สดุดีบทที่ชอบมากๆ บทหนึ่งคือ สดุดี 139
"ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ทรงสถิตที่นั่น
ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดน ผู้ตาย พระองค์ทรงสถิตที่นั่น
ถ้าข้าพระองค์จะติดปีกแสงอรุณ และอาศัยอยู่ที่ส่วนของทะเลไกลโพ้น
แม้ถึงที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะนำข้าพระองค์
และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะยึดข้าพระองค์ไว้"
อันที่จริงพระเจ้าทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ในที่ลึกลับ มืดมิดที่สุด
แต่ทำไมมนุษย์ไม่สามารถพบและรู้จักพระเจ้าได้ทุกคน?
"พระเจ้าตรัสว่าเรามิได้อยู่เต็มฟ้าสวรรค์และโลกดอกหรือ" [Jer 23:24]
ตั้งแต่มนุษย์ล้มลงในความผิดบาป โลกของมนุษย์ก็เสมือนถูกตัดขาดออกจากพระเจ้า ความสัมพันธ์ที่เคยสนิทสนมก็เสื่อมลง แต่ข่าวดีคือ พระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงส่งพระเยซูมาไถ่บาปของเรา ใครก็ตามที่มาเชื่อในพระองค์ สามารถจะสัมผัสการทรงสถิตของพระเจ้าได้ทุกแห่งหนเช่นกัน
แต่การทรงสถิตของพระเจ้า มีหลายรูปแบบ และการสำแดงพระองค์อย่างเฉพาะเจาะจง เกิดขึ้นในคริสตจักร (ผู้เชื่อ) หรือผ่านพระกายของพระองค์ ในการนมัสการ สามัคคีธรรม เป็นต้น "ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น" [Mat 18:20]
ในพระคัมภีร์ มีบุคคลมากมาย ที่สัมผัสการทรงสถิตอันหนาแน่นของพระเจ้า เท่าที่เคยเห็นในพระคัมภีร์ประกอบภาพ ภาพที่สวยงามมากๆ คือ นิมิตของ อิสยาห์ (Isa 6) เอเสเคียล (Ezk 1) นอกจากนี้ การทรงสถิตที่โดดเด่น ได้แก่ พุ่มไม้ของโมเสส, อิสราเอลกับพลับพลา, อิิสราเอลกับเสาเมฆและเสาเพลิง, เตาไฟของเนบูคัสเนซซาร์, คริสตจักรยุคแรก, ยอห์นกับนิมิตยุคสุดท้าย ฯลฯ
การเข้าไปสู่การทรงสถิตของพระเจ้า
"จงเข้ามาเฝ้าพระองค์ด้วยการร้องเพลง … จงเข้าประตูของพระองค์ด้วยการโมทนา และเข้าบริเวณพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ จงถวายโมทนาขอบพระคุณพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์" [Psa 100:2, 4]
บทเพลง คือ การเชื่อมโยงจิตวิญญาณ
บทเพลงนมัสการ คือ การเชื่อมโยงจิตวิญญาณของเรากับพระเจ้า
ขณะที่กษัตริย์เยโฮชาฟัทออกรบ พระองค์จัดนักดนตรีให้อยู่ในทัพ ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า (2 Chr 20) การนมัสการคือ การทรงสถิตของพระเจ้า และนั่นก็ทำให้ศัตรูพ่ายแพ้เป็นหน้ากอง
นอกจากการถวายบทเพลงแล้ว ความยำเกรงพระเจ้าคือสิ่งสำคัญ อาจารย์ที่สอนเรื่องการนมัสการจากคริสตจักรใหญ่แห่งหนึ่งเคยสอนว่า การแต่งกาย แสดงถึงออกความยำเกรงพระเจ้าด้วย (ซึ่งก็ไม่อยากฟันธงว่าการใส่รองเท้าผ้าใบ เป็นการไม่สำนึกซักทีของเรารึเปล่า) ซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะชีวิต แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องของฝ่ายวิญญาณ
เพลง Praise Looks Good on You ของป๋าดอน มีท่อนหนึ่งกล่าวว่า พระเจ้าต้องการมากกว่าเครื่องถวายบูชา ด้วยการร้องเพลง แต่พระเจ้าต้องการหมดทั้งชีวิต ที่สะอาดบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัย … การสรรเสริญที่ดูดี แท้จริงแล้วก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของเรา ซึ่งหมายถึง สิ่งซึ่งสำแดงออกมาจากชีวิตจริงๆ ข้างใน อันเป็นเครื่องหอมที่พอพระทัย
หลายครั้งที่เราอาจจะ Stuck กับการนมัสการ การเฝ้าเดี่ยว การฟังพระคำ แต่พระเจ้าพร้อมและรอเราเข้าไปในการทรงสถิตของพระองค์เสมอ
"ถึงอย่างไรพระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ พระองค์ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล" [Psa 22:3]
การสรรเสริญไม่ได้นำพระเจ้าเข้ามาที่ประชุม ไม่ได้ทำให้พระเจ้าลงมาประทับเหนือคริสตจักร การไม่สัมผัส ไม่ได้หมายความว่าเราต้องสรรเสริญมากขึ้น แต่เราอาจจะต้องจัดการบางอย่างกับตัวเอง หรือ บางครั้ง เราก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติฝ่ายวิญญาณ แต่เราก็ไม่สัมผัสพระเจ้า
สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ คือ พระวจนะของพระเจ้า เพราะพื้นฐานแห่งการแตะพระทัยพระเจ้า และพระเจ้าแตะใจเรา คือ จิตวิญญาณ และ ความจริง โดยมีพระเยซูเป็น Centre ของการนมัสการ เพราะเรานมัสการพระองค์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด แต่เพียงผู้เดียว
พระวจนะของพระเจ้า คือ ความจริง และ ความจริง คือ พระวจนะของพระเจ้า
บางครั้งก่อนการนมัสการ เรามีจิตใจกระหายหาการทรงสถิต การแตะต้องสัมผัส แต่พอเข้ามาในที่ประชุม ความรู้สึกอาจเป็นสิ่งที่ตรงข้าม ความจริงจะช่วยปลดปล่อยเราออกจากความรู้สึก … เมื่อปีก่อน เคยมีครั้งนึงที่พอเดินมานั่งลงตอนพี่น้องยังไม่เข้ามา รู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรกระตุ้นการนมัสการได้ แต่เมื่ออธิษฐาน เปิดพระคัมภีร์แค่ข้อเดียว สามารถปลดปล่อยการนมัสการได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ขอย้ำว่า ความจริง คือ พระคำของพระเจ้า
และความจริงทำให้เราเป็นอิสระ
การทรงสถิตของพระองค์ มิได้อยู่แต่ในคริสตจักร ในอาคาร
แต่เราสามารถสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน เรื่อยไป