มาต่อกันที่หนังชิง Oscar เรื่อง 2 ที่เกริ่นไว้เมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ และให้กำลังใจคนดู
เรื่องราวความฝันและการต่อสู้ฝ่าฟัน ของหญิงสาวนามว่า Joy ที่ไม่เคยมีโอกาสได้เรียนมหาลัย แต่เป็นนักประดิษฐ์ผู้เป็นเจ้าของสิทธิบัตรนับ 100 ชิ้น
การดำเนินเรื่องอาจจะน้ำเยอะไปหน่อย แต่สาระแบบเนื้อๆ ก็ไม่น้อยเกินไป ปนกันไปมาในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง หนังเล่าถึงพื้นเพของบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนในงานผลิตม็อบบันลือโลก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของไอเดียสร้างสรรค์ กระบวนการเริ่มธุรกิจ การแตกยอด การหาแหล่งเงินทุน ช่องทางการขาย รวมทั้งเรื่องของกฎหมาย จนก้าวไปสู่จุดหมายมากกว่าที่คาดไว้ (ไม่ได้สปอย แต่เป็นหนัง bio ที่คนดูส่วนใหญ่รู้ข้อมูลอยู่แล้วเกี่ยวกับเจ้าของเรื่อง)
จัดเป็นหนังที่ดีทีเดียว เพราะรายละเอียด ขั้นตอนการเติบโตเป็นไปของธุรกิจค่อนข้างละเอียด รวมถึงการเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน ผู้ผลิต ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ และคนที่มีสิทธิบัตรในไอเดียที่เหมือนกัน อีกทั้งหนังยังให้ความหวังกำลังใจแก่ผู้ชม ว่าสุดท้ายแล้วหากตั้งใจลงมือทำ เป้าหมายก็อยู่ไม่ไกล
หนังมีจุดพีค ของตัว Joy ที่ทุกอย่างมืดแปดด้านแบบขีดสุด โดยเฉพาะเรื่องการเงิน กำลังจะล้มละลาย ยายที่ให้กำลังใจมาตลอดเสียชีวิต และการถูกโขมยไอเดีย แต่สุดท้ายเธอก็ผ่านมันมาได้ … ผ่านมันมาอย่างไร อยากให้ไปดูเอง มันเหมือนกับการเล่นหมากรุก ที่หมดทางสู้ แต่สุดท้ายก็กลับมารุกฆาตได้อย่างเหลือเชื่อ
สำหรับการแสดงของ Jennifer Lawrence จัดว่าทำได้ดีทีเดียว ทั้งการพูดภาษาสเปนแบบสมจริง สีหน้า แววตา ท่าทาง การแต่งตัวเนิร์ดๆ ผ่าน สมเป็นเจ๊จอย แต่ด้วยบทของหนัง ไม่ได้ขนาดที่ส่งให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ 2016 แต่อย่างไร
สำหรับเรื่องนี้ กดคะแนนให้ที่ 7 นะจ๊ะ เพราะมีส่วนไม่ได้สำคัญที่ต้องมีเข้ามาเยอะทีเดียว