Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

ได้โปรด … Plz pray for me

พี่น้องคะ … จำเป็นจริงๆ แล้วล่ะ
ที่ต้องขอแรงอธิษฐานเผื่อ

นี่ก็ติดปัญหามาหลายเดือนแล้ว
สำหรับโปรแกรมไบเบิ้ลที่กำลังพัฒนา
ค้างเติ่งมานาน เพราะตอนแรกทำแบบง่ายๆ ก็เสร็จไปแล้ว
แก้ไปแก้มา ยิ่งเขียนยิ่งงง สลับ Function จาก Class มั่วไปหมด

เลยทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่เลย เดี๋ยวทำ เดี๋ยวหยุด
เพราะต้องสลับเวลาไปทำงานให้ลูกค้าหลายๆ เจ้าด้วย
และล่าสุดก็ทุ่มทุนสร้างกับการศึกษาข้อมูลทางการงานบางอย่างอยู่
ต้องใช้เวลามากมาย แต่ไม่อยากทิ้งเว็บนี้ไป เพราะเชื่อว่า
หากเว็บเสร็จ จะเป็นพระพรให้กับคนไทยมาเชื่อพระเจ้ามากมาย

ถ้าผ่านโปรแกรมนี้ไปได้ โปรแกรมอื่นๆ ที่รอต่อคิวก็จะดำเนินต่อได้
ซึ่งคิดว่าโปรแกรม Blog ที่เขียนไว้ปีนึงมาแล้ว ต้องมารื้อเขียนใหม่เช่นกัน
กว่าเว็บจะเสร็จทั้งหมด ก็ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกัน

อยากมีเพื่อนโปรแกรมเมอร์มาช่วยซัก 2-3 คน ใครสนใจรับใช้พระเจ้า ติดต่อด่วนค่ะ

แต่ตอนนี้ ไม่ไหวจริงๆ ต้องขอแรงอธิษฐานมากๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณค่ะ

6 Comments »

Jesus & Celebrities

Death is certain but the Bible speaks about untimely death! Make a personal reflection about this….. Very interesting, read until the end…..

John Lennon
Some years before, during his interview with an American Magazine, he said: "Christianity will end, it will disappear. I do not have to argue about that. I am certain. Jesus was ok, but his subjects were too simple. Today we are more famous than Him." (1966).
Lennon, after saying that the Beatles were more famous than Jesus Christ, was shot six times.

ในปี 1966 ระหว่างที่ จอห์น เลนนอน ให้สัมภาษณ์กับแมกกาซีนอเมริกัน เขากล่าวว่า
"คริสเตียนกำลังจะถึงจุดจบ จะไม่มีอีกแล้ว ผมไม่อยากโต้แย้ง แต่ผมมั่นใจอย่างนั้น
พระเยซูก็โอเคนะ แต่เรื่องราวของท่านเรียบง่ายเกินไป ทุกวันนี้เราดังกว่าพระเยซูเสียอีก
"
จอห์น เลนนอน ถูกลอบยิง 6 ครั้ง (สุดท้ายเขาตายเพราะโดนยิง – ผู้แปล)

Cazuza (Bi-sexual Brazilian composer, singer and poet)
During a show in Canecio ( Rio de Janeiro ), while smoking his cigarette, he puffed out "God, that’s for you."
He died at the age of 32 of AIDS in a horrible manner.

ระหว่างการแสดงใน ริโอ เดอ จาเนโร ขณะที่เขาคาบบุหรี่ เขาพ่นควันขึ้นไปในอากาศและกล่าวว่า "พระเจ้า นั่นสำหรับท่าน"
เขาตายด้วยโรคเอดส์เมื่ออายุได้ 32 ด้วยท่าทางที่น่าสยดสยอง

Tancredo Neves (President of Brazil)
During the Presidential campaign, he said if he got 500,000 votes from his party, not even God would remove him from Presidency.
Sure he got the votes, but he got sick a day before being made President, then he died

ระหว่างการหาเสียงตำแหน่งประธานาธิบดี เขากล่าวว่า ถ้าเขาได้คะแนนเลือกตั้ง 5 แสนเสียงจากพรรค แม้แต่พระเจ้าก็เขี่ยเขาทิ้งจากตำแหน่งไม่ได้
จริงทีเดียว เขาได้รับคะแนนเสียง แต่เขาก็ล้มป่วยก่อนจะได้ตำแหน่ง ป่วยจนกระทั่งวันตาย

The Man Who Built TITANIC
After the construction of Titanic, a reporter asked him how safe the Titanic would be.
With an ironic tone he said: "Not even God can sink it."
The result: I think you all know what happened to the Titanic.

ผู้สร้างเรือไททานิค – เมื่อเสร็จสิ้นการสร้างเรือไททานิคแล้ว นักข่าวถามเขาเรื่องความปลอดภัยของเรือ
เขาตอบด้วยน้ำเสียงแดกดันว่า "แม้แต่พระเจ้าก็ทำให้มันจมไม่ได้" … เราทุกคนคงรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น?

Marilyn Monroe (Actress)
She was visited by Billy Graham during a presentation of a show.
He said the Spirit of God had sent him to preach to her.
After hearing what the Preacher had to say, she said: "I don’t need your Jesus."
A week later, she was found dead in her apartment.

นักเทศนาชื่อดัง บิลลี่ เกรย์แฮม ได้ไปเยี่ยม มาริลีน มอนโร นักแสดงสาวชื่อดัง ในการแสดงหนึ่ง
บิลลี่กล่าวว่าพระวิญญาณพระเจ้านำให้มาประกาศกับเธอ แต่หลังจากมาริลีนได้ยินจึงกล่าวว่า "ฉันไม่ต้องการพระเยซู"
สัปดาห์ต่อมา มีคนพบศพเธอในอพาร์ทเมนต์

Bon Scott (Singer)
The ex-vocalist of the AC/DC. On one of his 1979 songs he sang: "Don’t stop me, I’m going down all the way, down the highway to hell."
On the 19th of February 1980, Bon Scott was found dead, he had been choked by his own vomit.

ในเพลงหนึ่งของ นักร้องโวคอลคนเก่าของวง AC/DC มีเนื้อว่า "อย่าห้ามฉันเลย ฉันกำลังลงไปตามทาง ลงไปยังถนนสายนรก"
วันที่ 19 เดือนกุมภาพันธ์ 1980 มีคนพบศพ บอน สกอต ด้วยหากใจไม่ออกจากสิ่งที่สำรอกออกมา

Campinas (in 2005)
In Campinas, Brazil, a group of friends, drunk, went to pick up a friend…..
The mother accompanied her to the car and was so worried about the drunkenness of her friends and she said to the daughter holding her hand, who was already seated in the car: "My daughter, go with God and may He protect you…"
She responded: "Only if He (God) travels in the trunk, cause inside here…it’s already full."
Hours later, news came by that they had been involved in a fatal accident, everyone had died, the car could not be recognized what type of car it had been, but surprisingly, the trunk was intact.
The police said there was no way the trunk could have remained intact. To their surprise, inside the trunk was a crate of eggs, none were broken.

กลุ่มเพื่อนที่กำลังเมาออกไปรับเพื่อคนหนึ่ง แม่ของเขาไปส่งที่รถและเป็นห่วงที่เพื่อนๆ เมาเหลือเกิน เลยพูดและจับมือลูกสาวที่เข้าไปนั่งในรถว่า "ลูกเอ๋ย ไปกับพระเจ้านะ พระองค์จะปกป้องลูกเอาไว้" เธอกลับตอบว่า "ให้พระเจ้าไปอยู่ที่ใส่ของละกัน ข้างในนี้เต็มแล้วล่ะ" ชั่วโมงต่อมา ข่าวรายงานว่าพวกเขาประสบอุบัติเหตุ ทุกคนเสียชีวิต จนไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็นรถรุ่นไหน แต่น่าแปลกที่ท้ายรถใส่ของที่มีลังไข่กลับไม่เป็นอะไร

Chrisrtine Hewitt (Jamaican Journalist and entertainer)
Said the Bible (Word of God) was the worst book ever written.
In June 2006 she was found burnt beyond recognition in her motor vehicle.

นักหนังสือพิมพ์และนักแสดงตลก บอกว่าพระคำในไบเบิ้ลห่วยแตกที่สุดในงานเขียนทั้งหลาย
ในปี 2006 เดือนมิถุนายน มีคนพบศพเธอไหม้จนจำไม่ได้ที่มอเตอร์รถยนต์

Many more important people have forgotten that there is no other name that was given so much authority as the name of Jesus. Many have died, but only Jesus died and rose again, and he is still alive.

บุคคลมีชื่อเสียงต้องตายลงในที่สุด แต่พระเยซูคริสต์ยังทรงพระชนม์ เหมือนเดิม วานนี้ วันนี้ และสืบไปเป็นนิตย์

Praise the Name of the Lord … my Lord of Love

ขอขอบคุณ น้องแบงค์ ก้องเกียรติ คริสตจักรสดุดี ที่ส่งฟอร์เวิร์ดเมลล์นี้มาให้พี่แปลแปะ blog

2 Comments »

Turn your eyes to calvary, behold the LOVE

หลายครั้งที่ลูกเอง ก็บอกพระองค์ว่า "ทำไม่ได้"
"ลูกรักเขาอย่างที่พระองค์รักไม่ได้ มันยากมาก"
ทุกครั้งลูกจะได้ยินเสียงตอบกลับมา เป็นคำๆ หนึ่ง
เป็นถ้อยคำจากการนมัสการในพระวิญญาณของ Ps. Joseph Prince
"Look at the cross … behold the LOVE of JESUS"
แต่ลูกไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมดหรอก ที่พระองค์ตรัสเช่นนี้

ในภาพยนตร์ Passion of Christ ในตอนที่ผู้คนตะโกนใส่พระองค์ว่า "C R U C I F Y !"
นั่นคือเราเองทุกคน ที่เคยกล่าวโทษผู้อื่น ตัดสินเพื่อนบ้านว่าเขาเลวกว่าเราอย่างไร เรากำลังตรึงพระเยซู
แต่กระนั้น พระเยซู ก็ทรงเป็นผู้รับไปหมดแล้ว … พระองค์เข้ามาในโลกเพื่อปกป้องเราจากพวกฟาริสี!!!
อย่าซีเรียสกับการทุบตีเนื้อหนังมากเกินไป เพราะตัวจริงของมันคือ "ฉันทำไม่ได้" (โรม 7)
ถ้าความสามารถในการเป็นคนดี ถูกต้อง ได้จริงๆ ไม่ได้มาจากพระเจ้า "ไม่มีใครทำได้"

นักเทศน์ที่สนิทกับพระเจ้ามากๆ ท่านหนึ่ง ท่านพูดเสมอว่า "ไม่มีเรื่องใดทำให้คนกลับใจได้เท่าพระคุณ"

ขอยกถ้อยคำจากหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านวันนี้ ที่พระเยซูตรัสเหมือนที่ตรัสกับสาวกและโมเสส
"เจ้าจะไม่สามารถฟังเราหรือพูดเพื่อเรา
หากเจ้ามองดูที่ตัวเอง เจ้าจะขาดแคลน
และไม่คู่ควร กับสิ่งที่เราเรียกให้ทำอยู่เสมอ
ไม่ใช่ความสมบูรณ์หรือคู่ควรในตัวเจ้าที่เราจะใช้
อย่างมองตัวเอง แต่จงมองดู ความเพียบพร้อมบริบูรณ์ของเรา
หยุดมองความไร้ค่าของเจ้า จงดูความชอบธรรมของเรา
เมื่อเราใช้เจ้า ไม่ใช่เพราะเจ้า แต่เพราะเราเอง
"

อาดัมและเอวารู้สึกในความไม่ครบถ้วนของตัวเอง จึงต้องการจะเป็นมากกว่าที่พระเจ้าให้เขาเป็น
เมื่อโมเสสบ่นถึงความไม่พร้อมของตัวเอง เพราะมัวแต่ดูตัวเอง พระเจ้าโกรธเขา (Exo 4:14)
รูปแบบความถ่อมใจที่ผิดๆ เป็นรูปแบบหนึ่งของความเย่อหยิ่ง ที่ทำให้มนุษย์ล้มลงในความบาป

เราเป็นวิหารของพระเจ้า ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ เพื่อพระสิริของพระองค์
เปลี่ยนการดูถูกตัวเอง เป็นคำสรรเสริญแด่พระเจ้าผู้เลือกเรา ดังที่พระเยซูตรัสว่า "สำเร็จแล้ว"

4 Comments »

Money Money – เรื่องเงินๆ ทองๆ

1. ทัศนคติต่ออาชีพการงาน

"คนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้ว และในความปรารถนานานา ที่ไร้ความคิด และเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเรา ต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป ด้วยว่าการรักเงินทองนั้น เป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์" [Tim 6:9]

"ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้" [Matt 6:24]

ใช่แล้ว . . . หากเป้าหมายการทำงานของเรา คือ ความร่ำรวยแล้วล่ะก็ ความเชื่อของเราที่มีต่อพระเจ้า จะต้องสั่นคลอนวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน หรือถ้าคนยังไม่เชื่อ ก็คงไม่พบพระเจ้าแน่ๆ … คุณเคยเห็นมั๊ย มหาเศรษฐีที่มีเงินทองกองล้น แต่หาสันติสุขไม่ได้ บ้านแตก สาแหรกขาด เพราะเงินทองทำให้คนโลภ และไม่รู้จักพอ

อ้าว … ถ้างั้นคริสเตียนไม่ต้องใช้เงินหรอ? ก็คงไม่ใช่ แต่เงินทองเติมเต็มชีวิตไม่ได้ ดังนั้น พระเจ้าต้องมาก่อน เพราะถ้าเรามีพระเจ้า เราจะมีทุกสิ่ง … การปรนนิบัติเงินทอง คือ การทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เราปรารถนาอยากจะได้ อยากจะมี โดยพระเจ้าเป็นส่วนรองๆ ของเป้าหมายเหล่านั้น แต่หากเราปรนนิบัติพระเจ้าก่อน เราจะเห็นถึงความสำคัญของการนำวิญญาณ ช่วยเหลือผู้คนให้รับความรอด แม้พระเจ้าจะใช้เราในสาขาอาชีพใดก็ตาม

พระเจ้ามิได้ใช้เพียงคนที่ทำงานประจำกับคริสตจักร เพื่อขยายอาณาจักรของพระองค์ แต่พระเจ้าเรียกเราทุกคน และคนที่พระเจ้าเลือกและเรียก อาจจะอยู่ในบทบาทที่แตกต่างกันออกไป มิฉะนั้น นักธุรกิจก็ต้องเป็นอูฐรอดรูเข็มเสียทุกคน (Matt 19:24) นักประกาศน้อยๆ อาจจะเป็นคุณหมอ ชาวสวน คุณครู นักเล่นหุ้น เลขา พนักงานออฟฟิศ ฯลฯ (แต่คงไม่ใช่คนขายหวยอ่ะ)

"เจ้าเห็นคนที่มีฝีมือในงานของเขาหรือ เขาจะได้เข้าเฝ้าพระราชา
เขาจะยืนอยู่ต่อหน้าคนที่มีชื่อเสียง
" [Prov 22:29]

ทัศนคติของเปาโลต่อการทำงาน

"แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่า และประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า
แต่ในชีวิตของข้าพเจ้า ขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติ ที่ได้รับมอบหมาย
จากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น
"

เปาโล เป็นตัวอย่างที่ดีมากของพระคัมภีร์ใหม่ในการรับใช้พระเจ้า เขารักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และอุทิศชีวิตให้กับการประกาศแผ่นดินของพระเจ้า แต่เขาได้วางแบบอย่างที่ดี นั่นคือ "ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ’" [Acts 20:35] เปาโลเป็นอัครทูต เขาจะรอรับเงินถวายจากคนอื่นก็ได้ (ในบางครั้งเขาก็รับ) แต่เปาโลประกอบอาชีพเย็บเต็นท์ ไม่ต้องการเดือดร้อนใคร เลือกเป็นผู้ให้ มากกว่าเป็นผู้รับ

"จงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน
และทำการงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว
เพื่อท่านจะได้เป็นที่นับถือของคนภายนอก และท่านจะไม่ต้องพึ่งอาศัยใครเลย
"
[1The 4:11-12]

ในสมัยของเปาโล มีคริสเตียนที่รอการกลับมาของพระเยซูอย่างเข้าใจผิด โดยไม่ทำงานทำการงานอะไรเลย เปาโลจึงบอกว่า "ถ้าผู้ใดไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน …ให้เขาทำงานด้วยใจสงบและหากินเอง" [2 The 3:12]


2. ว่าด้วยเรื่อง สิบลด (Tithe)

"พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์ เต็มขนาดมาไว้ในคลัง
เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูที หรือว่า
เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
" [Mal 3:10]

สิบลด หรือ ทศางค์ คือ 10% ของรายได้ หรือ กำไร ที่เราถวายให้กับพระเจ้า โดยผ่านคริสตจักร เพื่อใช้ในพระราชกิจของพระเจ้า เช่น ค่าน้ำ-ค่าไฟโบสถ์ เป็นทุนในการประกาศ เข้ามูลนิธิช่วยเหลือสังคม ฯลฯ แล้วแต่ผู้บริหารคริสตจักรจะจัดสรร ซึ่งที่มานี้ มิใช่มนุษย์ตู่ขึ้นเอาเอง แต่พระเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ใน Lev 27:30 ว่า "ทศางค์ ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดินเป็นพืช ที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดีเป็นของพระเจ้า เป็นสิ่งบริสุทธิ์ แด่พระเจ้า"

การถวายสิบลด หรือ ทศางศ์นี้ เปรียบเสมือนการถวายเครื่องบูชา ตั้งแต่สมัย คาอินและอาแบล โดยชาวยิวถือเป็นการนมัสการพระเจ้าอย่างหนึ่ง เป็นการแสดงความสัตย์ซื่อและสำนึกในสิ่งที่พระเจ้าอวยพรเรา … ตัวอย่างการถวาย 10% ในพระคัมภีร์ได้แก่ อาแบล อับราฮัม ยาโคบ เฮเซคียาห์   โดยในยุคหนึ่ง ผู้คนเป็นอยู่อย่างสุขสบาย สนใจแต่ตัวเอง แต่ละเลยที่จะถวายสิบลด พระเจ้าถึงกับตำหนิประชาชนว่า "ฉ้อพระเจ้า" … ในคริสตจักร ไม่มีใครตรวจสอบว่าใครถวายหรือไม่ หรือเท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับเราตกลงกับพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงรู้ว่าเรานั้นสัตย์ซื่อหรือไม่

ใครรู้บ้างว่าเจ้าของบริษัท คอลเกต ชื่ออะไรยกมือขึ้น? 555 เค้าคือ Mr.Colgate เด็กชายผู้ยากจน ทำอาชีพขัดรองเท้า และเป็นเด็กโรงงานทำสบู่ วันหนึ่ง เค้าได้มอบชีวิตของเค้าให้กับพระเจ้า และสัตย์ซื่อในเรื่องการถวายสิบลดเรื่อยมา และต่อมาได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับยาสีฟัน จนในที่สุด เค้าเพิ่มสิบลดจาก 10% 20% … มากขึ้น จนกระทั่ง 90% ท่านคอลเกตนี้ ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว แต่ชื่อชื่อสินค้าก็ยังคงโด่งดังไปทั่วโลก

อีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจมากๆ คือ TL Osborn เขาถูกทดสอบความเชื่อ เมื่อเขาได้ใช้เงินที่มีอยู่ทั้งหมด ไปในงานพระเจ้า และถึงเวลาที่จะต้องจ่ายค่าผ่อนรถ 40$ ในสมัยนั้น เขาแสวงหาพระเจ้า และถูกท้าทายด้วยคำว่า "จงลองดูเรา" จากพระเจ้า เขาสัตย์ซื่อ แม้จะไม่มีค่าผ่อนรถในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อเขาวางใจพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของเงินทอง วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาตื่นขึ้น ธนบัตรใบละ 1$ กระจายอยู่ทั่วห้องนอน ทั้งหมด 40 ครบตามจำนวน 5555 ทฤษฎีของใครที่ว่า พระเจ้าจะไม่ส่งเงินมาตรงหน้า คงใช้ไม่ได้ผล มีความเชื่อที่ไหน แบงค์ดอลล่าก็หล่นจากเพดานห้องได้ทั้งนั้นแหละ

โดยส่วนตัว ก็ถวายสิบลดมาตั้งแต่เด็กๆ เลยรู้ว่าการอวยพรผ่านการถวาย ตามพระสัญญานั้น มันคุ้มค่าเพียงใด เพราะพระองค์ไม่เคยเอาอะไรจากเราฟรีๆ บางครั้งถวาย 100 ไม่กี่วันอยู่ๆ มีญาติให้มา 5 พัน เท่าที่เห็น คริสเตียนหลายคนที่ไม่ได้ถวายสิบลด มักมีปัญหาการเงิน เช่น บางคนกระเป๋าเงินหายบ่อยมาก ฯลฯ เคยมีปัญหาเหมือนกัน ตอนทำงานใหม่ๆ คิดว่าเงินเดือนน้อย เลยทบสิบลดไว้เดือนต่อไป เวลาที่เราทบไปทบมา มันยิ่งบานปลาย จนต้องตัดใจหาทางถวายให้ได้ สถานการณ์จึงกลับเป็นปกติดังเดิม


3. การให้ และการบริจาค (Giving & Donation)

"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายจนคนนี้ ได้ใส่ไว้ในตู้เก็บเงินถวาย
มากกว่าคนทั้งปวงที่ใส่ไว้นั้น เพราะว่าคนทั้งปวงนั้น ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ไว้
แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่ สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด
" [Mark 12:43-44]

การให้ หรือ บริจาค นี้ เป็นการถวายที่นอกเหนือ 10% หรือสิบลดของเรา แต่เสมือนว่าเราถวายแด่พระเจ้าด้วย เช่น การช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียนที่ยากจน การถวายเงินเพื่อการประกาศ การถวายเพื่อสร้างอาคาร การสงเคราะห์งานการกุศล ฯลฯ การถวายนี้เป็นเหมือนเครื่องหอมบูชาเช่นกัน (Phi 4:18)

คริสเตียนหลายคนคิดว่า พระเจ้าจะใช้คนรวย หรือนักธุรกิจ ให้มีของประทานด้านการถวายเป็นพิเศษ จริงๆ แล้วอาจเป็นคนธรรมดาทั่วไป บ่อยครั้งในพระคัมภีร์ พระเยซูชื่นชมใคร มักจะเป็นบุคคลที่มีความเชื่อ และ "ไว้วางใจพระเจ้า" การถวายสุดกำลัง เป็นการแสดงความไว้วางใจในพระเจ้า ที่พระองค์พอพระัทัยยิ่งนัก พระเจ้ามิได้ต้องการเงิน แต่พระองค์ต้องการ "หัวใจ"

อย่าถวายเมื่อท่านคิดเสียดาย "ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้น ที่ให้ด้วยใจยินดี" [2 โครินธ์ 9:7] การถวายที่จะได้รับพระพร เป็นการถวายด้วยใจเท่านั้น ถ้าฝืนใจให้ใคร จะไม่เกิดประโยชน์อะไร

และท้ายที่สุด "เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทำทาน อย่าเป่าแตรข้างหน้าท่าน เหมือนคนหน้าซื่อใจคด กระทำในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้าย รู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่าน ผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน" [Matt 6:2-4]


4. เรื่องของ ผลแรก (First Fruits)

"จงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทรัพย์สินของตน และด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทั้งสิ้นของเจ้า" [Prov 3:9]

ผลแรก หรือ First Fruits มิใช่ สิบลด และ มิใช่ การบริจาค แต่ในพระคัมภีร์ (Exo 23:16; Lev 23:10) พูดถึงผลแรกว่า เป็นผลผลิตรุ่นแรก เช่น ข้าวที่เกี่ยวรุ่นแรก ต้นมะม่วงในสวนออกผลชุดแรก หรือเงินเดือนเดือนแรก ฯลฯ

ตั้งแต่เห็นคนที่ถวายผลแรกมาก็เยอะ โดยคนที่ไม่ได้ร่ำรวย ก็ไม่เห็นมีใครจนเพราะถวายแบบนี้ซักราย การถวายนี้ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ พระเจ้าไม่เคยบังคับใครอยู่แล้วนี่หน่า แต่คล้ายๆ เรื่องสิบลด "ลองดูเรา" นั่นเลย เพราะพระสัญญาเรื่อง First Fruits นี้ พระองค์บอกไว้ว่า "แล้วยุ้งของเจ้าจะเต็มด้วยความอุดม และบ่อเก็บของเจ้าจะล้นด้วยเหล้าองุ่น" [Prov 3:10] พระพรที่ได้รับ มากกว่าที่เราถวายเสียอีก และข้อนี้อยู่ใน บท 3 สุภาษิต เรื่องความวางใจซะด้วย … ถ้าท่านอยากเป็นบุคคลแห่งความเชื่อ ขอแนะนำให้ตัดใจถวาย แม้ว่าจะต้องลำบากเดือนแรกก็ตาม

ลองดูคริสเตียนที่เมื่อก่อนจน เดี๋ยวนี้รวย ถ้าคุณสัมภาษณ์ เคล็ดลับของเขาอยู่ที่ การถวาย โดยเฉพาะ นักธุรกิจที่ถวายผลแรกให้พระเจ้าก่อน เขาจะมั่งคั่งดังพระสัญญา ที่จะมีเต็มและล้น


สุดท้ายนี้อยากฝากไว้ว่า ใครที่ร่ำรวย ให้เต็มด้วยการขอบคุณและสรรเสริญ และ "พระเจ้าได้ทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ" [James 2:5] หากเรายากจน ให้สรรเสริญพระเจ้า เพราะนี่เป็นโอกาสที่เราจะใช้ความเชื่อ และสิ่งที่เราเชื่อตอนนี้ จะกำหนดอนาคตข้างหน้าของเราด้วย พระเจ้าไม่ให้ลูกพระองค์ตกต่ำตลอดไป จะขาขึ้นหรือลง เราต้องผจญทุกสิ่งให้ได้ด้วยพระเยซู และที่สำคัญที่สุด ขอให้เราทำสิ่งใดๆ ด้วยความรัก

"อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น" [1 John 2:15]

แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ [Phi 3:20]

พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ [Heb 11:6]

เดี๋ยวคราวหน้าจะเขียนเรื่องการออมเงินตามแบบฉบับพระคัมภีร์

4 Comments »

Once Again

Artist: Matt Redman
Song: Once Again

Jesus Christ, I think upon Your sacrifice
You became nothing, poured out to death
Many times I’ve wondered at Your gift of life
And I’m in that place once again
I’m in that place once again

And once again I look upon the cross where You died
I’m humbled by Your mercy and I’m broken inside
Once again I thank You
Once again I pour out my life

Now You are exalted to the highest place
King of the heavens, where one day I’ll bow
But for now I marvel at Your saving grace
And I’m full of praise once again
I’m full of praise once again

Thank You for the cross … my friend

Leave a comment »

Repay Evil by Doing Good as Jesus

"For this is the will of God, that by doing good
you may put to silence the ignorance of foolish men
"
[1Pet 2:15]

เพราะว่าผู้ที่ได้รับความเห็นชอบว่าดีนั้น ก็ต่อเมื่อเขาเห็นแก่พระเจ้า และยอมอดทนต่อความทุกข์ที่ไร้ความเป็นธรรม …
แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายกระทำการดี และทนเอา เมื่อตกทุกข์ยากเพราะการดีนั้น ท่านก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
เพราะพระเจ้าทรงใช้ท่านสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะว่าพระคริสต์ก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ให้เป็นแบบอย่างแก่ท่าน
เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำบาปเลย และไม่ได้ตรัสคำเท็จเลย
เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย
เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงมาดร้าย แต่ทรงมอบเรื่องของพระองค์ไว้ แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม

[1Pet 2:19-23]

Lord, I come to You … Let my heart be changed renew 
Flowing from the grace that I’ve found in You
Lord, I come to know the weaknesses I see in me
Will be stripped away by the power of Your love

"ผู้ที่เป็นคนอธรรมก็ให้เขาประพฤติอธรรมต่อไป
ผู้ที่เป็นคนลามกก็ให้เขาลามกต่อไป
ผู้ที่เป็นคนชอบธรรมก็ให้เขากระทำการชอบธรรมต่อไป
และผู้ที่เป็นคนบริสุทธิ์ ก็ให้เขาเป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป
"
[Rev 22:11]

2 Comments »

No accident in this world – ไม่มีความบังเอิญ

I make well-being, and I create disaster,
I, Yahweh, do all these things.
[Isa 45:7 – NJB]
เราทำโชคและสร้างวิบัติ เราคือพระเจ้า
ผู้กระทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
(อิสยาห์ 45:7)

ไม่มีความบังเอิญบนโลกใบนี้หรอกนะ
ตั้งแต่เขียน Space มา ไม่เคยเอารูปตัวเอง
ที่เป็น Portrait ลงใน Diary หรือ Blog เลย
แต่หลายวันก่อน ฮึกเหิมเอาหน้าตัวเอง และเพื่อนชุชะลงเต็มๆ

แต่ทำไมอยู่ๆ เอาลงน่ะหรอ ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก
น่าแปลกเวลาคนเราเจอเรื่องอะไรที่เรียกว่า "โลกกลม"
แต่เบื้องหลัง พระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียม และจัดวางเหตุการณ์

เนื่องจากว่า เราเอาเมลล์ของแมวหนุ่ม เพื่อนสมัย มทส
(มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี) ให้กับเพื่อนชะ
เพื่อช่วยเรื่อง Thesis เกี่ยวกับ Business Intelligence
เพราะเห็นว่าแมวทำงานที่ NECTEC และเรียนโท AIT อยู่

ไม่รู้มาก่อนเลยว่า แมวหนุ่ม เคยเรียนโรงเรียนเดียวกะ ชุ และชะด้วย
แมวหนุ่มเลยเข้ามาดู Space นี้ ถามว่า งง ที่เราไปรู้จักกับ ชุ-ชะ ได้ยังไง
ตอนแรกเราก็แปลกใจอยู่หรอก แต่มานั่งทบทวนดูแล้ว พระเจ้ารักนาย 555

เมื่อ 2 ปีก่อน มีช่วงนึง อยู่ดีๆ ก็คิดถึงเพื่อนขวด เพื่อนสุรนารีอีกนั่นแหละ
ขึ้นมากระทันหัน มากมายอยู่ 2-3 วัน อีกวัน ตอนเย็นๆ หลังจากเลิกงานแถวอโศก
ก็ไปลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกลับบ้าน เห็นหลังผู้ชายเหมือนเพื่อนขวดไวๆ
เดินตามตั้งนาน กว่าจะหันหน้ามาว่าใช่มั๊ย แต่พอหันมาแล้ว
เพื่อนขวดก็ทักก่อน ว่า "เฮ้ย มาแถวนี้ได้ไง" เลยสืบสาวราวเรื่อง
ว่าเพื่อนเป็นวิศวกรโยธาอยู่บริษัทแถวเพชรบุรี ที่ทำงานใกล้ๆ กันเลย

ต่อมาอีก 2 อาทิตย์ เพื่อนขวดได้มาที่โบสถ์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ทำงานตลอดวันนั้นมากมาย เพื่อนไม่รับเชื่อหรอกนะ มันปากแข็งจะตาย
แต่เวลาคุยกันทีไร เพื่อนขวดก็มักจะพูดถึงพระเยซูเสมอ คือ เหมือนเชื่อแต่มีฟอร์ม

นี่แหละ ไม่ใช่บังเอิญที่เจอเพื่อนขวดซักนิด
แล้วก็ไม่ใช่บังเอิญที่แมวหนุ่มเห็นภาพบนเสปซ
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราอยู่ๆ เอารูปตัวเองมาโชว์ให้ชาวบ้านได้เห็นกัน
พระเจ้าจัดเตรียมเวลาให้กับแต่ละคนอย่างเหมาะสม

เฮอะๆ เราว่าเป็นเวลาของนายแล้วม้างงง 5555
เพราะก่อนหน้านี้ ที่ไปทำงานกะกรผู้เคร่งเจ
เวลาคุยเรื่องพระเจ้า กรก็จะบอกให้ "ไปคุยกับไอ้แมวหนุ่มดิ่
มีหวัง ได้เถียงกันแน่ๆ เพราะมันเคร่งธรรมมะทางพุทธมากๆ
"
แต่อยากบอกว่าพระเจ้าเรายิ่งใหญ่น่ะ เคร่งแค่ไหน พระเจ้าเราฤทธากว่า

ก็เพื่อนมัธยม มายืม CD ตอนเราเรียนอยู่ปี 2 เรื่อง The Green Mile
ไปทิ้งไว้ที่บ้าน พี่ชายเพิ่งสึกออกมา หยิบมาดู และปวดท้อง
เลยลองอธิษฐานกับพระเจ้าดู และบอกว่า "ถ้ามีจริง และหาย จะเชื่อ"
ทุกวันนี้พี่ชายเพื่อนเป็นคริสเตียน แต่เพื่อนที่ยืม CD ไป ยังเหมือนเดิม

เหอะๆๆๆๆ พระเจ้าเรายิ่งใหญ่ จะบอกให้รู้
โชค ลาง อะไรทั้งหลายเนี่ยะ จริงๆ แล้วพระองค์ควบคุมอยู่เบื้องบน
ไม่ใช่กฎแห่งกรรมที่ไม่มีตัวตน ธรรมชาติที่ควบคุมตัวเอง
ถ้างั้นนิยายยังน่าเชื่อถือกว่า ว่าที่กฎไม่มีชีวิตจะคุมมนุษย์ได้
พระเจ้าเท่านั้นที่ "ทำโชค และสร้างวิบัติ"

ฮา เล ลู ยา

3 Comments »

Tender mercies & Lovingkindnesses

After I had prayed nothing since morning till evening of yesterday,
[except before sleeping] I felt guilty & it seemed so far away from my God.
But you know, He always gives me the feeling of love  whenever I am with Him again.
All wrong feeling is not from Him but Satan! cuz He never condemns anyone. [Heb 12:24]

My question poped in my head when I’d read Psalm 24:3-4
"Who may ascend into the hill of the LORD?
Or who may stand in His holy place?
He who has clean hands and a pure heart
"
I think of Jesus & said "Plz plz answer me, Lord"
I didn’t expect its answer will come in time, it might take a few month, but it came at once!

I know myself that I can’t be like that cuz I always find myself fail, never been good enough.
but when I realize to Jesus, He came in this world cuz I cannot be.
I become holy girl cuz of Him. I am accepted before God cuz of Him. Jesus has completely done all!
but "What’s about discipline the flesh that Paul said in 1Cor 9:27?" … Tho he’s Apostle, he must do.

Once times ago in dicipleship class, our Pastor taught us about "Discipline".
He mentioned a lot of its advantage but there’s some weakness as well.
That is … it makes us to be Pharisee & seriously beat ourself.

Suddenly, I saw verse 6-7 in Chapter 25
"Remember, O LORD, Your TENDER MERCIES and Your LOVINGKINDNESSES,
For they are from of old. Do not remember the sins of my youth, nor my transgressions;
According to Your mercy remember me, For Your goodness’ sake, O LORD.
"
[Plz only use NKJV, it’s most deeply sweet in all versions]

I like word "Tender mercie(s)" & "Lovingkindness(es)"
King David speaked about only characters of God, not his own
but when he said about himself, he asked God to "Do not remember" his actions!
– Talk about God > Goodness of God
– Talk about man > Sins & Transgression
He asked the Lord to realize God’s sake!

…..

…..

—– I’ll be right here to continue this again … —–

2 Comments »