Mercy triumphs over judgment – ความกรุณาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา

ซักเดือนก่อนได้มั๊ง ที่มีคดีสะเทือนขวัญคนไทยติดๆ กันหลายคดี
เวลาที่มีการทำแผน จะมีชาวบ้านต่างยกพวกกันไป "รุมประชาทัณฑ์"
มีข่าวใหญ่หนึ่ง ที่เด็กแสนจะน่ารักโดนฆ่าแล้วถูก….. จนผู้คนฟังแล้วช็อค
ขณะที่ฟังข่าว ก็มีคนถามขึ้นมาว่า ถ้าฆาตกรมาใกล้ๆ จะไปรุมประชาทัณฑ์กันมั๊ย???
แทบจะไม่ต้องคิด และตอบไปเลยว่า "ใครจะกล้าล่ะ มีใครไม่เคยทำผิดบ้าง?"

เพราะคำถามนี้เคยถูกถามมาตั้งแต่เกือบ 2 พันปีก่อน โดยชายคนหนึ่ง
ขณะที่หญิงคนหนึ่งถูกจับขณะกำลังทำผิดศีลธรรมเรื่องเพศ "แย่งสามีชาวบ้าน" ว่ากันง่ายๆ
จับได้บนเตียงเลยล่ะ ตามธรรมเนียมแล้ว หญิงคนนี้จะโดนรุม "ขว้างหินใส่จนกว่าจะตาย"
แต่ชายผู้หนึ่งพูดกับผู้คนที่กำลังฟิตกำลังแขน เลือกก้อนหินเหมาะมือ น้ำหนักแรงๆ กันอยู่ว่า
"ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน"
ทุกคนฟังแล้วอึ้งกิมกี่  ยิ่งกว่าฟังข่าวที่ว่านี้อีก "แล้วใครไม่เคยทำผิดฟะ" ทุกคนต่างคิดในใจ
นั่นเป็นประโยคที่ทำให้ "คนเฒ่าคนแก่" เริ่มถอยทัพไปก่อน เพราะรู้ดีกว่ายิ่งวันเวลาผ่าน
ก็ยิ่งทำผิดไว้บนโลกนี้มากขึ้น และจากนั้น ก็ไม่มีใครเหลืออยู่ตรงนั้นอีก เพราะ "ไม่มีใครไม่เคยทำผิด"

ถ้าพระเจ้าไม่มีความเมตตากรุณา ไม่มีมนุษย์หน้าไหนซักคนมีสิทธิ์ไปสวรรค์ หรือมีชีวิตนิรันดร์
ถ้าพระเจ้าไม่ทรงเป็นความรัก มนุษย์จะต้องม่องเท่งเมื่อทำผิดพลาดอะไรที่ใหญ่หลวง
แต่ในพระองค์มีการอภัย (Psa 130:4) และความรักของพระองค์ก็มากล้น ที่จะ "Record No Wrong"
พระเจ้าไม่ได้ขี้ลืม แต่พระองค์บอกว่าไม่จดจำ และโยนบาปของเราออกไปไกล เกินกว่าจะเก็บกลับมา
พระเจ้ายกหนี้ให้เราล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่เราจะไปรุมเพื่อนมนุษย์ที่ติดหนี้คนอื่นทำไมเล่า?

อ่านแล้วอย่าหาว่าพระเจ้าเราไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรมนะ บางคนว่า คริสเตียนนี่ทำผิดแล้วก็สารภาพก็หาย
สารภาพนี่ต้องกลับใจด้วยนะพี่น้อง (ทำได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง) สารภาพไม่ใช่แค่ปากลอยๆ แต่ใจต้องเลิกด้วยอ่ะ
หรืออยากลองระบบยุติธรรมก็เอา คุณเลือกได้ จะรับความรักดีๆ หรือใช้กฎแฟร์ๆ
อยากชดใช้กรรม ใช้บุญ ก็ทำดีให้ครบถ้วนทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าทำได้ แต่การันตีไม่ได้ว่าจะไม่โดนลงโทษ
"เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่กรุณาต่อผู้ที่ไม่แสดงความกรุณา" (James 2:13a)
แต่ถ้าอยากรับความรักและกรุณา ก็ต้อนรับพระเยซู และติดตามพระองค์ 555 (เรื่องง่ายเนอะ แต่คนก็ไม่ค่อยชอบ)

เกริ่นซะยาว … เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นคนที่รักความยุติธรรมจัดเลย อะไรที่ไม่แฟร์ ไม่เก็บ พูดทันที
เคยเดินจากหน้ารถมหาลัยมาหลังรถเพื่อด่าผู้ชายคนนึง ซึ่งกำลังเอาเปรียบเพื่อนผู้หญิงเราอยู่ เพราะมัน "ไม่ถูกต้อง"
วันหนึ่ง ไม่นานมานี้ ก็มีอะไรที่แบบว่า "เฮ้ย…ทำไมเราต้อง *** ด้วยฟะ ไม่ยุติธรรมเลยฟ่ะ" สงสัยในใจอยู่พักใหญ่
เดินไปเข้าห้องน้ำ ทันทีที่เห็นหน้าตัวเองในกระจกที่ห้าง เสียงของพระองค์ตรัสข้อพระคำขอนี้ขึ้นมาด่วน
Mercy triumphs over judgment [James 2:13b] ก็เหมือนจะยอม แต่ก็ยังแอบคิดเรื่องเดิมอีกจนได้

ผ่านไปอีก 1 วัน เห็นหน้าตัวเองหน้ากระจกที่บ้าน พระเจ้าให้ย้อนกลับไปคิดเรื่อง "ความรัก"
ที่เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว คนเราน่ะ อยากจะรักคนโน้นคนนี้ อยากรักเหมือนพระองค์
อยากตายเพราะความรัก แต่รักคนกันเองก็ยังยากเลย ว่ามั๊ย บางคนยังไม่สามารถรักคนใกล้ตัวได้สนิทใจเลย

พอย้อนคิดดูแล้ว การรักคนไม่น่ารัก และสำแดงความเมตตา กับคนที่ไม่คิดว่าจะมีวันได้กลับคืน
เราไม่ได้อะไรก็จริง แต่เราได้เชื่อฟังพระเจ้า และได้สันติสุขที่ยิ่งใหญ่ทุกครั้ง ถ้าเราเลือกทำมัน
แค่คิดถึงเรื่องความรักที่พระเจ้าให้เรานี้แล้ว ก็รู้สึกว่าทัศนคติมันเปลี่ยน และแก้สถานการณ์ได้ดีขึ้น
เราไม่ต้องไปเครียด คิดมาก เพราะการเชื่อฟังพระเจ้า จะต้องเสียอะไรไป พระเจ้าก็จะ support เรา
อืมม อยากได้อะไรอีกล่ะ เอาไปเลย ให้ 1 จะเอา 2 ก็เอาไป ให้คนที่ไม่มีทางได้อะไรกลับมา มีความสุขเป็นบ้า
แม้อะไรไม่แฟร์ แต่ความรักของพระเจ้าใหญ่กว่าคำว่า "แฟร์" … ก็ไม่รู้จะได้ตลอดรึเปล่า แต่โปรดอย่าให้ลูกลืมเรื่องนี้

อืมมม … แต่ถ้าใครหน้าเป็นตูดมา เรียกร้องความสนใจมากๆ ยังยากอยู่  จนกว่าพระเจ้าจะจัดการลูกต่อไป