Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

Inside of Inspirator – พวกเค้ามีอะไรกัน

หากใครเป็นคนชอบอ่านประวัติ Celebrities คงจะสังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่าง ที่ทำให้คนกลุ่มนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจของคนทั่วโลก และพลิกประวัติศาสตร์ โดยการสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆ อำนวยความสะดวกให้กับผู้คนมากกว่าที่เคยมีมา และบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้น หลักๆ ได้แก่

"Vision/Purpose (การมีเป้าหมายที่ชัดเจน)"
ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ใด ที่ไม่มีเป้าหมาย แม้ว่าเป้าหมายบางอย่าง อาจจะเกิดขึ้นหลังจากเป้าหมายอื่นๆ
เป้าหมายเป็นการต่อยอดของความฝันที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาพแห่งความเป็นจริง
"ส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งโดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้ามิได้ต่อสู้อย่างนักมวยที่ชกลม" [1Cor 9:26]

"Power of Faith (พลังแห่งความเชื่อ)"
หนังสือในร้านตามชั้นธุรกิจทั่วไปมีเรื่องนี้เยอะมาก แต่ "ความเชื่อที่ปราศจากพระเจ้า มันคือไสยศาสตร์" (แต่ไม่ได้หมายความว่า คนไม่รู้จักพระเจ้าแล้วเชื่อมั่นอะไร ต้องเป็นไสยศาสตร์เสมอ เพราะบางคน พระเจ้าก็นำเขาด้วยเสียงภายใน ที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวก็ได้ อย่างบางคนบอกว่าเชื่อในตัวเองเท่านั้น พระเจ้าไม่มีส่วน!) และเมื่อพลังแห่งความเชื่อที่ว่าเกิดขึ้นแล้ว มันจะฝังอยู่ภายใน แม้ทุกอย่างดูสิ้นหวัง อย่างอับราฮัมเป็นต้น ความเชื่อธรรมดามันกลายเป็นความมั่นใจในสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยสายตา

"Accepting Failure (ยอมรับความผิดพลาด)"
บางคนเกิดมาเพื่อจะทำทุกอย่างให้เพอร์เฟค ไร้ที่ติ ไม่มีวันล้มเหลว หากเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา มักจะติดอยู่กับสิ่งเหล่านั้น อยากจะสร้างไทม์ แมชชีน ไปแก้ไข อยู่กับวันวาน ไม่ได้อยู่กับความจริงของวันนี้ แต่ Famous Inventor ไม่เคยยึดติดกับอดีต เพราะสิ่งที่ดีและร้าย หล่อหลอมชีวิตให้เราเป็นเรา คนที่ไม่ยอมผิดพลาดตอนอายุ 25 อาจล้มเสียงดังกว่าเมื่อมาพลาดตอน 50 แทน

"Be Yourself/Confidence (มั่นใจในตัวเอง)"
อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอกเราในแง่ลบ "Don’t Give Them Power" เพราะถ้าเราเริ่มเชื่ออย่างที่คนอื่นบอกว่าเราเป็น เราได้ให้พลังแก่คำพูดเหล่านั้นไปแล้ว แต่มั่นใจในตัวเอง ในแบบที่พระเจ้าทรงให้เราเป็น คนเรา บางครั้งก็จะมีเซนส์ส่วนตัวที่ค้านกับคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเชื่อมั่น มันจะเป็นไปได้

"Patience/Keep on Waiting (อดทนรอคอยเวลา)" บางคนจะคาดหวังจะเห็นผลจากสิ่งที่ทำทันที หรือประเมินคนอื่นด้วยช่วงระยะเวลาสั้นๆ คนพวกนี้มักจะยึดติดกับตนเอง คิดว่าตัวเองเท่านั้นที่สำเร็จ โดยไม่เห็นค่าการกระทำของคนอื่น อย่าไปแคร์!!! เพราะอันที่จริง ทุกอย่างมีวาระและฤดูกาล [Psa1.3; Ecc 3:11] ผลไม้ตามธรรมชาติ จะออกผลเฉพาะหน้าของมัน ไม่ได้ออกทั้งปี เว้นแต่ว่า มันโดนเร่งอย่างผิดธรรมชาติ

Steve Siebold กล่าวว่า "คนทั่วไปคิดว่า การทำงานบางอย่าง ต้องเห็นผลตอบแทนทันที คนระดับโลกสามารถรอคอยผลตอบแทนใหญ่ๆ ในอนาคตได้ เขาเสียสละทำงานหนักไปก่อน เพื่อที่จะฝึกตนเองให้เป็นเลิศ บางอย่างต้องใช้เวลาหลายๆ ปี กว่าจะเห็นผล บางครั้งก็ต้องทนคนอื่นเยาะเย้ยและวิจารณ์ ในการทำสิ่งที่คนทั่วไปคิดว่า ทำไมลงทุนเวลาไปมากมาย แต่ไม่ได้ผลตอบแทนทันที" กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว และขณะที่โนอาห์สร้างเรือ แทบทุกคนที่คิดว่าเขาเป็นบ้า แต่ในที่สุด นักวิจารณ์ต่างหาก ที่กำลังจะตายไปก่อน

ในสมัยที่คนจุดเทียนเวลากลางคืน เอดิสัน ใช้เวลาค่อนชีวิต เชื่อว่าสักวันจะมีแสงจากไฟฟ้าเวลากลางคืน
ในสมัยที่คนเดินทางไปรบด้วยการเดินเท้า ม้า และรถรบ พี่น้องตระกูลไรท์ใช้เวลาหลายปี พิสูจน์ว่าคนจะเดินทางด้วยนกเหล็ก
โบราณว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ลำบากก่อนสบายทีหลัง และหัวเราะทีหลังดังกว่า … เชื่อโบราณเค้ามั๊ยล่ะ???

Leave a comment »

In the Crisis – คุณจะเป็นใครเล่า???

แปลกดี ที่เวลากำลังคิดใคร่ครวญเรื่องอะไรอยู่ เรื่องนั้นก็จะผุดขึ้นติดๆ กัน อย่างเหลือเชื่อเสมอ โดยเฉพาะแนวคิดคืนวันเสาร์กับคำเทศนาวันอาทิตย์ มักจะเป็นเรื่องเดียวบ่อยครั้ง คืนวันเสาร์ที่ผ่านมาก็เหมือนกัน อ่านหนังสือของคุณตัน ภาสกรนที เขาบอกว่าเขาเป็นคนชอบปัญหามากๆๆๆ (คนไรเนี่ยะ ชอบปัญหา ) เพราะด้วยเหตุผลเดียวกับโดนัล ทรัมป์ ที่เมื่อเจอปัญหา มักจะได้โอกาสที่สูงขึ้นเสมอ วันอาทิตย์ก็มีบางคำ เกี่ยวกับว่า ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ หมดหนทาง เราจะเห็นว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ เช่นว่า ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดา พอหายคนเราก็ว่า "มันหายเอง" แต่คนที่เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้วหาย เป็นคนที่บอกว่า "พระเจ้าทรงรักษาให้หายอย่างอัศจรรย์" ฉะนั้น ทางตัน ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นของนักคว้าโอกาส

เรื่องธุรกิจเองก็เช่นกัน ตั้งแต่ปี 2009 คนมักจะพูดถึง Hamburger Crisis มันเลวร้ายเหลือเกิน บริษัทปิดตัวมากมาย มีการลดเงินเดือน คนตกงานเตะฝุ่น แต่กลับมีคนกลุ่มหนึ่ง (ที่เป็นคนกลุ่มน้อย) ไม่ได้มองมันอย่างนั้นเลย คนพวกนี้ เปี่ยมด้วยพลังความเชื่อ ความหวัง ที่คนอีกกลุ่มไม่มี

ครั้งหนึ่งในรายการทีวี เถ้าแก่น้อย หรือเด็กอายุ 23 ที่เป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน ถูกถามว่า ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มองว่ายังไง เด็กคนนี้กลับพูดเรื่องทัศคติ และเปรียบกับงานศพว่า "ในงานมีศพ สัปเหร่อ คนขายโจ๊ก คนขายพวงหรีด ฯลฯ มันอยู่ที่เราจะเลือกเป็นอะไร จะเป็นคนขายพวกหรีด เป็นสัปเหร่อ หรือจะเป็นศพ" (ฮิ้วววว ) เขาบอกว่าเขาเองจะไม่เป็นศพแน่นอน และธุรกิจมูลค่า 5-6 ร้อยล้าน เขากลับตั้งเป้าในปีนี้ที่คนมองว่าธุรกิจแย่ไว้ถึง 2 พันกว่าล้าน

อีกบุคคลที่กล่าวไว้ข้างต้น คุณตัน คงไม่ต้องเล่าประวัติในที่นี้ เพราะหลายคนคงรู้จักดีอยู่แล้ว คุณตัน ชอบปัญหาที่เข้ามาท้าทาย เพราะจะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนวิธีในการดำเนินชีวิตใหม่ (ที่ดีกว่าเดิม) เช่น น้ำมันแพงขึ้น ลองมาดูคำพูดของเขาจากหนังสือกันดีกว่า …..

"วันนี้น้ำมันขึ้นราคา อะไรขึ้นราคา แต่ว่าผมชอบมากๆ …
พอน้ำมันขึ้นราคา เงินเดือนขึ้นราคา อะไรขึ้นปุ๊บ จะมีคู่แข่งบางพวกมันตายก่อน โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร
"

"โรงงานผมมีรถคอนเทนเนอร์ เทรลเลอร์ 50 คัน คันหนึ่งขนได้ 20 เพลเลต เพลเลตหนึ่งซ้อนได้ 8 ชั้น ชั้นหนึ่งเรียงได้ 8 ลัง ถ้าคิดเป็นลัง ลังหนึ่งค่าขนส่ง 3 บาท น้ำมันขึ้นกลายเป็น 4 บาท …
ถามผู้จัดการที่โน่นว่าทำไมต้องเรียงแบบนี้ เขาก็บอกว่าที่นู่นที่นี่เขาก็เรียงแบบนี้
วันนี้น้ำมันแพงทำอย่างไร เรียงใหม่ได้ไหม เรียงไปเรียงมาได้ 9 ลังเพิ่มมาได้ 1 ลังต่อชั้น
คันหนึ่ง 8 ชั้น 8 ลังทั้งหมด 20 พาเลต คุณคูณเข้าไปสิ เรียงหนักกว่านั้น ทำไมต้อง 8ชั้น
ลองดู 9 ชั้นได้ไหม ได้สิถ้าสินค้าเราไม่หนัก ถ้าน้ำหนักไม่เกินก็เรียงได้
บังเอิญสินค้าของผมไม่หนัก 9 ชั้นก็เรียงได้ ผมเรียงใหม่เพิ่มอีก 1ชั้น
น้ำมันขึ้น 3 เท่า ค่าขนส่งผมยังถูกกว่าตอนน้ำมันไม่ขึ้นเลย
"

"แล้วทำไมเพิ่งมาคิดได้วันนี้ ก็เพราะวันนี้มีวิกฤต เห็นใช่ไหม ท่านอาจจะดีอยู่แล้วนะ ท่านอาจได้กำไรแล้ว
แต่ถ้าท่านไม่ทำ กำไรมันก็จะลดลงๆ แล้วก็ขาดทุน แล้วก็เจ๊งในที่สุด แต่ท่านทำ ค่าใช้จ่ายมันก็จะลดลง
ถ้าท่านแข่งกับใคร ค่าเช่าจะเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ท่านก็มีทางออก เราต้องไม่ยอมแพ้
จงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดี
มีหลายอย่างในธุรกิจของเรา เราไม่ได้ไปสำรวจ เพราะเราเคยชิน บางอย่างเราไม่น่าจะทำ เราก็ทำ
ไอ้ที่ว่าดีที่เราทำอยู่ ดีของเมื่อวาน วันนี้อาจจะไม่ดีก็ได้ เพราะฉะนั้นผมอยากให้ท่านสำรวจ
ผมพูดเสมอว่า จากนี้ไปไม่มีอะไรไม่แพงเลย อย่ารอน้ำมันลด อย่ารอเศรษฐกิจดีเด็ดขาด
ไม่มีแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว คนที่อยู่รอดคือ คนที่เปลี่ยนแปลงแล้วก็แข็งแกร่งเท่านั้น
คนที่ตายไปคือ คนที่อยู่เหมือนเดิมแล้วก็อ่อนแอ ยอมแพ้
" (ตบหน้าคนชอบท้อได้ 1 ที )

จริงๆ มีกรณีตัวอย่างอีกเยอะ แต่ลงในที่นี้ไม่หมด ไปหาหนังสือมาอ่านกันเองดีกว่า
แต่ประมาณว่า ถ้าไม่เจอวิกฤต ก็ไม่ได้คิด พอได้คิด กลับได้ดีกว่าเก่า อิอิ

วิกฤต ของจริง ของปลอม มันก็ที่ใครๆ เขาบอก … แต่เราจะมองหาอะไรในที่ที่เราอยู่??? คุณจะเป็นใครเล่า???

Leave a comment »

Conan the Movie: Full Score of Fear

เพิ่งดู Conan the Movie มา เป็นภาคการ์ตูนที่พูดถึงเรื่องของดนตรี
ตามสไตล์นักสืบ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ Serial Killing คดีใหญ่
นางเอกจะเป็นนักร้องเสียงโซปราโน่ ปากร้าย ใจดี สวย สมกับความสามารถ

ที่บอกว่าหนุกมากๆ เพราะให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโน้ตเสียงค่อนข้างมาก
อีกทั้งมีเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบโค้ดลับ ตามสไตล์เชอร์ล็อกหลายตอน
รวมทั้งการพูดถึง Perfect Pitch ของตัวละครหลายๆ ตัว (โคนันก็ดันมีเหมือนกัน)
ที่สำคัญที่สุด ชอบอยู่ 2-3 เรื่องในเรื่องนี้ คือ ตอนที่นักน้องโอเปร่า
จะร้องเพลงคู่กับเสียงออร์แกนและไวโอลีน ตัวสำรองบอกว่าจะร้องให้ดีกว่าตัวจริง นักออร์แกนจึงบอกว่า

บทเพลงถูกสร้างมาเพื่อร้องให้กับพระเจ้า ไม่ต้องร้องให้ดีกว่าใคร แต่ให้ร้องจากใจถวายพระเจ้า
ได้ยินแล้วก็ หาๆๆๆๆ ญี่ปุ่นเนี่ยะ พูดถึงพระเจ้าด้วยหรอ ไหนว่ามีคริสเตียนอยู่ 1% ของประชากรไง
ไม่ใช่แค่นั้น ตอนช่วงไคลแม็ก ขณะที่นางเอกต้องร้องเพลงเพื่อกู้สถานการณ์ระเบิดอาคาร
เพลงที่ใช้ เป็นเพลง Amazing Grace ซึ่งตัวละครในเรื่อง ต่างรู้จักเพลงนี้เป็นอย่างดี
และตอนจบ นางเอกพูดถึงคนรักที่ตายไป ขณะที่คนอื่นคิดแก้แค้น แต่นางเอกกลับบอกว่า
เธอได้ให้อภัยไปหมดแล้ว เพราะเพลง Amazing Grace เป็นเพลงแห่งการให้อภัย

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จุดประกายเล็กๆ ในจิตใจ
เพราะเคยประกาศกับเพื่อนร่วมงานญี่ปุ่น เธอไม่นับถือศาสนาไหนทั้งนั้นอ่ะ
และเรื่องพระเจ้าเหมือนอยู่ห่างไกลจากคนญี่ปุ่นนัก แต่ดูหนังแล้ว พระเจ้าอยู่ใกล้ทุกคนแค่เอื้อม
ไม่เว้นแม้แต่ที่มืดมน สถิติอับจนอย่างประเทศไทย …… We’re waiting for the revival … Kingdom is Here!

P.S. // ดูหนังโคนัน แล้วพอจะเข้าใจสุภาษิตที่ว่า “He who excels in his work will stand before kings” [22:29]
เพราะแต่ละตอนต้องใช้ศาสตร์ความรู้มากมาย ไม่ว่าจะฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา ฯลฯ

Leave a comment »