Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

Say It ain’t So!…So I say Goodbye ^_^

ก่อนอื่น ขอชี้แจง เพื่อนๆ พี่น้องทุกท่านก่อนนะคะ ว่า Entry นี้ จะเป็นหัวข้อสุดท้าย และจะไม่อัพเดทอะไรอีกแล้ว (นอกจากรูป) เพราะกำลังเร่งพัฒนาเว็บใหม่ ที่จะมาแทนที่ http://webinspirer.com/godwithus/ อันเดิม ด้วยเทคโนโลยี Blog เพื่อชาวคริสเตียน ก็เลยจะย้ายข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ไปไว้ Blog ของเว็บซึ่งยังมิอาจเปิดเผยชื่อได้ (เพราะเว็บนี้ คอนเซปท์ที่พระเจ้าให้ ค่อนข้างแรงสำหรับคน Sensitive)

ถือโอกาสเชิญชวน ใครที่ยังไม่มี Blog หรือ ตัดสินใจจะมี Blog ก็ช่วยรออีกนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ คริสเตียนเราจะได้มีเนื้อหาอัดแน่นในเว็บที่ทุ่มสุดตัว (ทั้งๆ ที่สภาพแวดล้อมไม่เป็นใจเอาเสียมากๆ มีการรบกวนฝ่ายวิญญาณเป็นระลอกๆ เลย ยังไงฝากพี่น้องช่วยอธิษฐานเผื่อมากๆ นะคะ "โดยเฉพาะวิญญาณพี่น้อง" แบบที่ดาวิดกับโยเซฟโดน)

ตั้งแต่เขียน Space ใน MSN ก็ยังงงๆ ตัวเองอยู่ บางวันอยากเขียนให้คนไม่เชื่อ บางวันอยากเขียนให้คริสเตียนอ่าน มันก็เลยปะปน ตลกๆ อยู่อย่างนี้ คาดว่าพอย้ายไปแล้ว มันจะแยกประเภทคลิกอ่านได้ง่ายขึ้น

ขอขอบคุณผู้อ่าน เพื่อนพี่น้องทุกท่าน ที่อธิษฐานเผื่อเสมอมิได้ขาด ฝากระลึกถึงในคำอธิษฐานต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณพระเจ้า ที่มีโอกาสรับใช้บรรดาประชาชาติ และผองพี่น้องชาวไทย

สุดท้ายนี้ ขอฝากอธิษฐานเผื่อจิตวิญญาณของคนไทย ที่ตกอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง ไขว่คว้าหาคำตอบของชีวิต แต่ไม่เคยได้ยินในเรื่องของพระเยซู ที่จะช่วยปลดปล่อยความทุกข์ยาก และประทานชีวิตใหม่ให้เขาเหล่านั้น ขอพระเจ้าส่งคนงานมาเก็บเกี่ยว ส่งฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณแก่ ชาย หญิง หนุ่มสาว ในยุคสุดท้าย เพื่องานของพระองค์จะสำเร็จตามน้ำพระทัยโดยเร็ว … ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ

นี่เป็นคำอธิษฐาน ของเราทุกคน
นี่เป็นคำอ้อนวอน จากหัวใจ
ให้พระวิญญาณ เทเข้ามา เปิดตาใจเราทุกคน
ให้อัศจรรย์ของพระองค์ เกิดในพวกเรา

โปรดทรงอวยพรประเทศไทย ให้คนไทยได้มีความหวัง
โปรดเปิดดวงตาและหัวใจ ให้คนไทยเห็นความสว่าง
โปรดทรงอวยพรประเทศไทย ให้ไปถึงตามน้ำพระทัย
ให้พระพรหลั่งไหล ไปถึงคนไทยทุกคน

เจอกัน งาน Bangkok Call #3 เดือน กันยายน สำหรับวัยรุ่นอย่างพวกเรา ^_^ และงาน Pre Bangkok Call เดือนกรกฎาคม ที่คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ

Dear all friends out of Thailand…
I infrom you in advance that I won’t update next entry anymore cuz I’m so busy now and gonna move all content to the new christian site (base on the Blog’s Technology).
Thank for your praying and use feeding this trackbacks.
May God bless U and love Him more each day!

Love sisters & brothers in Jesus Christ,
Poppy Popsy Chan

9 Comments »

Pour out my HEART

Here I am once again
I pour out my heart
For I know that You hear
Every cry
You are listening
No matter what state my heart is in

You are faithful to answer
With words that are true
And a hope that is real
As I feel Your touch
You bring a freedom to all that’s within
In the safety of this place
I’m longing to . . .

Pour out my heart, to say that I love You
Pour out my heart, to say that I need You
Pour out my heart, to say that I’m thankful
Pour out my heart, To say that You’re Wonderful!

2 Comments »

When I survey the wondrous cross

When I Survey The Wondrous Cross
On Which The Prince Of Glory Died,
My Richest Gain I Count But Loss,
And Pour Contempt On All My Pride.

เมื่อข้ามองดูกางเขนที่น่าประหลาด
ที่ซึ่งเจ้าชายแห่งสง่าราศีสิ้นพระชนม์
สิ่งที่มีค่าที่สุดของข้า ก็นับว่าไร้ค่า
และเทความยโสในความเย่อหยิ่งสิ้นไป

Forbid It, Lord, That I Should Boast,
Save In The Death Of Christ, My God;
All The Vain Thins That Charm Me Most 
I Sacrifice Them To His Blood.

พระเจ้า ขอทรงโปรดปรามข้า ให้ข้าได้อวดแต่
การช่วยกู้ของพระคริสต์จากความตาย
สิ่งไร้ค่าแห่งกิเลสทั้งหมดทั้งสิ้น
ถูกชำระด้วยพระโลหิตพระองค์

See, From His Head, His Hands, His Feet,
Sorrow And Love Flow Mingled Down;
Did E’er Such Love And Sorrow Meet,
Or Thorns Compose So Rich A Crown?

ดูเถิด ตั้งแต่ศรีษะ พระหัตถ์ พระบาท
ความทุกข์ทนและความรักไหลรวมกันลงมา
ความรักและความทุกข์ได้บรรจบกัน
ดังหนามที่ทิ่มแทงในมงกุฎ, เช่นนั้นหรือ?

Were The Whole Realm Of Nature Mine,
That Were A Present Far Too Small
Love So Amazing, So Divine,
Demands My Soul, My Life, My All.

วันนี้เป็นวันแรกในรอบเดือน ที่เฝ้าเดี่ยวแล้วน้ำตาไหล
ขอบคุณพระเจ้า … พระเจ้าผู้แสนดี ตลอดกาล ……….
ไม่ช้าและไม่สาย แต่ทรงทันเวลาเสมอ

Leave a comment »

Ordinary Man – คนธรรมดา

Abraham  – พูดเท็จเรื่องซาราห์ ซึ่งเป็นภรรยาของเขา เนื่องจากความกลัว แต่พระเจ้าก็ทรงใช้เขา เพื่อสร้างประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ ทั้งถูกยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรม เหตุเพราะความเชื่อของท่าน

Jacobs – เป็นผู้หลอกลวง โกหก และนักวางแผน แต่เมื่อพระเจ้าทรงแต่งตั้ง เขากลายเป็น "เจ้าแห่งอำนาจกับพระเจ้าและมนุษย์" ต้นตระกูลของอิสราเอล และเมื่อเทียบกับเอซาวแล้ว เขาเป็นบุคคลที่พระเจ้ากล่าวว่า "เรารัก"

Moses – ไม่ใช่นักพูดที่ดีและได้ฆ่าชาวอียิปต์ด้วยความโกรธ ชอบต่อรองกับพระเจ้า  แต่พระองค์ทรงใช้เขาให้นำชนทั้งชาติที่มีคนกว่า 2 ล้านคนไปยังดินแดนแห่งพระสัญญา

Gideon – คนหนุ่มที่ซ่อนตัวด้วยความกลัวเพื่อนวดข้าวที่เก็บเกี่ยวมา ถูกเรียกให้เป็นผู้ปลดปล่อยชนทั้งชาติจากผู้ทีกดขี่เชลย

David – ทำการล่วงประเวณี โดยการเอาภรรยาชายอื่นมาเป็นของตน และให้ฆ่าชายนั้นเสีย ถึงกระนั้น ก็เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล และถูกขนามนามว่า "ชายที่กระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า"

Elijah – ผู้พยากรณ์ใจร้อน ชอบเรียกไฟจากสวรรค์ เขาพิสูจน์ให้อาหับและอิสราเอลว่าพระเจ้านั้นทรงฤทธานุภาพด้วยการอัศจรรย์อันตื่นตะลึง แต่กระนั้นก็ยังหวาดกลัว ซ่อนตัวในถ้ำและปรารถนาความตาย แต่พระคัมภีร์ใหม่ ประกาศว่าเขาเป็นบุคคลแห่งความเชื่อ และถูกรับขึ้นไปทั้งที่ยังไม่ตาย

Peter – ขณะที่เดินบนน้ำเขาก็จมลง และเขามักจะพูดสิ่งที่ผิดกาลเทศะเสมอ และในท้ายสุดก็ได้ปฏิเสธพระเยซู ถึงกระนั้นชาวประมงธรรมดาๆ คนนี้ก็ได้ยืนขึ้น และกล่าวคำพยานที่ทรงอำนาจในวันเพนเทคอส ซึ่งมีผลให้วิญญาณของคนกว่า 3,000 คนได้รับความรอด และรับใช้คริสตจักรยุคแรกมากมาย

Paul – คนเคร่งศาสนาผู้ข่มเหงคริสเตียน เมื่อเขากลับใจ ประกาศเรื่องราวพระเยซู ก็มีคนกล่าวว่าคำพูดเขาใช้ไม่ได้ (2 Corin 10:10) เก็บเดนความรู้มาพูด (Acts 17:18) เขาผ่านประสบการณ์เฉียดตาย หนักใจ หมดหวังหลายครั้ง แต่กระนั้นพระเจ้าก็ใช้เปาโลอย่างยิ่งใหญ่ จนได้ชื่อว่าเป็นผู้วางรากฐานคริสตจักรยุคแรกอย่างเกิดผล

เมื่อคุณกำลังเกิดผลถวายพระเจ้า คุณก็เปิดโอกาสให้ศัตรูโจมตี Satan สนใจผู้ที่กำลังก้าวหน้าต่อไปในโลกวิญญาณมากที่สุด … นักรบฝ่ายวิญญาณที่มีชัยชนะ เขากล่าวว่า :

เดือดร้อน……แต่ไม่ท้อใจ
จนปัญญา……แต่ไม่หมดหวัง
ถูกข่มเหง……แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง
ถูกตีลงแล้ว……แต่ไม่ถูกทำลาย

จำไว้ว่า "คนชอบธรรมล้มลง 7 ครั้ง และลุกขึ้นได้อีก" (Proverbs 24:16)

3 Comments »

Life without Religion – ชีวิตที่นอกเหนือศาสนา

ศาสนา คือ ความพยายามของมนุษย์ที่จะรู้จักพระเจ้า ศาสนา คือ พิธีกรรมและกฎเกณฑ์ต่างๆ การงานที่มนุษย์กระทำโดยปราศจากฤทธิ์อำนาจ ศาสนานำมาซึ่งความตายฝ่ายวิญญาณ

    ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า คือ การสำแดงความปรารถนาของพระองค์ออกมา เพื่อเปิดเผยพระองค์เองแก่มนุษย์ … ความหมายในพระคัมภีร์ของคำว่า “ฤทธิ์อำนาจ” คือ พลัง ความสามารถ ความแข็งแกร่ง และ อำนาจฝ่ายวิญญาณ เป็นการครอบครองเหนือธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดกิจการและการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่
    คนมากมายมีประสบการณ์กับศาสนา ไปร่วมพิธีกรรมต่างๆ มากมาย แต่ไม่ได้ประสบกับฤทธิ์อำนาจซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาได้ เขาพ่ายแพ้และท้อถอย เจ็บป่วยและบาดเจ็บในจิตใจ ดังคนที่ร้องว่า "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์แสวงพระองค์ จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์ เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์ ในดินแดนที่แห้งและอ่อนโหย ที่ที่ไม่มีน้ำ เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จึงเคยเห็น พระองค์ในสถานนมัสการ เห็นฤทธานุภาพและพระสิริของพระองค์" [Psalm 63:1-2]

    การทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าคือมนุษย์ ซึ่งถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า มนุษย์เป็นสิ่งพิเศษ ท่ามกลางสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด เพราะว่ามนุษย์มี ร่างกาย วิญญาณและจิตใจ มนุษย์ ถูกสร้างให้มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า (Genesis 2-3) มนุษย์มีชีวิตยืนยงด้วยลมหายใจของพระเจ้า และถูกสร้างตามพระฉายา จึงมีความสามารถในด้านฤทธิ์อำนาจ ไม่เหมือนสิ่งที่ทรงสร้างอื่นๆ การทำงานอัศจรรย์ควรเป็นธรรมชาติของมนุษย์

    มนุษย์มีอำนาจของการเลือก ที่จะทำดีหรือทำชั่ว เลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้าหรือซาตาน ซาตานซึ่งล่อลวงมนุษย์เป็นครั้งแรกในสวนเอเดนนั้น เจาะจงที่อำนาจของการเลือกของมนุษย์ (ปฐมกาล 3) และเพราะเขาได้ทำการเลือกผิด ธรรมชาติบาปจึงถ่ายทอดจากอาดามและเอวามาสู่มนุษย์ทุกคน

    การสำนึกผิดกลับใจ จึงเป็นพื้นฐานของฤทธิ์อำนาจฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงทั้งหมด คุณจะไม่ได้ประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า นอกจากคุณจะได้สำนึกผิดในความบาปเสียก่อน ความรอดจากบาปเป็นการสำแดงที่ยิ่งใหญ่ของฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

    คริสตจักรยุคแรกมีผลกระทบต่อคนทั้งเมืองและทั้งชาติ แต่เขาไม่ได้ทำโดยการเทศนาเพียงอย่างเดียว เมื่อคนฟัง ชีวิตเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง เพราะเขาได้เห็นการสำแดงของฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า (คุณดูใน Acts สิ!) การสำแดงการอัศจรรย์ ของฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าแต่ละครั้ง มุ่งเน้นความสนใจที่พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ฤทธิ์อำนาจแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น มีผลให้คริสตจักรเพิ่มพูนสมาชิก

คริสตจักรยุคแรกรู้ดีว่า ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรไม่ได้มาด้วยถ้อยคำเท่านั้น แต่ด้วยฤทธิ์อำนาจ
"เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้ามิใช่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช" [1 Corin 4:20]


The Promises of God – การอ้างพระสัญญาของพระเจ้า

1. ต้องเลือกที่จะปฏิบัติ คุณมีอำนาจที่จะยอมรับพระสัญญาของพระเจ้าหรือปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือเพิกเฉยละเลย คนเหล่านี้ไม่ได้มีการสำแดงของฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในชีวิตของเขา เพราะเขาใช้อำนาจของตนเองในการเลือกกระทำสิ่งต่างๆ และไม่อ้างสิทธิของพระสัญญานั้น เมื่อใดที่ พระสัญญาในพระวจนะไม่ได้สำเร็จในชีวิตของคุณก็ไม่ได้หมายความว่าพระสัญญานั้น ไม่เป็นจริงหรือไม่ได้มีสำหรับคุณ

2. ต้องเข้าใจหลักการ พระสัญญาของพระเจ้ามักจะตั้งอยู่บนหลักการที่แน่นอน ซึ่งมักจะรวมถึงการตอบสนองของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น พระสัญญาของพระเจ้าหลายประการตั้งอยู่บนหลักการของ “ถ้า…แล้วละก็” พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าคุณจะทำสิ่งนี้แล้วคุณจะได้รับตามพระสัญญา” (ดูเฉลยธรรมบัญญัติ 28 เป็นตัวอย่างของหลักการนี้)

3. ต้องนำหลักการต่างๆ มาใช้ การเพียงแต่เข้าใจหลักการของฤทธิ์ อำนาจในพระคัมภีร์ ไม่เป็นการเพียงพอ คุณต้องนำหลักการเหล่านี้ มาใช้กับชีวิตและการรับใช้ของคุณ

    คุณต้องเคลื่อนย้ายจากจุดแห่งพระพรเข้าไปสู่อาณาจักรแห่งฤทธิ์อำนาจ คุณต้องเป็นผู้แสดง แทนที่จะเป็นเพียงผู้ดู เป็นผู้ทำแทนที่จะเป็นผู้ฟังเท่านั้น … เมื่อคุณทำเช่นนี้ คุณจะประสบกับการไหลลื่นที่แท้จริงของฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า คุณจะประสบกับพลังของชีวิตและการเจิมภายในคุณ ซึ่งคุณไม่เคยรู้จักมาก่อน คุณจะประสบกับชีวิตที่นอกเหนือไปจากศาสนา

1 Comment »

จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว

"จงฉวยโอกาส  เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว" [Ephesians 5:16]

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บอกเชเฟิร์ดว่า

"ถ้าหัวใจคุณถูกต้อง ต่อพระพักตร์พระเจ้าแล้วละก็ ให้คุณขอพระองค์ให้ใจแตกสลาย เพื่อจิตวิญญาณของมนุษย์ …

‘ชายผู้หนึ่ง ชื่อ ดร. ชาลเมอร์ส ในประเทศอังกฤษ เขากลายเป็นนักประกาศ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยของเขา หลังจากได้รับเชิญ ให้ไปรับประทานอาหารเย็น ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีผู้ไม่เชื่อพระเจ้าที่มีการศึกษาสูง และตำแหน่งหน้าที่การงานดีคนหนึ่ง ร่วมโต๊ะอยู่ด้วย พวกเขารู้สึกชอบพอกันในทันที

ภายหลังการสนทนาอย่างสนุกสนานระหว่างอาหารแล้ว เขาถกเถียงยึดยาว เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ของโลก แล้วเข้านอนห้องติดกัน ราตรีสวัสดิ์กันอย่างรักใคร่

เพียงไม่กี่นาทีต่อมา ดร. ชาลเมอร์สได้ยินเสียงเหมือนของหนักๆ ตกลงบนพื้นในห้องติดกับเขา เขารีบวิ่งเข้าไป และพบร่างอันไร้วิญญาณของเพื่อนใหม่ อยู่บนพื้น

ขณะที่แขกคนอื่นๆ พากันเข้ามาในห้อง ดร. ชาลเมอร์ส ยืนขึ้นและพูดว่า

"ถ้าผมรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมคงไม่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา คุยถึงเรื่องต่างๆ มากมาย

ผมคงจะชี้ให้เขาเห็นสิ่งที่เป็นนิรันดร์
แต่อนิจจา ผมไม่ได้ใช้เวลาแม้แต่ 5 นาที เพื่อพูดกับเขาเรื่องความรอดของจิตวิญญาณ
ผมไม่ได้ทำแม้แต่จะให้โอกาสเขา

ถ้าผมได้รู้เหมือนกับที่ผมรู้ตอนนี้ ผมจะใช้พละกำลังทั้งหมด เล่าให้เขาฟังว่าพระเยซู ได้ถูกตรึงเพื่อเขาอย่างไร แต่ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว

ถ้าผมได้พูดคุยเรื่องนี้กับเขาในตอนนั้น พวกคุณทุกคนอาจหัวเราะเยาะผม และพิจารณาว่า คำสนทนาของผมไม่เหมาะสม แม้ว่าตอนนี้ผมจะพูดเรื่องเหล่านั้น มันก็สายไปแล้ว

ตอนรับประทานอาหารเย็น ผมควรจะได้พูดเรื่องนี้กับเขา เรื่องที่ตอนนี้ผมหวังว่าคุณทุกคนจะรับฟัง พวกคุณทุกคนต้องการพระเยซูและกางเขนของพระองค์ "

เมื่อพระเจ้าได้ทรงทำให้หัวใจของเราแตกสลาย เพื่อคนที่เรากำลังจะเผชิญหน้านั้น พวกเขาก็จะรับรู้ได้ทันที และความรักของพระองค์ ก็จะสามารถนำจิตวิญญาณพวกเขาได้ … หัวใจของคุณแตกสลายจนเลิกเห็นแก่ความละอายเพื่อตัวเองแล้วหรือยัง!!!"

ขอบคุณพระเจ้า ที่สุดท้ายแล้ว ดร.ชาลเมอร์ส กลายมาเป็นนักประกาศไฟแรงหลังจากเหตุการณ์นี้
แล้วผู้อ่านที่รักล่ะคะ มีกี่คนที่คุณรัก ที่กำลังหย่อนขาเข้าไปในนรก เพียงเพราะเราไม่กล้าเอ่ยเรื่องราวที่มีชื่อ "พระเยซู" ผู้ช่วยให้รอดได้ทั้งกายและวิญญาณ เวลาที่ผ่านไปทุกวินาที มีค่าสำหรับสิ่งใดมากที่สุดในชีวิตคุณ!?

ชื่อเสียง เงินทอง การงาน ความรักหนุ่มสาว ฯลฯ … คงไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ที่คุณพกไปเมื่อวันสุดท้ายมาถึง
ความจริงที่คุณรู้ตอนนี้ต่างหาก ที่สำคัญ … อย่าลืมแบ่งปันเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ให้คนที่คุณรักด้วยนะคะ ขอพระเจ้าเสริมกำลังแห่งความกล้าหาญค่ะ

"แต่ว่าพระเจ้าทรงเห็นชอบที่จะมอบข่าวประเสริฐไว้กับเรา เราจึงประกาศไป ไม่ใช่เพื่อให้เป็นที่พอใจของมนุษย์ แต่ให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ผู้ทรงชันสูตรใจเรา" [1 เธสะโลนิกา 2:4]


"ให้ประกาศพระวจนะ ให้ขะมักเขม้นที่จะทำการ ทั้งในขณะที่มีโอกาส และไม่มีโอกาส ให้ชักชวนด้วยเหตุผล เตือนสติและตักเตือน ให้อดทนอยู่เสมอในการสั่งสอน" [2 ทิโมธี 4:2]

"แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ … ความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยิน เกิดขึ้นได้ ก็เพราะการประกาศพระคริสต์" [โรม 10:14,17]


เมื่อวาน (8 มิถุนายน) ไปงานฟื้นฟูของ Cindy Jacobs มา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นในกลุ่มกับ Osborn ชอบนิมิตที่เธอได้รับมาก ว่าอัศจรรย์หายโรคในยุคของเรา จะเป็นการสร้างหรืองอกขึ้นมา เช่น คนตาบอด จะมีลูกตา คนขาขาดจะมีขา !!!!!

ก่อนหน้านี้ 2 วัน อาจารย์ เทอรี่ ไมส์ เล่าให้ฟังเรื่องการอธิษฐาน-รักษาโรค มีเคล็ดลับบางอย่างเกี่ยวกับความเชื่อ (จะมาเล่าให้ฟังอีกที) เขาอธิษฐานให้เด็กผู้หญิงจมูกแหว่งคนนึง ปรากฎว่า จมูกงอกออกมาตรงนั้นเลย หุๆ พระเจ้าน่ารักจริงๆ ไม่จำกัดการอัศจรรย์ในที่ที่มีความเชื่อเพียงพอ

ไม่ใช่แค่นั้น Cindy ยังเล่าให้ฟังว่า พระเจ้ารักษาแม้กระทั่งคนเป็นออทิสติก ที่เราเรียกกันว่า "เอ๋อ" ซึ่งถ้าคิดตามหลักมนุษย์ มันไม่น่าเป็นไปได้ หรือตามหลักคริสเตียนทั่วไป พระเจ้าคงไม่ทำอะไรหวือหวา 555 แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่ๆๆๆๆๆ พอที่จะทำสิ่งที่เหนือจินตนาการของเรา … ขอบคุณพระองค์ ที่ฤทธิ์อำนาจและความเมตตาของพระองค์ไม่ได้มีอยู่อย่างจำกัด

ขอบคุณพระเจ้าที่ให้พระสัญญาไว้ว่า "ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง"

2 Comments »

จงเรียกร้องการเจิมจากพระเจ้า (Anointing & Hungry)

"บุคคลผู้ใดหิวกระหาย ความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มบริบูรณ์
" [Matthew 5:6]

คุณคิดว่าคุณเต็มล้นด้วยพระวิญญาณหรือเปล่า?

ถ้าใช่ คุณก็ไม่มีอารมณ์ของเนื้อหนังแล้วใช่มั๊ย?
ความขัดเคืองใจ ความเย่อหยิ่ง ความอิจฉา ไม่มีเลยใช่หรือไม่?

ถ้าไม่ คุณต้องการถูกเติมให้เต็มหรือเปล่า?

การเจิมจะนำมาซึ่งการปลดแอกที่ผูกมัดเราอยู่ … …
เคล็ดลับของการเจิม การถูกเติมให้ล้นด้วยพระวิญญาณ อยู่ที่ความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณ

ใน Luke 10:42 บอกเราถึงอาการของผู้ที่หิว คือ มารีย์ ว่า
"สิ่งซึ่งต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้"
ใน Psalm 73:25 ดาวิดกล่าวว่า
"นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์ นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาใดใดในโลก"

นี่คือถ้อยคำของบุคคลผู้หิวกระหาย เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราจับจ้องอยู่ที่พระเยซู เพียงสิ่งเดียว และคุณเรียกร้องพระสัญญาของพระเจ้า คุณจะได้รับการเติมเต็ม!!!

ก็พระองค์สัญญาแล้วนิหน่า ว่าถ้าเราหิว พระเจ้าจะให้อิ่มบริบูรณ์

เหตุฉะนั้น จงหิว หิวกระหายหาพระเจ้า และบอกพระองค์ว่า เราต้องการพระองค์
แล้วเราจะก้าวไปสู่พระสิริ เป็นเหมือนที่พระเยซูเป็น
คุณจะประกอบด้วยความรัก มีพระทัยพระคริสต์
และทำในสิ่งที่มากกว่าที่พระเยซูเคยกระทำ [John 14:12]

เพราะสิ่งที่ตามมาจากความหิว คือการเจิมและฤทธิ์เดช
การต้องการพระเยซู คุณจะได้มากกว่าการขอความอดทน
เพราะพระเยซูมีทุกผลของพระวิญญาณ และที่สำคัญที่สุด พระองค์เต็มด้วยความรัก
การเต็มล้นในพระวิญญาณ ก็คือความสมบูรณ์ของความรักนั่นเอง … Blesses

[โปรดติดตามตอนต่อไป ว่าฤทธิ์เดชนั้น เพื่ออะไร?]

Hungry, I come to you for I know you satisfy
I am empty, but I know Your love does not run dry
And so I wait for You so I wait for You
* I’m falling on my knees, offering all of me
Jesus, You’re all this heart is living for

2 Comments »