Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

Schindler’s List (1993)

เพิ่งมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนึงที่หาดูมาแสนนาน ทาง True เมื่อวันก่อน
ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นจริงในสมัยนาซีเรืองอำนาจในโปแลนด์
ต้องบอกว่า เป็นหนังที่ดีจริงๆ แม้แรกๆ จะดำเนินเรื่องอืดๆ และมีความยาวตั้ง 3 ชั่วโมง
หนังเล่าถึงชาวยิวที่ถูกคุกคาม เข่นฆ่า ล้างเผ่าพันธ์ หวังให้ชนชาตินี้สูญหายไป
ขณะที่นักธุรกิจผู้มั่งคั่งนามชินด์เลอร์ เจ้าของโรงงานทำภาชนะโลหะ พวก หม้อ ไห จาน ชาม
ได้จ้างแรงงานชาวยิวจำนวนมากไว้ในโรงงาน แต่ทหารเยอรมันก็มักกวาดต้อนคนเหล่านี้
ให้ไปใช้แรงงานในค่ายกักกันของนาซีอย่างโหดร้าย และในขณะที่รัสเซียบุกใกล้เข้ามา
นาซีจึงพยายามระดมยิวทั้งหมดขึ้นรถไฟไปรมควันด้วยแก็สให้ตายทั้งเป็นหลายล้านคน

ชินด์เลอร์เดือดเนื้อร้อนใจเป็นอย่างมาก จึงพยายามหาวิถีทางที่จะรักษาชีวิตคนเหล่านี้เอาไว้
ด้วยการใช้เงินที่มีมากมายของเขา ซื้อตัวคนยิวผู้น่าสงสารเข้ามาไว้ในโรงงานของเขา
ซึ่งโรงงานแห่งนี้เอง ได้รวมเอา คนสอนศาสนา แม่หม้าย คนแก่ เด็กจรจัด ฯลฯ ไว้เป็นจำนวนมาก
และเปรียบเสมือนเป็นที่ลี้ภัยของชาวยิวอย่างลับๆ ไม่มีการเข่นฆ่า กดขี่ในที่ของเขา

เมื่อเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ชินด์เลอร์ที่มีเงินเหลือเฟือต้องใช้เงินของเขาทั้งหมด
เพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ ในการนำชาวยิวกลุ่มหนึ่งให้รอดพ้นจากความตาย
โดยไปสร้างโรงงานผลิตอาวุธที่อยู่แสนไกล ทั้งที่สินค้าของเขาไม่สามารถใช้งานได้เลย

ดูเรื่องนี้แล้วซึ้งตั้งแต่ชินด์เลอร์พูดถึงการสำแดงความเมตตา และการให้อภัยของพระเจ้า
ทำให้เห็นถึง อำนาจ (ขอใช้คำว่า Power แทน Authority) ในสภาพความเป็นอยู่ที่พระเจ้าให้
ที่แม้ทหารที่มีอำนาจเหนือบ้านเมือง (สามารถยิงเศรษฐีหน้าไหนก็ตาม) กลับเห็นอำนาจของเงินใหญ่กว่า
แม้ในที่ที่แสนมืดมน แสงสว่างของพระองค์ก็ยังส่องเข้าไปถึงผ่านคนที่มีน้ำใจอย่างชินด์เลอร์

คนเราไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแทนของศาสนา ที่รู้ตัวบทกฎศีลธรรมทุกอย่าง ก็สามารถสำแดงความรักได้
วิธีที่ชินด์เลอร์ใช้ แม้จะเป็นวิธีการติดสินบนที่ไม่ดี แต่เจตนาของเขาคือเพื่อช่วยชีวิตคนให้รอด
ไม่รู้ในหนังโอเว่อร์เกินจริงหรือเปล่า แต่เขาพูดว่า เขาน่าจะทำได้มากกว่านี้ คือช่วยคนได้จำนวนมากกว่านี้
ตัวเขาเองยังบกพร่อง หวงแหนสิ่งของ ทั้งที่น่าจะแลกชีวิตคนได้อีกหลายคน
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นที่รักของชาวยิว และได้รับแหวนที่สลักเป็นภาษาฮีบรูว่า
"การช่วยชีวิตคนนึง เท่ากับการช่วยชีวิตคนทั้งโลก"

ดูหนังกำลังจะจบ ข้อพระคำที่ผุดขึ้นมาทันทีคือ 1 Peter 1:18-19
"You were not redeemed with corruptible things, like silver or gold …
but with the precious blood of Christ, as of a lamb without blemish and without spot
"

หากชินด์เลอร์ได้รับการยกย่องจากชาวยิวและคนทั้งโลกผ่านภาพยนตร์
ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดที่พระเยซูของเราควรได้รับการยกย่องยิ่งกว่า พระองค์ไม่ได้ช่วยมนุษย์เพียงไม่กี่คน
แต่ความรักของพระเจ้า สำหรับคนทั้งโลกที่เชื่อ และพระองค์มิได้ทรงจ่ายด้วยเงินหรือทอง
หากแต่ด้วยชีวิตทั้งหมดของพระเจ้าผู้สูงสุด ผู้หลั่งโลหิต พิชิตความบาป และความตาย

4 Comments »