ้นเป็นอย่างดี

อิสราเอลจึงเข้าทาง Alfred Frauenknecht วิศวกรชาวสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ได้สิทธิบัตรผลิตเครื่องบินมิราจ MOSSAD ได้จัดหานักจิตวิทยา วางแผนมาเป็นอย่างดีที่จะโน้มน้าวให้เห็นอกเห็นใจยิว และช่วยหาพิมพ์เขียวของเครื่องบิน จำนวน 150,000 แผ่น พิมพ์เขียวเครื่องกล 45,000 แผ่น ฟรอเอนค์เนทค์ ได้เสนอเจ้านายในบริษัทเพื่อถ่ายพิมพ์เขียวเข้าไมโครฟิล์ม แล้วจะเผาทำลายแบบต้นฉบับ เพื่อการเก็บรักษาที่ง่าย โดยทุกครั้งที่ทำลายจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกด่านอย่างเคร่งครัด แต่ฟรอเอนค์เนทค์ได้ซื้อพิมพ์เขียวเก่าๆ ของเครื่องบินลำอื่นที่คล้ายๆ กันมาเผาทำลายแทน

สายลับ MOSSAD ได้ตีซี้กับ สเตรคเกอร์ ชาวเยอรมันที่ทำงานบริษัทขนส่ง และเสนอเงินจำนวนมากเพื่อให้พาของข้ามชายแดนสวิสเข้าไปเยอรมันให้ได้ โดยใช้ระยะเวลาต่อเนื่องหลายเดือน เมื่อขนเข้าเยอรมัน จะมีเครื่องบินอิตาลีบินกลับประเทศที่สนามบินส่วนตัว และมีเครื่องอิสราเอลมารออยู่ที่อิตาลี ผ่านไปหลายเดือน ส่งเอกสารพิมพ์เขียวไปแล้วกว่าแสนแผ่น สเตรคเกอร์เกิดทำผิดพลาด ลืมเอกสารไว้ที่โกดัง 1 กล่อง และถูกตำรวจจับได้ ฟรอเอนค์เนทค์ จึงถูกจับและจำคุกอยู่ 4 ปีครึ่ง เมื่อเขาออกจากคุก เขาได้เดินทางไปอิสราเอล เพื่อดูการแสดงเครื่องบิน Kfir ซึ่งมีพื้นฐานมาจากมิราจ III ซึ่งเครื่องบินนี้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพอิสราเอล

http://2g.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X12996429/X12996429.html

ปฏิบัติการ *** Sphinx *** (1978-1981)

Operation Sphinxปฏิบัติการนี้ เป็นสุดยอดแห่งความอดทนและการวางแผนชั้นยอดจริงๆ อยากให้หาอ่านเรื่องยาวกันเอาเอง เพราะอ่านเรื่องย่อไม่อาจเห็นความฉลาดได้หมด

ในปี 1973 ฝรั่งเศสเซ็นสัญญาขายเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แลกกับน้ำมันของอิรัก ซึ่งเป็นระดับเข้มข้น 93% สำหรับผลิตอาวุธ … ปี 1978 อเมริการู้ข่าวก็กดดันให้ยกเลิก ฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนระดับความเข้มข้นส่งให้ แต่อิรักไม่พอใจมาก ไม่เอา MOSSAD จึงเริ่มปฏิบัติการสฟิงค์ด้วยการวางแผนมา 10 ตลบ ตั้งแต่สายลับสาว จนถึงสายลับระดับผู้น้ำ เข้าไปตีซี้กับครอบครัว Halim ชาวมุสลิมชาติอิรักที่เข้าไปทำงานในฝรั่งเศส โดยปลอมตั้งแต่ชื่อ ฐานะ อาชีพ รถสปอร์ต เครื่องบิน เพื่อน ฯลฯ ใช้โสเภณีล่อ จน Halim ตายใจและค่อยๆ เผยความลับ และเอาเอกสารลับรวมทั้งพิมพ์เขียวโรงงานมาให้คนที่คิดว่าเขาไว้ใจได้ โดย MOSSAD ก็สอนเทคโนโลยีก็อปปี้กระดาษ เอากระดาษวางทับกระดาษแล้วใช้น้ำยาพิเศษ ก็จะลอกข้อมูลมาอย่างง่ายดาย (ตั้งแต่ 50 กว่าปีที่แล้ว ทันสมัยน่าดู) แล้ว Halim ก็ไม่รู้เลยซักคนพวกเขาคือ MOSSAD ทั้งหมด

Israel Spiesการตีซี้กะ Halim ทำให้ MOSSAD ได้รู้จักกับ Meshad ผู้กล่าวว่าถ้าโครงการนิวเคลียร์นี้เสร็จ จะพลิกโฉมหน้าโลกมุสลิม และทำให้อิสราเอลตื่นกลัว เมื่อ Meshad มาฝรั่งเศส ถูกเสนอเงินให้ย้ายข้างแต่ปฏิเสธหนักแน่น สายลับทั้งหญิงชาย ปลอมพาสปอร์ตว่ามาจากประเทศต่างๆ ขึ้นเครื่องลำเดียวกัน ทำกิจกรรมต่างๆ บนถนนฝรั่งเศสเหมือนไม่รู้จักเกี่ยวข้องกัน … Meshad ซื้อบริการจากโสเภณีที่ MOSSAD ใช้ เมื่อเหนื่อยอ่อน สายลับเข้ามาปาดคอ Meshad นักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของอาหรับชาวอียิปต์คาห้องพักที่ปารีส ส่วนโสเภณีที่ถูกใช้และอาจเป็นภัยต่อการคลายข้อมูล ก็ถูกทำให้เหมือนว่าถูกอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต

ปี 1981 อิสราเอลได้ส่งเครื่องบิน F15, F16 จำนวน 12 ลำ * ซ้อนเป็นไปเส้นตรงตามแนวดิ่ง ในเส้นทางบินพานิชย์ของสายการบิน Aer Lingus ของไอร์แลนด์ ทำให้เห็นเป็นเครื่องเดียว ผ่านซีเรีย เพื่อไปถล่มโรงงานนิวเคลียร์ของอิรักด้วยจรวด และทำให้อิรักยังไม่เคยได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้อีกเลยต่อจากนั้น

http://orthodox.exteen.com/20100316/mossad-2-operaion-sphinx

นอกเหนือจากปฏิบัติการเหล่านี้ ยังมีการลอบสังหาร ลักพาตัว จารกรรม ฯลฯ อีกมากมายนับไม่ถ้วน [http://vigaya.myreadyweb.com/news/topic-10423.html] ลองคิดดูว่า ตัวอย่างข้างบน เกิดขึ้นมากว่า 50 ปีแล้ว แต่เทคโนโลยีต่างๆ ที่เขาใช้ ดูไฮเทคกว่า CIA ในหนังสายลับปัจจุบันเสียอีก แล้วปัจจุบันมันจะขนาดไหน

MOSSAD กับการมโนอย่างหนักของผู้เขียน กับ MH370

จากการหาข้อมูลมากมาย ไอ้วิธีการ บินต่ำหลบเรดาห์ เกาะสายการบินพานิชย์ เก็บความลับเก่ง ชอบปลอม และเปลี่ยนสภาพดัดแปลงเครื่องบิน เรือ รถ ตบตาผู้คน กุข่าว ลวงนานาชาติ ลักพา จารกรรม เงียบหาย รวมทั้งการข่าวที่ทันสมัย ให้ความสนใจเทคโนโลยีอาวุธใหม่ๆ และชอบลักพาตัวคนสร้างอาวุธเป็นพิเศษ มันช่างเข้าทางหน่วยงาน MOSSAD ของ อิสราเอล ยิ่งกว่าหน่วยงานไหนๆ เสียจริงๆ และอย่างที่บอก อิสราเอลมักยื่นมือเข้ามาเกือบทุกงานที่เป็นข่าวใหญ่ๆ แต่งานนี้กลับเงียบกริบ … ได้แต่หวังว่าไม่ใช่เขา เพราะไม่เช่นนั้น ชะตากรรมของลูกเรือ MH370 อาจจะถูกลับ ลวง พราง ถูกชิงเอาของสำคัญระดับโลกไปแล้ว และทำเป็นว่า เครื่องบินวนไปตก ระเบิดอยู่แถวมหาสมุทรอินเดียอันเวิ้งว้างที่สุดในโลก และก็จะทำอย่าง Plumbat ที่ปล่อยลูกเรือกระจัดกระจายไปทั่วโลก อย่างน้อยพวกเขาก็จะยังมีชีวิตอยู่ แม้จะไม่เจอหน้าครอบครัวอีกเลยก็ตาม

คำทำนายแห่งยุคสุดท้าย

จะไม่ลงรายละเอียดเหล่านี้เท่าไหร่ ใครอยากรู้ลองหาศึกษากันเอาเองนะคะ จากหนังสือ ดาเนียล หนังสือแห่งคำพยาการณ์ในโลกอนาคต จากยุคบาบิโลน และหนังสือ วิวรณ์ ที่พูดถึงยุคสุดท้ายและการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ … แต่บอกได้เลยว่า คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแม่นยำทุกประการ ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่อย่างเดียว ขาดอยู่อย่างเดียว คำทำนายถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในยุคสุดท้ายเท่านั้น

ก็ว่าจะไม่เกี่ยวโยงคำทำนายกับเครื่องบิน MH370 หรอกนะ แค่อยากจะสมมุติ ถือซะว่าเป็นจินตนาการ และการตีความของเราก็เท่านั้นแล้วกัน ในหนังสือวิวรณ์มีการพูดถึง แตรทั้ง 7 ขันพระพิโรธทั้ง 7 มีสัญลักษณ์มากมายปรากฎอยู่ในเหตุการณ์ยุคสุดท้าย

ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรตีสทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก” วิวรณ์ 16:12

มีคนตีความกษัตริย์องค์ที่ 7 ว่าเป็น อเมริกา+อังกฤษ เพราะสัตว์สัญลักษณ์ในหนังสือนั้นมี 2 เขา เป็นอำนาจร่วมกัน และว่ากษัตริย์องค์ที่ 8 คือ สหาประชาชาติ … แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ เกิดเป็นรัสเซีย หรือแม้แต่จีนขึ้นมา จะเป็นไปอย่างไร ทุกวันนี้ จีนผงาดขึ้นมาเกือบจะเทียบเท่าอเมริกาแล้ว เกิดเขาเป็นเลข 8 ล่ะ (คนจีนชอบเลข 8 มากด้วย)

พระเจ้าทรงเตรียมทูตสวรรค์ทั้งสี่ไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือนและปี ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน และมีพลทหารม้าสองร้อยล้าน นี่คือจำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน” วิวรณ์ 9:15-16

ไม่ได้เชื่อ 100% ว่า MOSSAD นั้นข้องเกี่ยวกับ MH370 แต่อย่างใด แค่ลองคิดเล่นๆ ดู ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากผ่านไป 10 ปี เรื่องแดงขึ้นมาอย่าง Plumbat ว่าประเทศนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของ MH370 แล้วแกล้งทำเนียนสร้างหลักฐานเสมือนจริง ว่าเครื่องบินไปตกอยู่แถบมหาสมุทรอินเดีย ความโมโหของผู้นำจีนในอนาคต จะยังปะทุขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวแบบเดียวกับญาติผู้โดยสารมีต่อมาเลเซียในปัจจุบันหรือเปล่า? … จากสถิติในปัจจุบัน จีนกำลังจะมีทหารครบ 200 ล้านคนในไม่ช้านี้แล้ว มีการพูดถึงสงครามครั้งใหญ่ก่อนสิ้นโลกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า กษัตริย์จากตะวันออกจะสู้รบกับอิสราเอล!!! จะเกิดอะไรขึ้น หากกองทัพจีนมุ่งมาถล่มอิสราเอล? มันก็คงตรงกับคำทำนายในพระคัมภีร์ และ … เวลาของโลกในวาระสุดท้าย คงจะหมุนเร็วกว่าที่คิด จนอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้!!!


Reference:

en.wikipedia.org/wiki/By_Way_of_Deception
http://www.kolki.com/peace/MOSSAD.htm
2eyeswatching.com/2012/05/09/mossad/
jewishvirtuallibrary.org/jsource/History/intel67.html
pantip.com/forum/wahkor‎
orthodox.exteen.com
icmu.nyc.gr/%20The-truth-about-Israel’s-secret-nuclear-arsenal
waronyou.com/forums/index.php?topic=14683.0

7 Comments »

God is looking for you too. – พระเจ้าก็ตามหาเราด้วยพระคุณ

บางทีเราก็เบื่อ Joel Osteen ที่ชอบเทศนาสิ่งที่คนอยากฟัง ไม่เคยพูดเรื่องความบาป ไม่เคยกล่าวโทษ สอนแต่การมองโลกในแง่ดี เคยถามมิชชันนารีหลายคนเกี่ยวกับอาจารย์โจเอล ส่วนใหญ่บอกไม่ชอบ เพราะสอนด้านเดียว เน้นแต่พระคุณ ไม่แคร์เรื่องความผิดบาป (แต่พวกเขาดันชอบ อ.โจเซฟ ปรินซ์ ทั้งที่เทศนาสไตล์เดียวกัน สงสัยกระแสเอเชียมาแรง 555) … หลังๆ มา นานๆ ทีเราก็จะฟังคำเทศนาของอาจารย์ที แต่ยังตาม Twitter และ Facebook อยู่บ้าง

แต่พอเจอเรื่องหนักๆ ในชีวิต ไม่รู้เรากลับไปเจอคำแบ่งปันของเฮียโจได้ไง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเลยนะ เหมือนจะมีบางสิ่งจากพระเจ้านำเราไปพบเสมอ และคำเทศนาที่ง่ายๆ ของแก ทำให้เรามีความเชื่อ ความหวัง ในพระเจ้ามากขึ้นทุกครั้งเลย … ช่วงนี้เรารู้สึกเหมือนโดนโจมตีหนักเลย ทางด้านร่างกายที่เงียบหายไปนาน (นานของเรา อาจแป๊บเดียวของคนอื่น) ความสัมพันธ์กับพระเจ้า ก็ไม่ได้ไฟลุกอย่างก่อน กังวลเรื่องงานเป็นส่วนใหญ่ งานเยอะมาก แต่รายได้ยังเท่าเดิม (กำลังจะทวีคูณเร็วๆ นี้ด้วยความเชื่อ)

ตั้งแต่หัดทำเบเกอรี่ ก็ค้นพบอีกอย่างที่ทำให้รู้สึกแฮปปี้มากๆ แต่ก็ไม่อยากเสียเวลามากกับสิ่งที่ไม่ใช่เมนหลักของชีวิต ซัก 3 อาทิตย์ก่อน หัดทำชีสเค้กกับน้องๆ กัน แต่คนเหมาคือเรา และทำให้มีปัญหาระบบขับถ่าย ลำไส้แปรปรวน ถ่ายลำบาก จนลามไปถึงการเจ็บอวัยบางอย่างใต้ชายโครงขวา เจ็บจนถึงด้านหลัง แล้วบางครั้งเจ็บข้างซ้ายด้วย แต่ไม่มากเท่าด้านขวา

อันที่จริง เป็นส่วนที่เราเจ็บมาตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว เคยรักษาที่เพชรเวชตอน 10 ปีที่แล้ว ทั้ง xray, ultrasound เ้จาะเลือด ฯลฯ ก็หาไม่เจอ จนมาถึงตอนหมอจะสวนแป้งเข้าลำไส้ ไม่ชอบ เลยไม่ตรวจต่อ อธิษฐานเอา แล้วอาการก็หายไปเลย เพิ่งจะมากำเริบช่วงหลังๆ ที่นอนดึกๆ และจากชีสเค้กก้อนนั้นแหละ ไปหาหมอ หมอก็เจาะเลือดอย่างเดียว แล้วก็บอกไม่มีอะไรผิดปกติ ให้ยาลดกรดกับยาระบายมาทาน ทั้งที่ถามว่ามีประสบอุบัติเหตุ กระแทกอะไรบ้างไหม เราบอกว่าตกบันไดเจ็บหนัก แต่หมอก็เฉยๆ ไม่ตรวจต่อ ไล่กลับบ้าน เจอหน้าไม่ถึง 5 นาที พอหาข้อมูล มันก็เป็นได้หลายอย่าง แต่เคสหนักๆ ทั้งนั้นเลย ไม่รู้จะพัฒนาความเชื่อให้การรักษาเกิดขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร ได้แต่พยายามนึกถึงพระเยซู

และแล้วพระเจ้าก็ตรัสกับเราบางอย่างที่เว็บไซต์ของ อ.โจ (ทั้งที่ไม่เคยเข้าไปเลย) จากการทำงานโปรแกรม Quote ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขณะกำัลังป้อนข้อมูลลำดับที่ 895 เสร็จ ดันเข้าไปเจอหัวข้อ “God is Looking for You” ในหนังสือ ยอห์น บทที่ 9 ที่มีเรื่องของการรักษาโรค โดยไม่มีเรื่องของความเชื่อ ไม่มีเรื่องของการร้องขอ แต่พระเยซูเข้าไปหาชายคนนี้ รักษาเขาเอง … อ่านแล้วก็เอะใจว่าจริงหรอ ไม่เคยสังเกตมาก่อน ว่ามีเคสนี้ด้วยหรอ จำได้แต่เคสที่ผู้ป่วยไม่มีความเชื่อ และใช้ความเชื่อของคนอื่น ตอนที่เพื่อนๆ หย่อนผู้ป่วยลงจากเพดาน ปรากฎว่าบทที่ 9 แสดงให้เห็นว่าชายตาบอด ไม่ได้ก้าวไปหาพระองค์แม้แต่น้อย

ท่อนจบการแบ่งปันของ อ.โจ คือสิ่งที่สัมผัสใจเรามาก ไม่รู้จะสัมผัสคนอื่นด้วยหรือเปล่า แต่อยากยกมาแบ่งปันที่นี่ เพราะ twitter มันไม่พอ ไม่เพียงแต่เรื่องการรักษาโรค แต่มันโดนหลายๆ ด้านของชีวิต

“Maybe you think that you’ve reached your limits. Maybe the medical report doesn’t look good. Now you’ve settled there. You’ve been single a long time. You don’t think you’ll ever meet the right person. Or you took a step of faith, but the business, the charity, the project didn’t make it. Now you don’t see how you could accomplish your dreams. But like this man, when we don’t have the faith, even when we think it’s impossible and say, “Joel, it’s too late, I tried, I failed. It’s never going to happen,” God is going to come looking for you and show you His favor like you’ve never seen!”

and I say AMEN!!!

http://www.joelosteen.com/Pages/BlogItem.aspx?item=10966500-ee64-4988-9e84-94d6da99c7ef

Leave a comment »

Gospel of John & Beginning of Jesus

Jesus went to Egyptขณะที่พระเยซูในวัยเด็กต้องหนีการตามล่าจากเฮโรด ครอบครัวของพระองค์พาพระองค์หนีไปยังอียิปต์ และรอฟังเสียงพระเจ้าถึงขั้นตอนต่อไป เมื่อเฮโรดสิ้นชีวิตลง ครอบครัวพระเยซูกลับมายังอิสราเอล ยูเดีย แต่ต้องเก็บตัวพระองค์ให้เจริญวัยขึ้นในเมืองกาลิลี

หนังสือลูกา เป็นเล่มเดียวที่บันทึกถึงการหายตัวไปของพระเยซูวัย 12 ปี ในกรุงเยรูซาเล็ม มารีย์และโยเซฟใช้เวลาตามหาถึง 3 วัน แต่แล้วก็พบพระองค์สนทนาธรรมอย่างน่าประหลาดใจกับเหล่าบรรดาธรรมาจารย์ พระเยซูกลับตอบว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าฉันต้องอยู่ในนิเวศพระบิดา

Young Jesus Preachedนิเวศพระบิดา เป็นที่ที่พระเจ้าเคลื่อน ที่พระเยซูประทับอยู่ ในปัจจุบัน พระเจ้าสถิตอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ได้ประทับอยู่ในเพียงอาคาร แต่แน่นอนว่าพระเยซูจะทรงเคลื่อนไหวท่ามกลางกลุ่มผู้คนที่แสวงหา และพิจารณาถึงพระคำของพระเจ้าเสมอ ดังเช่นที่พระเยซูในปฐมวัยทำเช่นนั้น

แล้วคุณว่า พระเยซูคุยเรื่องอะไรกับเหล่าบรรดาอาจารย์ที่สอนพระคำพระเจ้าบ้าง?

มาที่ยอห์นบ้าง ยอห์นเป็นคนประหลาด ทั้งการใช้ชีวิต การกิน การแต่งตัว ไม่เหมือนใคร (มัทธิว 3:4; มาระโก 1:6) แต่เมื่อเขาพูด ทุกคนรู้ได้ว่า คำสอนนี้มาจากพระเจ้า และพากันมารวมตัวฟังเขา ยอห์นมิได้เทศนาเช่นเดียวกับพระเยซู เขาไม่ได้ทำหมายสำคัญ การอัศจรรย์ แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า ส่วนของเขาก็คือ “จัดเตรียมหนทางให้กับพระเจ้า” (มัทธิว 3:3; มาระโก 1:2-3; ลูกา 3:4-6; ยอห์น 1:23)

Call to Repentเขาเรียกให้ผู้คนสำนึกในความผิดบาปและกลับใจใหม่ (มัทธิว 3:5,8; มาระโก 1:4-5) ผู้คนต่างมาหาเขา สารภาพความผิด และรับบัพติศมา คือจุ่มตัวลงในแม่น้ำ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการชำระล้างให้สะอาด แม้แต่เหล่าฟาริสี สะดูสี ผู้สอนศาสนาให้คนอื่นก็มาหาเขา แต่ยอห์นรู้ว่า คนกลุ่มนี้นี่แหล่ะที่ชั่วช้ามากกว่าภาพภายนอก ถึงขนาดที่เขาเรียกว่า “เจ้าชาติงูร้าย” (Generation of Viper) และเรียกร้องให้พิสูจน์ว่ากลับใจจริงๆ

ยุคสมัยนี้ เป็นยุคที่มีการเปิดเผยเรื่องพระคุณของพระเจ้าอย่างมากมาย จนทำให้มนุษย์มีความสุขที่ฟังแต่คำเทศนาแห่งพระคุณ เพราะเห็นถึงความเมตตา กรุณา ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรตำหนินักเทศน์ที่เทศน์เรื่องความบาป การกลับใจ เพราะพวกเขาก็เตรียมหนทางให้คนมาถึงพระคุณของพระเยซูเช่นกัน (พระเจ้าให้มีนักเทศน์หลายๆ แบบ ทั้งยอห์น เปาโล ยากอบ ฯลฯ ไม่มีใครผิดแบบ เว้นแต่ว่าสอนเท็จ)

ก่อนที่คนๆ นึงจะพบสัมผัสพระเจ้า พระเยซูได้ ไม่ว่าจะเกิดในครอบครัวพุทธ คริสต์ อิสลาม ก็ตาม เขาต้องพบว่าเขาเองเป็นคนบาป และต้องการการช่วยเหลือ การอภัยบาปจากพระเจ้า ไม่เช่นนั้น เขาจะบังเกิดใหม่ได้อย่างไร? กลับใจไปทำไม? ถ้าไม่เห็นว่าเขามีบาป และเห็นว่าตัวเองดีพร้อม *** นี่เป็นส่วนสำคัญของข่าวประเสริฐ *** พระเยซูมาเพื่อช่วยคนบาปให้กลับใจ มาเพื่อยกโทษ และนำการคืนดีกับพระเจ้ามายังมนุษย์ทุกคน

Light in Believersเพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” [โรม 3:23]

เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
” ยอห์น 3:16

หากพระเจ้าไม่ต้องการอภัยบาป พระเยซูไม่จำเป็นต้องเข้ามาในโลก
หากพระเจ้าไม่ต้องการอภัยบาป หมายสำคัญ การอัศจรรย์ การปลดปล่อย รักษาโรค ไม่มีค่าอะไรเลย
หากพระเจ้าไม่ต้องการอภัยบาป มนุษย์ทุกคนควรตายทันทีที่ทำบาปครั้งแรก เพราะบาปทุกบาปคือความผิด ทุกคนสมควรได้รับโทษ
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ และสิ้นชีวิตที่กางเขน ก็เพื่อบอกว่าพระเจ้ายกโทษให้กับมนุษย์ทุกคน!!!

เหล่าผู้นำศาสนาให้คนมาถามยอห์นว่า นายเป็นใคร!
ยอห์นผู้ให้บัพติศมากล่าวว่าเขาไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่พระเมสิยาห์
เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่พระองค์นั้นจะให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” (มาระโก 1:8; มัทธิว 3:11; ลูกา 3:16; ยอห์น 1:26-27)
เขาประกาศและให้การบัพติศมาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อประกาศการกลับใจใหม่
แต่พระเยซูเป็นผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 14:16-17) แก่ผู้ที่เชื่อและต้อนรับพระองค์ทุกคน อันเป็นการชำระล้าง เปลี่ยนแปลงถึงชีวิตที่อยู่ภายใน
Jesus asked to Baptizeขณะที่พระเยซูเดินลงมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน พระเยซูไม่มีบาป ไม่จำเป็นต้องได้รับการอภัย แต่พระเยซูรับบัพติศมาเพราะต้องการสำแดงน้ำพระทัยพระเจ้า พระองค์สอนมนุษย์ด้วยการทำให้เป็นแบบอย่าง ขณะพระองค์ขึ้นจากน้ำ ธรรมชาติแวดล้อมนั้น เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ท้องฟ้าแหวกราวกับสวรรค์เปิดออก แสงสีทองนวลๆ อบอุ่นทอออกมาจากเบื้องบน (จินตนาการส่วนตัว) พระวิญญาณพระเจ้าลอยลงมาทับประดุจดังนกพิราบขาว ประทับบนพระเยซูคริสต์ (มัทธิว 3:16-17; มาระโก 1:10-11; ลูกา 3:21-22; ยอห์น 1:32-33)

ก่อนหน้านี้ พระคัมภีร์เปิดเผยมาตลอดว่า พระเยซูกำเนิดโดยเดชพระวิญญาณ พระวิญญาณนำโยเซฟ มารีย์ อยู่กับพระเยซูตลอดเวลา ทั้งความคิด สติปัญญา แต่สิ่งนี้ยืนยันข้อความในหนังสือ กิจการ 1:8 “แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน” ว่าคริสเตียนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่แล้วตั้งแต่ตอนรับเชื่อ สามารถมีประสบการณ์การเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้ได้ (แต่อาจไม่เหมือนตรงที่ฟ้าแหวก พระวิญญาณลอยมาดังนกพิราบ)

Pleased by Godสิ่งสำคัญในข้อความตอนนี้ก็คือ มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า “ผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า PLEASED! (εὐδόκησα – eudokēsa) เป็นที่น่ายินดี เป็นที่ชอบใจ

เพราะความชอบใจนี้เอง ที่ทำให้เราได้รับการอภัยบาปไปด้วย บนไม้กางเขนของพระเยซู
เมื่อพระเจ้ามองเราผ่าน พระโลหิต และสิ่งที่พระเยซูได้กระทำไว้สำเร็จแล้ว
เราจึงสะอาด บริสุทธิ์ และเป็นที่ชอบพระทัย เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าตลอดไป 😀

5 Comments »

Stay in the Game – เล่นต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะ!

เป็นการง่ายที่จะมีทัศนคติที่ดีและทำตามความฝัน ตราบที่ทุกสิ่งยังเป็นไปตามทิศทาง แต่แบบนี้ไม่ต้องใช้ความเชื่อซักเท่าไหร่ แล้วเวลายากลำบากล่ะ? เวลาที่ความสัมพันธ์ไม่ดี เวลาที่รู้ผลการตรวจโรค เพื่อนทำสิ่งไม่ดีกับเรา มันก็ง่ายที่จะเสียกำลังใจเมื่อเราเจ็บปวด เมื่อเราผิดหวัง ธุรกิจไม่ดี ล้มละลาย เป็นสิ่งที่เจ็บปวด หลายคนกำลังนั่งอยู่ข้างสนามของชีวิต เพราะว่าพวกเขากำลังบาดเจ็บ ไม่ก้าวไปข้างหน้าต่อ เพราะสิ่งที่พวกเขาได้เผชิญมา

เราอาจมีเหตุผลที่จะรู้สึกเสียใจต่อตัวเอง แต่พระเจ้าสัญญาว่า พระองค์จะมอบมาลัยแทนขี้เถ้า (อิสยาห์ 61:3) สัญญาว่า จะจ่ายคืนให้ 2 เท่าสำหรับสิ่งที่เสียไป แต่คุณต้องทำในส่วนของคุณ ถ้าคุณอยากเห็นมาลัย และส่วน 2 เท่านั้น ให้เอาความสงสารตัวเอง ความท้อแท้ใจออกไป และกลับเข้าไปเล่นในเกม ทุกคนเคยบอบช้ำและบาดเจ็บ แต่คุณไม่อาจให้ความสูญเสีย สุขภาพ การหย่าร้าง เป็นข้อแก้ตัวที่ทำให้นั่งอยู่ข้างสนาม บางครั้งในชีวิต คุณต้องเล่นเกมต่อไปในความเจ็บปวด

American Footballในเกมอเมริกันฟุตบอล ผู้เล่นที่เจ็บมือ กระดูกสีข้างเจ็บ แต่ยังหวังจะเล่นต่อ โค้ชเตือนให้นั่งลงข้างสนามเลิกแมชนี้ไป เขาพันแผลจนเหมือนมัมมี่ แต่การเล่นเกมต่อไปแม้จะเจ็บ ก็ยังดีกว่า นั่งอยู่ข้างสนามและดูคนอื่นเล่นต่อไป … ถ้าคุณจะไปถึงจุดหมายที่พระเจ้าสร้างคุณให้เกิดมา คุณไม่อาจให้อาการบาดเจ็บ ความผิดหวัง เป็นเหตุให้คุณนั่งอยู่ข้างสนาม พันแผลตรงที่บาดเจ็บเสีย ยกโทษให้คนที่ทำผิดต่อคุณ ปล่อยสิ่งที่แย่ๆ ออกไป และกลับเข้าไปในเกม

คนที่ว่า “ฉันกำลังเจ็บ แต่ฉันยังอยู่ตรงนี้” เป็นคนที่สมควรจะได้รับรางวัลจากพระเจ้า เป็นคนที่สัตย์ซื่อ แน่วแน่ เป็นคนที่โดนน็อคแต่ไม่ยอมล้ม กลับลุกขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง … อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวด ทำให้ขมขื่น สูญเสียความมุ่งมั่น และเริ่มต่อว่าพระเจ้า คุณกำลังอยู่ในเกม ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร คุณควรมีทัศนคติที่ว่า “ฉันเจ็บ แต่ยังเล่นอยู่ เพื่อนๆ ทำไม่ดีต่อฉัน แต่ฉันก็ยังเล่นอยู่ ธุรกิจดำเนินไปได้ช้า แต่ก็ยังทำอยู่ ไม่รู้สึกว่าสิ่งดีกำลังจะมา แต่ก็ยังดำเนินต่อไป” คุณต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ในเกมต่อไป

คุณไม่อาจเป็นคนมั่นคงได้จริงๆ ตราบที่คุณยังอยู่สึกว่าสมบูรณ์แบบดีอยู่ ทุกคนทำดี ทำสิ่งถูกกับคุณอยู่ แต่เมื่อตัดสินใจว่า “ฉันเจ็บแต่ยังคงอยู่ … เจ้านายทำไม่ดีกับฉัน แต่ยังทำงานตรงเวลา ทำดีที่สุด ยังทำดีกับเพื่อนๆ ยังคงมีรอยยิ้มให้ ฉันยังสรรเสริญพระเจ้าอยู่” ทุกคนมีสิทธิ์นั่งอยู่ข้างสนาม และหาเหตุผลแก้ตัว ขุ่นเคือง บ่ายเบี่ยง สิ้นหวังต่อชีวิต แต่ผมขอให้คุณเล่นเกมต่อไป

เวลาที่คุณบาดเจ็บ มีบาดแผล ผิดหวัง ถังแตก เหมือนทุกสิ่งจะยิ่งทำให้หมดหวังขึ้นไปอีก สงสารตัวเอง กดดัน สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้เมื่อคุณเจ็บ คือการออกไปช่วยคนอื่นที่กำลังเจ็บ เลิกสนใจปัญหาความเจ็บปวดของตัวเอง และช่วยคนอื่นที่แย่กว่า เมื่อคุณช่วยเขา นั่นคือเมล็ดพันธุ์ที่คุณกำลังหว่าน และพระเจ้าสามารถใช้สิ่งที่คุณทำเปลี่ยนสถานการณ์ของคุณได้

Trophy on white with pathบางครั้ง คุณก็ต้องเล่นทั้งที่ยังเจ็บ ทุกเสียงอาจบอกถึงสิ่งที่คุณทำว่า ไม่มีอะไรดีในอนาคตเลย อย่าเชื่อคำโกหก พระเจ้าเห็นความพยายามของคุณ ตัดสินใจดีๆ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น พระเจ้าจะตอบแทนรางวัล แต่เมื่อคุณลำบาก ทุกอย่างไม่อำนวย เจ็บตัว คุณอยู่ข้างสนาม ดูแลบาดแผล แต่แทนที่จะทำอย่างนั้น เข้าประจำที่เล่นเกม ทำดีต่อผู้คนอื่นๆ คาดหวังจากพระเจ้า และแสวงหาทิศทางใหม่จากพระเจ้า พระองค์มีรางวัลที่ใหญ่ยิ่งกว่า สำหรับคนที่ยังคงยืนหยัดในเวลาที่ลำบาก ถ้าคุณเคลื่อนไปข้างหน้า พระเจ้าจะใช้รอยแผลเป็นของคุณ เป็นดวงดาวที่เปล่งประกายพระสิริของพระองค์

เมื่อพระเจ้าพาคุณเข้าไปอยู่ในเกม ให้คุณมีแนวคิดที่ว่า “ถึงฉันจะบาดเจ็บ แต่พระเจ้าประทับอยู่บนบัลลังก์ ทรงเป็นพระเจ้าผู้สร้างจักรวาล” บางคนกำลังนั่งอยู่ข้างสนาม แต่ในอิสยาห์ 60:1 บอกว่า ให้เราลุกขึ้นฉายแสง กลับเข้าไปเล่นเกมซะ ถ้าเพื่อนๆ ของคุณทรยศหักหลัง อย่าใช้ชีวิตอย่างเหงาหงอย หาเพื่อนใหม่ คนที่ใช่กำลังเข้ามาในอนาคตของคุณ ถ้าหากคุณตกงาน เลิกบ่นต่อพระเจ้า ลองหางานใหม่ พระองค์จะเปิดประตูใหม่ๆ ให้คุณ ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วย อย่าท้อถอยกับชีวิต ดำเนินต่อไป ทำส่วนของคุณให้ดีที่สุด แล้วพระเจ้าจะทำส่วนของพระองค์ จะประทานโอกาสใหม่ๆ มิตรภาพ และมุมมองใหม่ๆ แม้ว่าจะเจ็บปวด ไม่ยุติธรรม แต่ชีวิตยังไม่จบสิ้น ยังมีชีวิตหลังจากหายโรคแล้ว

โยบเผชิญกับช่วงหนักหนาของชีวิต เขาพูดว่า My Redeemer Lives เขาเจ็บปวด แต่เล่นเกมต่อไป หลังจากช่วงเวลานั้น พระเจ้าประทานคืนให้เขา 2 เท่า พระคัมภีร์บอกว่า โยบมีชีวิต 140 ปี และเห็นลูกหลานไปอีก 4 ชั่วอายุคน (โยบ 42:16) ภายหลังช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย ความเจ็บป่วย ธุรกิจที่ล้มลง ชีวิตยังไม่จบลง โยบยังมีช่วงเวลาแห่งความสุขไปถึงอายุ 140 ปี คุณยังไม่เคยเต้นรำอย่างเต็มที่ หัวเราะอย่างดังที่สุด ยังไม่เคยมีฝันที่สุดยอด ถ้าคุณเข้าไปเล่นเกม และไม่ขมขื่น พระเจ้าได้จัดเตรียมบางสิ่งให้คุณในอนาคต เช่นเดียวกับโยบ เขาได้รับ 2 เท่าที่ไม่เคยมีมาก่อน

AchievingGoalsหากคุณยังอยู่ในเกม พระเจ้าพร้อมจะปลดปล่อยความโปรดปราน (FAVOR) ให้กับชีวิตของคุณ และนำพาคุณไปยังจุดหมาย คุณอาจไม่สามารถกลับไปทำสิ่งที่เคยทำได้ พระเจ้ารู้จักคุณ รู้จักสิ่งที่คุณสู้รบปรบมืออยู่ บอกกับศัตรูของคุณ (ซาตาน) ว่าพวกเจ้าอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา เจ้าไม่อาจนำฉันออกจากเส้นทาง (destiny) นี้ได้ เมื่อคุณยกย่องให้เกียรติพระเจ้าโดยเฉพาะเวลายากลำบาก ยังคงสรรเสริญพระเจ้าได้ ศัตรูจะไม่สามารถทำอะไรคุณได้ เมื่อคุณเจ็บ พระเจ้ารู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นกับคุณ คุณเป็นลูกของพระองค์

(ระหว่างนี้อาจารย์ ยกตัวอย่างคนป่วยที่ไปโรงพยาบาลคนนึง ที่สัตย์ซื่อ ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ จนหายโรค และอีกหลายตัวอย่าง ฯลฯ)

มีหญิงสาวคนหนึ่งในพระคัมภีร์ นามว่ารูธ สามีของเธอสิ้นลง ในภาวะแห่งการเปลี่ยนแปลง เธอไม่ได้สงสารตัวเอง ไม่ได้พร่ำบ่นชีวิตไม่ยุติธรรมเลย เธอยังคงอยู่ในเกมต่อไป นางนาโอมีแม่ของสามีเธอก็เช่นกัน แม้รูธจะเจ็บปวด แต่เธอยืนยันจะดูแลแม่สามีต่อไป วันหนึ่ง เธอพบกับโบอาส เจ้าของทุ่งนาใหญ่ พบรักและแต่งงานกัน พระเจ้าอวยพรลูกหลานอันเป็นต้นตระกูลของกษัตริย์ดาวิด … รูธจะนั่งอยู่ข้างสนามบอลก็ได้นะ กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน แต่เธอเข้าใจหลักการนี้ เธอดำเนินชีวิตต่อไปทั้งที่ยังเจ็บปวด ถึงจะบาดเจ็บ แต่ทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป พระเจ้ามีแผนการต่อจากนี้สำหรับรูธ หลังจากการสูญเสีย

สิ่งที่คุณเจอวันนี้ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาและนำชีวิตใหม่กลับมาให้คุณ พระเจ้าจัดเตรียมบางสิ่งเอาไว้หลังจากนี้ หลังการสูญเสีย คุณจะพบกับคนที่ดี หลังจากตกงาน พระเจ้าเตรียมงานใหม่ไว้ให้คุณ หลังจากความผิดหวัง พระเจ้าเตรียมชีวิตสุขสันต์ไว้ให้ หลังจากหายโรค คุณจะมีสุขภาพที่ดีกว่าเดิม ให้เชื่อและประกาศสิ่งที่เชื่อทั้งที่เจ็บปวดอยู่ ถ้าคุณยังอยู่ในเกมต่อไป ดัง โยบ และ รูธ พระเจ้าจะเติมเต็ม destiny ของคุณ

Preached by Joel Osteen, Lakewood Church

ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล
ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
[ฟิลิปปี 3:14]

Leave a comment »

The Midas Touch – ยังต้องการสิ่งที่ได้มาอยู่รึเปล่า?

Midas Touch กลายเป็นสำนวนอังกฤษคำนึงไปแล้ว หมายถึง การทำอะไรสำเร็จ การหาเงินเก่ง ฯลฯ อะไรในทางอย่างนี้ แต่คำว่า Midas จริงๆ มาจากตำนานกรีก มีอยู่ว่า…..

Golden BarsMidas ไมดาส เป็นกษัตริย์ที่มีชีวิตอยู่ในเมือง Phrygia ระหว่าง ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล ไมดาสเป็นพระราชาที่ร่ำรวยมาก และมีทองคำมากกว่าใครๆ ทั้งหมดบนโลกใบนี้ เขาสะสมเหรียญทอง ทองแท่ง ไว้ห้องใต้ดินขนาดใหญ่ใต้มหาราชวัง และใช้เวลาแต่ละวันจัดการ และนับทรัพย์สมบัติที่มี

แต่ไม่ว่าจะมีทองคำสะสมมากแค่ไหนในห้อง ก็ยังไม่เพียงพอ กษัตริย์ไมดาสต้องการมากกว่าที่มีเสมอ และเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ฝันถึงวิธีที่จะทำให้มีทองคำมากขึ้นกว่าเดิม

Finger Touchตามตำนาน วันหนึ่ง มีผู้ใส่ชุดสีขาวปรากฎกับกษัตริย์ไมดาส และให้เขาขอสิ่งที่ปรารถนา กษัตริย์จึงรีบขอ “สัมผัสแห่งทองคำ” (Golden Touch) ที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นทองคำเมื่อเขาแตะต้องสิ่งใดก็ตาม

เช้าวันต่อมา กษัตริย์ไมดาสตื่นขึ้นก็พบว่า ผ้าคลุมเตียงลินินธรรมดาๆ ถูกเปลี่ยนให้เป็นทองคำบริสุทธิ์ เขาอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และกระโดดออกจากเตียง แล้วก็ถูกเสาเตียง เสาเตียงก็เปลี่ยนเป็นทองคำ “มันเป็นเรื่องจริงนี่” ไมดาสร้อง “โอ้ว ข้ามีสัมผัสแห่งทองคำ!”

Golden Rosesเขารีบออกจากวัง แตะที่กำแพง และเฟอร์นิเจอร์ตลอดทาง ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นทองคำ ข้างนอกในสวนนั้น ไมดาสไปยังพุ่มไม้ ต้นแล้วต้นเล่า แตะกุหลาบ ดอกไม้ ยิ้มอย่างมีความสุขที่ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นทอง

นี่เป็นตอนที่คนส่วนใหญ่จำได้ หลายคนเหมือนจะหลงไหลกับไอเดียที่สามารถสร้างทองได้อย่างไม่จำกัด หรือเพียงแค่นิ้วสัมผัส เห็นได้ชัดว่าผู้คนคิดถึงสิ่งนี้ เมื่อมีการอ้างถึงคำว่า “Midas Touch” แต่จริงๆ แล้วตำนานของไมดาสยังไม่จบเพียงอยู่กับทุกคนอย่างมีความสุขตลอดกาลเท่านี้

ถ้าคุณได้สิ่งที่ต้องการแล้ว คุณยังต้องการสิ่งที่ได้มาอยู่หรือเปล่า?

Golden Appleในที่สุด เมื่อเหนื่อยจากความตื่นเต้นที่เห็นสิ่งต่างๆ มากมายเปลี่ยนเป็นทองเมื่อสัมผัส ไมดาสนั่งลงเพื่ออ่านหนังสือขณะรออาหารเช้า แต่หนังสือที่หยิบมาก็เปลี่ยนเป็นทองทันที และเมื่อจะกินอาหาร ช้อนอาหาร ขนมปัง ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นทองหมด แม้แต่น้ำในถ้วยยังเป็นทองคำ

พระราชาอุทานออกมา “ถ้าแม้แต่อาหารยังเป็นทอง แล้วข้าจะกินได้ยังไง?” เขาเริ่มกังวล จากนั้นลูกสาวของไมดาส ชื่อ โอรีเลีย (Aurelia) เข้ามาที่ห้อง ซึ่งลูกสาวคนนี้เป็นสิ่งที่เขารักพอๆ กับทองคำ โอรีเลียวิ่งเข้ามาหาพ่อ และยื่นมือมาโอบกอดพ่อและจุมพิตพ่อ ไมดาสตกใจมาก เมื่อลูกสาวเปลี่ยนไปอย่างประหลาด และเปลี่ยนจากเด็กผู้น่ารัก ร่าเริง เป็นรูปปั้นทองคำ

King Midasกษัตริย์ไมดาสครวญครางด้วยความปวดร้าว กับสิ่งน่าสยองที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า เขาได้รับสิ่งที่เขาขอแล้ว แต่ก็เริ่มตระหนักได้ว่า เขาไม่ได้ต้องการสิ่งที่ได้มาเลย แต่ตำนานก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีอีกตอน

ค้นพบความร่ำรวยที่แท้จริง

ทันใดนั้น ผู้ใส่ชุดขาวก็ปรากฎขึ้นอีกครั้งและถามว่า
โอ้ว พระราชาไมดาส เจ้าไม่ใช่คนที่มีความสุขที่สุดหรือ?
ไม่เลย” พระราชาร้อง “ข้าเป็นบุคคลที่น่าสมเพชที่สุดต่างหาก
อะไรนะ? เราไม่ได้ให้สิ่งที่เจ้าปรารถนาที่สุด คือสัมผัสแห่งทองหรอกหรือ?
ใช่ ท่านให้ข้า แต่มันเป็นคำสาปสำหรับข้าในเวลานี้” ไมดาสร้องไห้
ทุกสิ่งที่ข้ารักจริงๆ ตอนนี้ สูญสิ้นไปหมดแล้วสำหรับข้า
เจ้าหมายความว่าเจ้าต้องการเศษขนมปัง หรือน้ำ มากกว่าพรแห่งสัมผัสทองหรือ?
ใช่แล้ว…ข้าไม่ต้องการทองทั้งหลายในโลกนี้อีกแล้ว ถ้าเพียงแค่ลูกสาวของข้าฟื้นขึ้นมา
ตามตำนาน ผู้ใส่ชุดขาวบอกให้ไมดาสไปล้างตัวในน้ำพุ เพื่อจะล้างสัมผัสแห่งทองออกไป พระราชนำน้ำนั้นกลับมาด้วย เพื่อพรมบนลูกสาวของเขา และพรมบนสิ่งของต่างๆ ที่เขาเคยอยากให้เปลี่ยนจากเดิม

Sprinklingในที่สุดตำนานนี้ พระราชาไมดาสเลิกปรารถนาสัมผัสแห่งทองอย่างมีความสุข และเปรมปรีดิ์ในการได้ทุกอย่างคืนมา ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว อาหาร ความงามตามธรรมชาติ ไมดาสตระหนักว่า สิ่งทั้งหลายนี้ มีค่ามากมายยิ่งกว่าทองคำ

ความจริงก็คือ เราไม่ได้อยู่ในโลกของนิทาน ไม่มีสูตรวิเศษแห่งสัมผัสทองคำ เพื่อความสำเร็จมั่งคั่งทางการเงิน แต่ยังมีโอกาสให้แก่คนที่เต็มใจขยันและสัตย์ซื่อในงานที่เขาตั้งใจ มีหลักการฝ่ายวิญญาณบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่ง และพระพรที่พระเจ้ายกย่อง ตามที่ให้ไว้ในพระคำของพระองค์

Reference: The Book of “The Midas Touch” by Kenneth E. Hagin

2 Comments »

Summary of “Battle for the Body” – สรุปหลักสูตรสงครามฝ่ายวิญญาณต่อร่างกาย

ไม่รู้เหตุผลที่ชัดเจนที่ตัดสินใจแปลหลักสูตร “สงครามฝ่ายวิญญาณที่มีต่อร่างกาย” ก่อนหลักสูตรอื่นๆ และจำไม่ได้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะแปลเรื่อยๆ
จำได้แค่ว่า ปลายปีที่แล้ว ลิงกระโดดกัด หลังจากฉีดยา 10 เข็ม ก็มีอาการปวดกระดูก ยืนไม่ได้ ไปหาหมอ ประกาศกับคนเป็นมะเร็ง เรากลับหายปวดแทน แต่ก็มีอาการเจ็บป่วยอีก โดยเฉพาะหลังจากรับใช้กับทีม Bethel Curriculum School ในพัทยา เมื่อเดือนมีนาคม ก็ไอเป็นเดือน หาหมอก็ได้ยินข่าวร้ายอีก ว่าอาจเป็นวัณโรค ทำให้คิดถึงสถานที่ต่างๆ ในพัทยา (แจกไบเบิ้ลให้ทัวร์จีนเยอะมากๆ ประกาศกับคนขายบริการทุกคืน เยี่ยมคุก) ระแวงว่าจะติดเชื้อจากคนกลุ่มใด ที่ใดมาบ้างกันแน่ แต่ละที่ก็สุ่มเสี่ยงทั้งนั้น แต่ในที่สุด ก่อนจะรู้ผล พระเจ้าเป็นผู้ให้กำลังใจ สำแดงความรัก ให้ความเชื่อมั่นตลอดเวลา ว่าพระองค์รักเรา พระองค์ทรงฤทธิ์ เราจะไม่เป็นอะไร เพราะพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา รบแทนเรา ฯลฯ เยอะมากกกกกก
และในที่สุดก็เป็นไปตามที่พระเจ้าตรัสทั้งนั้น เราไม่เป็นอะไรจริงๆ
ถึงแม้มารซาตานพยายามโจมตี แต่พระคัมภีร์ยืนยันว่าสุดท้ายแล้ว มารซาตานจะพ่ายแพ้ไป ผู้ปกครองโลกและจักรวาลผู้เดียวคือองค์พระเยซู เราต้องสู้ต่อไปจนถึงที่สุด … เกริ่นมาเยอะ เราขอสรุปบทเรียนพรวดไปเลยละกัน 20 บท (โดยบทที่ 20 จะแปะลงเฟซไว้ เพราะมีหลายบริบทที่โดนมากๆ) เรียงตามบท 1-20
Battle

1. อาณาจักรต่างๆ ขัดแย้งกัน (อพยพ 15:26)

มีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรที่มองไม่เห็น ในโลกฝ่ายวิญญาณ มีการแย่งชิงพลเมืองระหว่างอาณาจักรแห่งความมืดและความสว่าง ไม่มีความเป็นกลาง และเราต้องเลือกข้างระหว่างความดีและความชั่ว

2. การทรงเรียกเข้าประจำการ (อพยพ 23:25)

มีคำต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาโรค ไม่ว่าจะเป็น Psychic, Supernatural, Medical, Natural, Faith แต่การรักษาโรคจากพระเจ้า เราจะใช้เพียงคำว่า Divine Healing ชีวิตคริสเตียนอยู่ในสงคราม เพราะซาตานคอยโจมตีทั้งจิตใจและร่างกาย แต่พระเยซูทรงเรียกผู้เชื่อให้เทศนา สั่งสอนข่าวประเสริฐ นำแผ่นดิน(แห่งความชอบธรรม) ของพระเจ้าเข้ามาในโลก เรียกให้ขับผี ปลดปล่อย และรักษาโรค (มา ระโก 16:17-18) ช่วยเหลือผู้คนที่สิ้นหวัง ฯลฯ

3. การเตรียมตัว (สุภาษิต 4:20-23)

การรักษาโรคเป็นเรื่องรองจากความรอด แต่เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนเปิดใจ ในพระคัมภีร์ มี 71 หน้าเกี่ยวกับการรักษาโรค 131 หน้า เกี่ยวกับการอัศจรรย์ และ 85 หน้า เกี่ยวกับหมายสำคัญและการอัศจรรย์

4. แหล่งกำเนิดของความเจ็บป่วย (กาลาเทีย 3:13)

มนุษย์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ Body + Soul + Spirit พระเจ้าสร้างโลกอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อมนุษย์ทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า มีคำแช่งสาปเกิดขึ้น มันแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า นำพาเอาความเจ็บป่วย ความทุกข์ลำบาก และความตาย เข้ามาในโลก พระเจ้าไม่ใช่ต้นกำเนิดความเจ็บป่วย ขณะที่มารมา ลัก ฆ่า ทำลาย พระเยซูมาเพื่อให้มนุษย์มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์

5. สาเหตุของความเจ็บป่วย (สดุดี 119:67,71,93)

สาเหตุมีหลายอย่าง เช่น ละเมิดกฎฝ่ายวิญญาณ (ทำบาป) ฝ่ายร่างกาย (ใช้ชีวิตผิดกฎธรรมชาติ) การโจมตีของซาตาน เรื่องของพระกาย (คริสตจักรกับมหาสนิท) การช่วยให้รอด (1 โครินธ์ 5:1-7)

6. ประเภทของความเจ็บป่วย (สดุดี 6:2-3,9)

ฝ่ายวิญญาณ (บาป) ฝ่ายร่างกาย (โรคต่างๆ) อารมณ์ (โกรธ เกลียด ขมขื่น อิจฉา) ป่วยทางจิต (Mental) และการถูกผีมารครอบครอง ( เกี่ยวข้องก ับไสยศาสตร์,รูปเคารพ)

7. ผลลัพธ์ของการเจ็บป่วย (เยเรมีย์ 29:11)

การทนทุกข์ไม่ใช่การถวายเกียรติพระเจ้า แต่การรักษาเป็นเหตุให้พระเจ้าได้รับเกียรติ ยกย่อง พระเจ้ารักษาผ่าน : วิธีทางธรรมชาติ ทางการแพทย์ และการอัศจรรย์ รักษาอย่างทันที หรือแบบค่อยๆ หายบางกรณี เป็นเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้วสำหรับชีวิตคนๆ นั้น แต่ผู้เชื่อ เมื่อจากโลกนี้ไป จะเข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้า ไม่มีความเจ็บป่วย ความทุกข์ น้ำตา และความตายอีกต่อไป

8. หลักเกณฑ์ในการรักษาโรค (อิสยาห์ 53:5)

พระคัมภีร์บรรจุพระคำของพระเจ้าซึ่งมีชีวิต *เมื่อเราหว่านพระคำ เราก็จะเก็บเกี่ยวผล* มีพระสัญญาเกี่ยวกับการรักษาโรคจากพระเจ้ามากมายในพันธสัญญาเดิม เช่น พระเจ้าเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ ส่วนพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเป็นแบบอย่างในการรักษาโรคของพระเจ้า
หนังสือ 4 เล่มแรกของพระคัมภีร์ใหม่ บันทึกการรักษาสารพัดโรคของพระเยซู พระองค์มีความเมตตากรุณาขับเคลื่อน รวมทั้งหนังสือ กิจการฯ ได้บันทึกการรักษาโรค และการอัศจรรย์ของคริสตจักรยุคแรกผ่านอัครทูตและผู้เชื่อต่างๆ พระคำบอกว่า สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้พระเจ้ากระทำได้!

9. จุดประสงค์แห่งการรักษา (มัทธิว 8:16-17)

การรักษา เป็นการสำแดงพระลักษณะพระเจ้าผู้เต็มไปด้วยความดี ความเมตตา กรุณา เป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า ยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่สัญญาไว้ เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน พระเยซูได้รับความบาป การลงโทษ ความเจ็บป่วย คำแช่งสาปทุกอย่างไว้ที่นั่น การรักษาโรคพิสูจน์ผู้ประกาศข้อความของพระเจ้า ช่วยให้คนเปิดใจรับฟังข่าวประเสริฐ (แต่การรักษาโรคไม่ได้มาแทนการประกาศ) เป็นส่วนหนึ่งในการมาถึงของอาณาจักรพระเจ้า และแสดงให้เห็นถึงชัยชนะของพระเจ้า ที่มีต่อซาตาน

10. ของประทานฝ่ายวิญญาณในการรักษาโรค (1 โครินธ์ 12:7-9)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 ใน 3 ภาคการทำงานของพระเจ้า) มีบทบาทตั้งแต่การสร้างโลก ดลใจผู้คนเขียนพระคัมภีร์ เปิดเผย ให้ความเข้าใจแก่ผู้อ่าน ประทับอยู่กับผู้คน นำการทำงานของพระเยซู ดลใจให้คนบาปกลับใจ ยับยั้งฤทธิ์อำนาจของมารซาตาน กำเนิดคริสตจักร เปลี่ยนแปลงผู้คน ฯลฯ พระวิญญาณให้ของประทานต่างๆ ซึ่งหลักสูตรนี้เน้นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค โดยของประทานอื่นๆ มีส่วนร่วมกับการรักษาด้วย เช่น การสอน การเผยพระวจนะ การสังเกตวิญญาณ ความเชื่อ ถ้อยคำแห่งความรู้ ถ้อยคำแห่งสติปัญญา การอัศจรรย์

11. ธรรมเนียมของมนุษย์ (สดุดี 119:25-28)

มนุษย์มีความเชื่อดั้งเดิมต่างๆ มากมาย เช่น การรักษาโรคและการอัศจรรย์ไม่มีในปัจจุบัน (แต่พระเจ้าเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แม้เวลาจะเปลี่ยน) เชื่อว่าถ้าการรักษาโรคยังมีอยู่จริง คนตายทั้งหมดต้องฟื้นขึ้นมา (ผู้เชื่อทั้งหมดจะฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้ายอยู่แล้ว) บางคนเชื่อว่าพระเจ้าไม่รักษาโรคแล้ว เพราะมียาสมัยใหม่มากมาย (แต่แพทย์ปัจจุบันก็ยังไม่อาจหาวิธีรักษาโรคหลายๆ โรคได้) บางคนเกรงว่าจะเน้นร่างกายมากกว่าจิตวิญญาณ (ร่างกายสัมพันธ์กับจิตวิญญาณ) บางคนเชื่อว่าป่วยเพราะบาปอย่างเดียว (ไม่เสมอไป) เชื่อว่าเป็นน้ำพระทัย (พระเจ้าไม่เคยยินดีให้ลูกของพระองค์เจ็บป่วย) บางคนเชื่อว่าเป็นการทนทุกข์ร่วมกับพระเจ้า (การแบกกางเขนเป็นสิ่งเลือกได้ แต่การเจ็บป่วย เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้)

12. หนามในเนื้อหนังของเปาโล (อิสยาห์ 19:22)

ใน 2 โครินธ์ 12 เปาโลพูดถึงหนามในเนื้อของเขา มีผลให้เกิดฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในชีวิต จริงๆ แล้วหนามไม่ได้ตีความถึง ความเดือดร้อนทางร่างกาย แต่เป็นการโจมตีจากศัตรู เปาโลมีประสบการณ์เจ็บป่วย ในกาลาเทีย 4:13-16 แต่ไม่ใช่หนาม เพราะความเจ็บป่วยไม่ใช่สิ่งถาวร แต่เปาโลบอกว่า “มีมาตั้งแต่แรก”

13. คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ (เฉลยธรรมบัญญัติ 29:29)

เราไม่ได้มีคำตอบสำหรับทุกคำถาม ถ้าเรามีคำตอบหมด เราไม่ต้องการพระเจ้า หรือความเชื่อเลย พระคัมภีร์แสดงชัดเจนว่าบางสิ่งเปิดเผยแก่เรา ในขณะที่หลายสิ่งไม่เปิดเผย ในการรักษาและปลดปล่อย ต้องรู้จักที่จะวางคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบไว้แล้วฝาก “ความลับ” ไว้กับ พระเจ้า (ไว้วางใจพระเจ้าบ้าง)

14. การรับใช้ในการรักษาโรค (มัทธิว 10:7-8)

ต้องมีการเตรียมตัวเองและผู้ทำงานร่วมกัน ความเชื่อเกิดจากการได้ยินพระคำ เราต้องเพิ่มความเชื่อ และศึกษาทุกสิ่งในพระคัมภีร์ เชื่อในสิ่งที่พระเยซูสัญญา พระองค์พูดอะไรไว้ พระองค์จะทำ พระเจ้าบอกว่าเราสามารถรักษาคนเจ็บป่วยด้วยฤทธิ์เดชในนามของพระองค์ ก็ให้คาดหวังว่าคนป่วยจะได้รับการรักษา ใช้ทุกช่องทางที่ระบุไว้ในพระคำ การอดอาหารอธิษฐาน ความเชื่อ ของประทาน การสรรเสริญ ฯลฯ

15. พันธกิจติดตามผลการรักษา (ฮีบรู 4:15-16)

การทำให้ผลการรักษาคงอยู่ สอนคนให้ … จดจำการโจมตีของซาตาน ต่อต้านการโจมตี เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต เชื่อฟังแนวทางในพระคำ พบแพทย์เพื่อยืนยันว่าหายโรค บางคนยังไม่หายโรคเพราะอาจมีเรื่องของความเชื่อ เวลา ฯลฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ให้อธิษฐาน สร้างความเชื่อ สารภาพบาป ใช้ฤทธิ์อำนาจจากช่องทางต่างๆ มอบความวางใจไว้ในพระเจ้า มองโลกในแง่บวก อ้างพระสัญญา และเราจะได้รับ

16. การรักษาขั้นสูงสุด (2 โครินธ์ 4:16-18)

เราต้องเข้าใจว่ามีความเจ็บป่วยบางอย่างที่ถึงแก่ชีวิต เพราะถูกกำหนดเวลาเอาไว้แล้ว การหายโรคไม่ใช่การทำให้เป็นอมตะ ทุกคนที่หายโรคต้องตายในวันหนึ่ง พระเจ้าจะประทานสติปัญญาและแยกแยะให้ได้ว่าเป็นเวลาของคนๆ นั้นหรือไม่ และบางครั้ง ความตายคือการรักษาโรคขั้นสูงสุด เมื่อเราเข้าสู่ที่ประทับของพระเจ้าหลังชีวิตบนโลกนี้ เราจะมีกายใหม่ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ หรือความตายอีกตลอดไปนิรันดร์ การจากไป เป็นการ “ได้กำไร”

17. ผู้ที่ถูกซาตานผูกมัด (ลูกา 9:1)

พระเยซูเป็นผู้ที่สอนว่าผีมารอยู่ใต้อำนาจของซาตาน การขับผีออกจากคน เป็นเครื่องหมายว่าแผ่นดินพระเจ้ามาถึงแล้ว งานรับใช้ส่วนใหญ่ของพระเยซูเกี่ยวข้องกับการจัดการอำนาจของมาร (กิจการ 10:38) ซาตานหมายถึงศัตรู มันพยายามต่อสู้ผู้ไม่เชื่อ ไม่ให้เข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า โดยไม่ให้รู้ความจริงแห่งข่าวประเสริฐ และทำงานผ่านวิญญาณชนิดต่างๆ เช่น วิญญาณแห่งความอ่อนแอ (สุขภาพไม่ดี) วิญญาณการล่อลวง ผีโสโครก พวกมันสามารถเบียดเบียน
ครอบงำ หรือเข้าสิงผู้คนที่ไม่เชื่อได้ ผ่านชนรุ่นต่างๆ ในครอบครัว ผ่านความคิดจิตใจ ความบาป ความต้องการ ผ่านการอนุญาตของคน แต่พระเยซูมาเสด็จเข้ามาในโลก เพื่อประกาศชัยชนะต่อมารซาตาน

18. การรับใช้ในการปลดปล่อย (มัทธิว 10:1)

พระเยซูมอบฤทธิ์อำนาจให้ผู้เชื่อจัดการกับผีมารได้ในพระนามของพระองค์ แต่ควรมีการเตรียมตัวที่เหมาะสม เราไม่ได้ถูกเรียกให้เน้นที่อำนาจมาร ไม่มีของประทานขับผี แต่เรามีฤทธิ์เดชที่จะปลดปล่อยพวกเขา … เมื่อเราเข้าสู่การทรงสถิต บรรยากาศแห่งความเชื่อ การอธิษฐาน การสรรเสริญ ทำให้เกิดการปลดปล่อย พระเจ้าประทับอยู่ในคำสรรเสริญของประชากร เมื่อสรรเสริญ มีการปลดปล่อยเยียวยา
อย่าเสียเวลาคุยกับมาร เพราะมันเป็นวิญญาณแห่งการมุสามาตั้งแต่ แรกเริ่ม แต่ต้องมีการผูกมัด ปลดปล่อย มีการสอนผู้คน ไม่ให้ผีมารกลับไปยังช่องว่างที่เปิดอยู่ได้ … เมื่อมีการปลดปล่อย ผีมารออกไปแล้ว จะมีสัมผัสแห่งสันติสุข เหมือนกับของหนักที่ถูกหยิบยกออกไป

19. การติดตามผลพันธกิจการปลดปล่อย (มัทธิว 10:8)

มีการอธิษฐานประกาศการปลดปล่อย โดยนำสารภาพบาป ตัดสัมพันธ์ ฯลฯ ทำลายรูปเคารพ วัตถุทางไสยศาสตร์ ฯลฯ มีการเติมเต็มช่องว่างฝ่ายวิญญาณด้วยการต้อนรับพระเยซู (มารไม่อาจสิงผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงได้) ให้พระวิญญาณเสด็จมาประทับ และฝังพระคำเอาไว้ มีการปกป้องตัวเองจากอำนาจมาร หลีกเลี่ยงความสนใจที่เกี่ยวกับมาร เช่นตำราไสยศาสตร์ การพยากรณ์ พิธีกรรมเกี่ยวกับวิญญาณ เพลงบางประเภท ฯลฯ ไม่ให้มีรูปเคารพเข้ามาในบ้าน ฯลฯ

20. นักรบที่(สุขภาพ)ดี (สดุดี 37:4-5)

ร่างกายของเราเป็นที่ประทับของพระเจ้า ถวายตัวเองกลับคืนให้กับพระเจ้า เพื่อพระประสงค์พระองค์ แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า รับการเติมเต็มจากพระวิญญาณ ยำเกรงพระเจ้า พัฒนาความสัมพันธ์ให้สนิทสนมกับพระเจ้า ให้ความสำคัญกับพระคำเป็นลำดับต้นๆ เชื่อฟังพระคำ รักษากายใจและวิญญาณ ดำเนินตามกฎธรรมชาติ รู้จักพระทัยพระเจ้าว่าพระองค์ต้องการรักษาเราเมื่อเจ็บป่วย เพิ่มความเชื่อ และประพฤติตามความเชื่อ ด้วยการกระทำตาม ใช้อาวุธสงครามฝ่ายวิญญาณ (เอเฟซัส)

1 Comment »

What You Have? – อะไรอยู่ในมือของเรา

Samson with jawboneครั้งหนึ่ง แซมสันสู้กับคนฟีลิสเตีย 1 พันคน (Judges 15) โดยไม่มีดาบ ไม่มีอาวุธ ไม่มีกองทัพหนุนหลัง เหมือนถึงที่ตายชัดๆ แต่แซมสันไม่ได้บ่นว่าพระเจ้า “พระองค์ไม่ยุติธรรมเลย ที่พวกเขามีดาบมีโล่” หรือไม่ได้พูดว่า “พระเจ้า พวกเขามีอาวุธ แต่ลูกไม่มี” แซมสันเข้าใจหลักการ เขาเริ่มมองดูรอบๆ ไม่ได้เห็นปืนกลหรือระเบิด แต่เห็นขากรรไกรลาสดๆ ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดามากๆ แซมสันเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เขาเห็น เขาฆ่าศัตรู 1 พันคน ซึ่งมีอาวุธที่เยี่ยมกว่า

สิ่งที่คุณมีไม่สำคัญเท่ากับมีการเจิมของพระเจ้า เราอาจมีพรสวรรค์ต่างๆ *แต่ด้วยการเจิมจากพระเจ้าสูงสุด เราจะไปได้ไกลกว่าคนที่มีพรสวรรค์คุณรู้หรือไม่ว่าคุณมีอะไร?” การแก้ปัญหา การทะลุทะลวง ธุรกิจใหม่ๆ ความคิดสร้างสรรค์ อยู่ในมือของคุณ แล้วเมื่อเทียบกับสถานการณ์ มันอาจดูเล็กน้อย แต่ถ้าเรากล้าใช้สิ่งที่มีนี้ เราก็เอาชนะยักษ์ด้วยสิ่งเล็กๆ ได้ … ทั้งดาวิดและแซมสันก็ออกรบโดยไม่มีอาวุธ ไม่มีดาบ เขาทั้งสองไม่มีเครื่องบินรบ แต่พวกเขามีสลิง และขากรรไกรลา ถ้าเรารู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ เราจะปลอดภัย ไปด้วยความมั่นใจ รู้ว่าเราเองถูกใช้โดยพระเจ้าผู้สร้างจักรวาล

donkey_jaw คุณอาจบอกว่า ฟังดูดี แต่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน “ไม่ใช่ คุณมีอะไรที่คล้ายกับขากรรไกรลาหรือสลิงหรือเปล่า?

บางสิ่งที่เรามีในชีวิตเวลานี้ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราสร้างประวัติศาสตร์ พระเจ้าลิขิตให้เราทิ้งสิ่งจดจำไว้ให้ชนรุ่นนี้ เราไม่สมควรเป็นคนที่เกิดมาแล้วก็จากไป โดยไม่มีใครรู้ว่ามีเราอยู่ เรามีเมล็ดพันธุ์แห่งความยิ่งใหญ่อยู่ภายใน เมื่อเวลาของเราหมดลง โลกนี้ควรจะย้อนกลับไปดูและบอกว่า “โอ้ว พวกเขาเป็นผู้ฆ่ายักษ์ พวกเขาเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ พวกเขาสร้างพิภพใหม่ให้แผ่นดิน พวกเขาทิ้งมรดกแห่งความเชื่อเอาไว้

ความฝันคุณอาจจะใหญ่ และคุณมีเพียงเล็กน้อย แต่อย่าเสียกำลังใจ พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าเจ้าใช้สิ่งที่มี เราจะทวีคูณพรสวรรค์ให้ เราจะทวีคูณทรัพยากรต่างๆ ให้” ผม (Osteen) จะขอเผยพระวจนะว่า คุณจะชนะยักษ์โดยไม่มีอาวุธ คุณจะทำเป้าหมายสำเร็จโดยไม่มีอะไรเลย!

ยักษ์อาจจะใหญ่ แต่พระเจ้าสูงสุดมีฤทธิ์อำนาจมากกว่านั้น นี่ไม่ใช่เวลาแก้ตัว หรือให้ผู้คนพูดถึงคุณเป็นแค่คนธรรมดา แต่นี่เป็นเวลาสูงขึ้น จงรู้เถิดว่าเรามีอะไร Everything you need to fulfill your destiny is within reach. โยเอล 3 บอกว่า
จงเตรียมทำการรบ จงปลุกใจคนฉกรรจ์ทั้งหลาย” ใครคือคนฉกรรจ์?
คือคนที่ตระหนักว่าพวกเขามีพระเจ้าผู้สร้างจักรวาล คอยนำทางอยู่ รู้ว่าตัวเองนั้นมีอะไร

DavidGoliathผมมีเพื่อนคนนึง ฝันจะเริ่มธุรกิจของตัวเอง เขาต้องการให้แบงค์สนับสนุนเงินกู้จึงจะทำกิจการนี้ได้ เขาเลยไปหาและใช้เวลาหลายปี แต่พวกเขากลับปฎิเสธ โดยบอกว่าไม่ใช่ไอเดียที่ดี เขาไปหลายต่อหลายแบงค์ “เข้าใจนะครับว่า พระเจ้าไม่ได้สัญญากับใครอื่น แต่เป็นคุณ” คนอื่นทั่วไปอาจไม่เห็นสิ่งที่คุณเห็น … 31 แบงค์ปฎิเสธเพื่อนของผม แต่คุณต้องตัดสินใจว่า จะเชื่อสิ่งที่คนเขาพูดกัน หรือไปต่อกับสิ่งที่เชื่อ เพื่อนผมมีเงินอยู่ 150 เหรียญ แต่ต้องการเงินหลายแสนเหรียญตามที่วางแผนไว้ แต่เขาเอาสิ่งที่มี แล้วก็นำเครื่องมือ 2-3 อย่าง เริ่มธุรกิจ ลูกค้าคนแรกชอบงานเขามาก เลยทำสัญญา 1 ปี 31 แบงค์ปฎิเสธแต่แบงค์ที่ 32 ตอบตกลง ทุกวันนี้เขามีเงินหลายพันล้านเหรียญ เติบโตเรื่อยๆ เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ … เกิดอะไรหรอ เขาก็เอาชนะยักษ์ได้ด้วยสิ่งที่ไม่มี

Seed will be Treeเมื่อพระเจ้าประทานความฝันให้ พระองค์ประทานในรูปแบบของเมล็ด อย่างถ้าเรามีความฝันว่าจะมีต้นโอ๊คใหญ่ๆ พระเจ้าไม่ได้ให้ต้นโอ๊คมาเลย พระเจ้ากำลังให้อะไรเรา อะไรที่เราพบตอนนี้ The opportunity for promotion is close to you. The solution you are looking for is within your reach. พระเจ้าได้จัดเตรียมใครก็ตาม ที่จำเป็นต่อเราไว้แล้ว เลิกบอกตัวเองว่า ไม่มีคอนเนคชั่น เราอาจไม่รู้ว่าพระเจ้าได้ใส่อะไรไว้ตามทาง ไม่รู้ว่าอะไรที่หยิบจับได้ … อาจเป็น ไอเดียนึง เสียงโทรศัพท์นึง ที่เราจะก้าวจากสิ่งที่กำลังฝันไปสู่ฝันที่เป็นจริง พระเจ้าให้มัดจำเราไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ของขวัญ พรสวรรค์ ความคิด ความสร้างสรรค์ ทรัพยากรต่างๆ อาจไม่มาหรอก แต่เมื่อเราเปิดมัน ก็จะค้นพบสิ่งที่พระเจ้านำ

Lepers in Syria's Campใน 2 Kings 7 กองกำลังศัตรูได้ตัดเสบียง มีคนโรคเรื้อนอยู่นอกเมือง พวกเขาคงไม่ได้บ่นที่ไม่ได้เข้าเมืองเพราะโรค และแย่กับชีวิต คนนึงพูดขึ้นมา “เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า … ถ้าเรานั่งที่นี่เราก็ตายเหมือนกัน ถ้าเขาฆ่าเรา ก็ได้แต่ตายเท่านั้นเอง” โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาส แต่เมื่อเราทำสิ่งธรรมดา พระเจ้าจะทำสิ่งไม่ธรรมดา พระคัมภีร์บอกว่า “พระเจ้าได้ทรงกระทำให้กองทัพของคนซีเรียได้ ยินเสียงรถรบ เสียงม้า และเสียงกองทัพใหญ่” คนโรคเรื้อนได้ช่วยชีวิตคนอื่นในเมือง พวกเขากลายเป็นฮีโร่ เสียงเดินของพวกเขาไม่มากเท่าไหร่ แต่ขอท้าให้ก้าว ส่งเสียง มีนิมิต เราจะมีวิญญาณแห่งความเชื่อ

ดาวิดจะชนะโกลิอัทไม่ได้ และไม่เคยบันทึกในประวัติศาสต์ ถ้าไม่รู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ส่งสลิงมา แซมสันจะชนะฟีลิสเตียไม่ได้ถ้าไม่รู้ว่าใช้ขากรรไกรลาได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มีขากรรไกร พระเจ้าใส่มันไว้ หลักการเดียวกัน พระเจ้าก็ใส่ผู้คนไว้ในชีวิตของคุณ ทรงใส่โอกาสเข้ามา ใส่สิ่งต่างๆ เหมือนจะสังเกตุไม่ได้ แต่การเจิมจากพระเจ้าจะสังเกตุได้ พระองค์ได้เปิดประตูที่ไม่มีใครปิดได้ คุณกำลังก้าวเข้าไปในระดับใหม่แห่งชีวิต เป็นการอวยพรที่เป็นพลุแตก ให้เราเชื่อและประกาศออกไปในนามพระเยซู

Recognizing What You Have by Joel Osteen
(http://www.youtube.com/watch?v=E0tIpBiy9x8)

Addition: #Sign in Bible
– ภาพที่ชาวฟีลิสเตียจับแซมสัน = อำนาจมารที่ตั้งใจทำร้ายพระเยซู ขณะที่พระองค์เสด็จเข้ามาในโลก
– เชือกพวน 2 เส้นที่ด้อยกว่ากำลังแซมสัน = พระเยซูมีอำนาจ แต่ยอมจำนนแต่โดยดี
– กระดูกขากรรไกรลา = ลาที่ตายเพราะถูกทำร้าย = พระเยซูยอมถูกเฆี่ยนตี ตบแก้ม (Mec 5:1; Isa 50:6; Job 16:10) * เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมือง Lehi แปลว่า ขากรรไกร หรือ แก้ม
– แซมสันโยนกระดูกทิ้งไป = การไถ่บาปเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ ไม่ต้องตายอีก
** โยนขากรรไกรทิ้งที่ Ramath-Lehi แปลว่า ขากรรไกรที่อยู่สูง

1 Comment »

Praise from God – คนที่พระเจ้ายกย่อง (1)

ปกติ พระเจ้ามิได้มีหน้าที่ต้องยกย่อง สรรเสริญใคร เพราะพระเจ้าเป็นผู้สูงสุด ที่สมควรได้รับคำชื่นชม แต่ในพระคัมภีร์มีตอนหนึ่ง กล่าวเช่นนนี้จริงๆ ว่าพระเจ้าสรรเสริญมนุษย์ “Whose praise is not from men but from God” [Rom 2:29]

พระคัมภีร์ในโรม คือตอนที่พูดถึงคนเข้าสุหนัต พระเจ้ายกย่อง คนเข้าสุหนัตทางใจ (ซึ่งเป็นการเข้าสุหนัตแท้) มิใช่ทางกาย [สุหนัตคือ การตัดปลายหนังอวัยวะของผู้ชาย ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งมากในพระคัมภีร์ คนในปัจจุบันอาจไม่เข้าใจ เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเชื่อ และการทำพันธสัญญาร่วมกับพระเจ้า] ในที่นี้ การเข้าสุหนัตทางใจ คือ ประพฤติตนตามบัญญัติ ซึ่งหมายถึงการเชื่อฟังพระเจ้านั่นเอง

Jesus and Centurionนายร้อยชาวโรมัน ::: (Matt 8:5-13; Luke 7:1-10) นายร้อยคนหนึ่งมีคนใช้หรือทาส ที่รักมาก และป่วยใกล้ตาย และคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของพระเยซูมามาก จึงขอให้พระเยซูรักษา โดยพื้นเพแล้ว นายร้อยคนนี้
– รักและทำคุณงามความดีให้กับคนยิว ซึ่งคนโรมันทั่วไปไม่ทำกัน (Luke 7:5)
– เขายกย่อง ให้เกียรติพระเยซูมากเหลือเกิน ขนาดที่พูดว่า “ข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์
– และยังเป็นคนมีความเชื่อสูง เชื่อว่า แค่พระเยซูตรัสโดยไม่ต้องพบคนป่วย ก็เพียงพอแล้ว เขากล่าวว่า “ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น บ่าวของข้าพระองค์ก็จะหายโรค
– รู้จักลำดับของสิทธิอำนาจทหาร-ฝ่ายวิญญาณ “ข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกทาสของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” คำพูดนี้ แสดงว่าเขายกให้พระเยซูมีสิทธิอำนาจสูงสุดในฝ่ายวิญญาณ เขามีความเชื่อว่าพระเยซูมีอำนาจสั่งโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้
– พระเยซูชื่นชมเขา โดยกล่าวว่า “เรา *ไม่เคย* พบศรัทธา (Great FAITH) มากเท่านี้ แม้กระทั่งในอิสราเอล” และพระเยซูแค่ตรัสว่า “จงได้ผลตามศรัทธานั้น” ทาสนั้นก็หายโรค

Woman who flew of bloodผู้หญิงตกโลหิต ::: (Matt 9:20-22; Mark 5:25-34; Luke 8:43-48) ในสมัยที่พระเยซูดำเนินอยู่บนโลกนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งพระคัมภีร์บรรยายความทุกข์ของเธอชัดว่า
– “เป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปีมาแล้ว
– “ได้ทนทุกข์ลำบากมามาก
– “มีหมอหลายคนมารักษา
– “ไม่มีผู้ใดรักษาให้หายได้
– “ได้เสียทรัพย์จนหมดสิ้น
– “โรคนั้นก็มิได้บรรเทา แต่ยิ่งกำเริบขึ้น
เป็นภาพแห่งความเจ็บปวด และทรมานแสนสาหัส … เธอพยายามจะแตะชายเสื้อของพระเยซู เพื่อจะหายโรค และเธอก็หาย โลหิตก็หยุดตก พระเยซูจะปล่อยผ่านไปเลยก็ได้เมื่อรู้ว่ามีฤทธิ์ซ่านแห่งการรักษาออกจากพระองค์ แต่พระองค์กลับถามหาว่า “ใครได้ถูกต้องเรา” เพื่อจะพบเธอ และอวยพรเธอ “ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด

Mary_Feet04นางมารีย์ มักดาลา ::: (Matt 26:6-13; Mark 14:3-9; Luke 7:36-50; John 12:1-8;) พระกิตติคุณทุกเล่มอาจไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเดียวกัน แต่เรื่องของหญิงสาวคนนี้ ทั้ง 4 เล่มต่างบันทึกไว้หมด ในขณะที่ ยอห์น เป็นผู้เดียวที่ได้เอ่ยชื่อ ว่าผู้หญิงคนนี้คือมารีย์ (11:2) ส่วนลูกาบันทึกว่าเป็นหญิงชั่ว พระเยซูตรัสว่าเธอ
– “ได้กระทำการดีแก่เรา” โดยเธอซื้อน้ำมันหอมนาระดาที่มีราคาแพงเท่ากับค่าแรงทั้งปีมาโชลมพระเยซู ทั้งที่บางคนเห็นว่าควรเอาเงินที่มากนั้นแจกจ่ายให้คนจน
– “การซึ่งผู้หญิงนี้ได้กระทำก็จะลือไปเป็นที่ระลึกถึงเขาที่ไหนๆ ที่ข่าวประเสริฐจะประกาศทั่วพิภพ” ด้วยเหตุนี้พระกิตติคุณ 4 เล่มจึงต่างบันทึกเรื่องนี้หมด ส่วนในลูกาได้บันทึกเพิ่มเติมว่า “ขณะที่เจ้าบ้านมิได้ต้อนรับพระองค์เยี่ยงนี้ แต่หญิงนี้กลับล้างเท้า เอาผมตัวเองเช็ดให้ เหตุเพราะคนที่ทำผิดบาปมาก ก็ได้รับการยกหนี้มากกว่าคนที่คิดว่าตัวเองบาปน้อย
– นอกจากนี้ ในตอนอื่นๆ ยังแสดงให้เห็นว่ามารีย์เข้าใจสิ่งที่พระเยซูตรัส มากกว่าสาวกคนสนิทเสียอีก ในการเล็งถึงการทำศพของพระเยซู และอีกตอนหนึ่งที่พระเยซูชมว่าเธอ “ได้เลือกเอาส่วนดี” (Luke 10:42) ที่คอยใกล้ชิดฟังพระคำไม่ห่าง ขณะที่คนอื่นมัวแต่วุ่นวายใจในการปรนนิบัติด้านอื่น

หญิงม่าย ::: (Mark 12:41-44; Luke 21:4) พระเยซูทรงเฝ้ามองผู้คน และรู้รายละเอียดการใช้เงินของแต่ละคน พระองค์ชื่นชมหญิงม่าย เธอมีเพียงน้อยนิด แต่ให้หมดทั้งชีวิต เรื่องนี้เคยเขียนไปแล้วเป็นพิเศษถึงเธอใน Blog เก่าๆ [ https://popsyz.wordpress.com/tag/การถวาย/ ]

สรุป ความรักและการสำนึกในพระคุณที่มีต่อพระเจ้าอย่างมารีย์ ความเชื่ออย่างนายร้อยและหญิงโลหิตตก หัวใจที่มอบทั้งหมดอย่างหญิงม่าย … ทำให้พระเจ้าชื่นชม และพอพระทัย

ยังมีเรื่องราวอีกมากในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่ไม่อาจยกมาได้หมด ว่าพระเจ้าพอพระทัยสิ่งใดอีกบ้าง เยอะมากค่ะ เช่น การถวายเครื่องบูชา (Gen 8:21) การเชื่อฟัง (1 Sam 15:22) ฯลฯ

Note: การเขียนบทความวันนี้ ทำให้อยากค้นคว้าคำว่า “กลิ่นที่พอพระทัย” ในการถวายเครื่องบูชาซึ่งปรากฎบ่อยครั้งในคราวต่อไป

Leave a comment »

Works of the Lord and Priority of Jesus – ชัยชนะ และลำดับความสำคัญ

ก่อนอื่น สวัสดีปีใหม่ 2013 ผู้อ่าน และตัวเอง (เพราะวันนึงตัวเองจะกลับมาอ่าน) 555

เมื่อวาน ส่งท้ายปีเก่า เป็นวันที่กลับมาจากลพบุรีเข้าสู่ กทม (หลังจากลี้ภัยไปอยู่ได้ 1 เดือน) ในขณะที่คน กทม ออกไปเที่ยว ตจว ไม่รู้ทำไมปีนี้อยากไปลอง Count Down ทั้งที่ตั้งแต่เกิดมา เป็นเด็กกรุงเทพ กลับไม่เคยไปเคาท์เลย แต่พอตกเย็นเริ่มจำได้ ว่าที่นึกครึ้มอกครึ้มใจได้ เพราะฤทธิ์ยาพารา เนื่องจากเริ่มมีไข้ หนาวสั่น ขึ้นมา ทำให้ความอยากลดลงเหลือศูนย์ 0 และต้องข่มตาหลับนอนก่อนข้ามปี กับเสียงพุที่ดังอยู่รอบทิศทาง เพื่อจะไม่ต้องรู้สึกถึงอาการใดๆ

สิ้นปีทีไร ก็จะมีความรู้สึกนี้ทุกครั้งคือ รู้สึกว่า 1 ปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนยังไม่ได้ทำอะไรที่คุ้มค่าแก่เวลา และไม่อยากให้ถึงปีใหม่เลย เพราะวันนี้ ตื่นมา ก็เหมือนฝัน ในความจริงที่รับไม่ได้ว่านี่คือ 2013 เสียแล้ว ตื่นมาก็ตะเกียกตะกายฝ่าความหนาวลงมากินยาข้างล่าง ก็ถามพระเจ้าว่า ทำไมหนอ ลูกต้องป่วยข้ามปี เริ่มปีใหม่ด้วยอารมณ์เยี่ยงนี้ และสงสัยในสิ่งที่พระองค์บอกว่า “จะช่วยคนที่รัก ❤ พระองค์ ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง” ได้อย่างไร? เพราะไม่เพียงแต่เป็นไข้เท่านั้น ยังปวดกระดูกแขนขาไปทั่วตัว ไม่รู้ว่าเป็น Effect ของเซรุ่มต่างๆ ที่ฉีดเข้าไป 8 เข็มแล้วหรือเปล่า ดูปางตายมากๆ

แต่แล้วข้อพระคำที่ว่า “I shall not die, but live and declare the works of the LORD” ก็เข้ามาดังอยู่ในหัวอย่างหนักแน่น สวนทางกับอาการ แล้วก็เปิดพระัคัมภีร์ที่วางอยู่ใกล้ๆ กวาดตาอ่านมาที่หนังสือ ลูกา 4

Temp Jesusพระเยซูถูกมารทดลองถึง 3 ครั้ง โดยพระคัมภีร์ใช้คำว่า “มารนำพระองค์ไป” โอ้ววว ทำไมๆ พระเยซูปล่อยให้ซาตานนำไป พระองค์มิมีอำนาจไล่หรือ? แน่นอน พระเยซูต้องมีสิ แต่พระเยซูก็ยอมให้มารนำไปโดยดี
1. ครั้งแรก เป็นเรื่องของเนื้อหนัง การกินดื่ม ที่พระเยซูประกาศว่า “มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้
2. ครั้งที่ 2 เป็นเรื่องของ การเลือกศรัทธาข้างพระเจ้า พระองค์ประกาศว่า “จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว
3. ครั้งที่ 3 เป็นเรื่องของสถานะและการใช้สิทธิอำนาจที่มี พระเยซูตอบมารว่า “อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน
… การทดลองทั้ง 3 นี้ พระเจ้าให้เห็นการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้ การเลือกทางออก และมารก็รู้พระคำพระเจ้า อ้างพระคำพระเจ้า แต่สุดท้ายแล้วพระเยซูก็สามารถผ่านทั้ง 3 ด่านมาอย่างมีชัยชนะ โดยพระคำของพระเจ้า
… ในตอนนี้เอง ที่พระเจ้าสำแดงว่า ปี 2013 นี้ จะเป็นปีแห่งชัยชนะของเรา เรารู้สึกเหวอๆ อยู่เหมือนกัน เพราะถ้ามองดูอาการแล้ว มันเวรี่แบ๊ดดด อ้อ พระเจ้าจะรักษาให้หาย และประกาศว่าพระองค์ยิ่งใหญ่ กระนั้นหรือ??? (ย้อนกลับมาบันทึก :: ตอนนั้นยังไม่เข้าใจแผนการพระเจ้าหรอก ถ้าอ่าน Blog วันต่อๆ ไป จะรู้ว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหน มากกว่าที่เราคิด หรือสงสัยซะอีก)
อ่านตรงนี้จบ เหมือนพระเจ้ากำลังบอกเราว่า ปีนี้จะเป็นปีชัยชนะของเรา และนี่คือการอ่านพระคัมภีร์วันแรกของปี 2013!

พออ่านมาถึงข้อ 18นำข่าวดีมายังคนยากจน…” พักนี้รู้สึกได้รับแนวทางนี้บ่อยแฮะ
และเมื่อถึงข้อ 40พระองค์ก็ทรงวางพระหัตถ์ถูกต้องเขาทุกคน ให้เขาหายโรค” ลองนึกภาพนักเทศน์สมัยนี้กับพระเยซู เราไม่รู้ว่า พระองค์ Take Time กับคนที่เจ็บป่วยเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน หรือว่าวางปรึ๊บๆๆ แบบแตะๆๆ แล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นคนหมู่มาก
และเมื่อประชาชนเห็นว่าพระองค์รักษาโรคได้ คนมากมายหาย ก็เริ่ม “หน่วงเหนี่ยวพระองค์ไว้ ไม่ให้ไปจากเขา” (ข้อ 42) พระเยซูบอกว่า

เราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐแห่งแผ่นดินของพระเจ้าแก่เมืองอื่นด้วย
เพราะว่าที่เราได้รับใช้มา ก็เพราะเหตุนี้เอง
” (43)

Healing the Sick 4พระเจ้ากำลังชี้เป้าให้เราเห็นว่า พระเยซูให้ความสำคัญกับสิ่งใดก่อนหลัง จริงอยู่ พระเยซูควรเลี้ยงดูผู้คน เทศนาสั่งสอนต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญกว่าใช้เวลากับคนที่ต้องการพระองค์ คือ การประกาศเรื่องราวความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ให้กับคนอื่นๆ ที่ยังไม่เคยได้ยิน พระองค์กำลังบอกว่า ที่พระองค์เกิดมาในโลก ก็เพราะเหตุนี้แหละ!

คนที่เป็นอาจารย์ รับใช้ในงานอภิบาลศิษย์ นักร้อง นักดนตรี ผู้ปรนนิบัติในด้านต่างๆ อาจมีคำถามว่า แล้วพวกเขาไม่สำคัญหรือ? แน่นอนว่าสำคัญ แต่พระเยซูกระทำสิ่งที่พระบิดากระทำ และทำตามพระทัยพระบิดาเสมอ พระองค์พูดเฉลยออกมาเองนะ ว่าอะไรเป็น First Priority ที่สำคัญสุด ไม่ได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด หากหน้าที่ที่เรากำลังรับใช้อยู่นั้น สอดคล้องกับพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า และหากสิ่งที่เราทำอยู่ เป็นมาจากหัวใจที่รักในผู้หลงหาย

แต่ถ้าไปต่อกับ ลูกา 5 จะพบว่ามี Priority ที่สำคัญเหนือไปมากกว่าการประกาศเสียอีก พระเยซูไม่เคยปฏิเสธการรักษาโรค แต่พระองค์จัดลำดับความสำคัญของการใช้เวลา ซึ่งเราควรเลียนแบบพระองค์ด้วย ในข้อ 15 บอกว่าชื่อเสียงพระเยซูโด่งดัง คนมากมายมารวมตัวกันจะฟังเทศนา รวมตัวกันรับการรักษาโรค

แต่ … พระองค์เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน” (16)

Praying 02Priority หรือลำดับความสำคัญสูงสุดในการดำเนินกับพระเจ้า คือ การมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนม มีเวลาส่วนตัว ติดต่อกับพระบิดาในสวรรค์ ซึ่งเป็นแหล่งพลัง และการใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างถูกทิศทาง เพราะเมื่อเราสนิทกับพระบิดา เราก็จะดำเนินตามพระทัย/พระประสงค์ ที่เราได้รับ … ในหลายๆ ตอนชี้ให้เห็นว่า พระเยซูอธิษฐานตอนกลางคืนถึงเช้า (โต้รุ่ง) ก็มี อธิษฐานตั้งแต่เช้าตรู่ก็มี อธิษฐานในป่าในเขาก็มี พระเยซูอธิษฐานอยู่เสมอ … จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราประกาศ รับใช้มากมาย แต่ไม่ได้มีเวลาส่วนตัวกับพระเจ้าในการอธิษฐาน ไม่มีความสัมพันธ์กับพระบิดา???

ตอบให้เลยว่า เป็นชีวิตที่น่าหดหู่ ถดถอย อ่อนแอ พ่ายแพ้ ตกอยู่ในการทดลองอย่างไร้กำลังต่อสู้ ความรู้สึกแย่ๆ ความโศกเศร้า ไม่ได้นั่งเทียนบรรยายให้ฟังหรอก แต่มาจากประสบการณ์จริงๆ พยายามแล้วพยายามอีกที่จะรับใช้ ให้งานเดินต่อไป แต่อารมณ์เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา โทษใครก็ไม่ได้ ได้แต่โทษตัวเอง ก็ไม่ได้พึ่งพาพระเจ้าอย่างที่ควร … เหมือนกับกิ่งที่ถูกแยกจากลำต้น ไม่มีชีวิต

ขอบคุณพระเจ้า แม้จะไข้ขึ้นเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ขณะที่อ่านไบเบิ้ล พระเจ้าหนุนใจ และมอบทิศทางปี 2013 ให้ ว่าติดสนิทพระเจ้า ยืนหยัดในพระวจนะ + ประกาศตามพระทัย แล้วจะพบกับเวลาแห่งชัยชนะ … ขอพระองค์โปรดประทานความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณขั้นรุนแรงให้กับลูก และพี่น้องทุกท่านในปีนี้มากๆ ด้วยเถิด ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมนนนนนนนนนน ❤ ❤ ❤

2 Comments »