วันนี้ก็ได้รู้สิ่งที่เคยสงสัยไม่กี่วันก่อนว่า “พระเจ้าจะเปลี่ยนสิ่งร้ายกลายเป็นดีได้อย่างไร?”
ในเมื่อพระองค์ก็สัญญาเอาไว้ ว่าจะช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีใน “ทุกสิ่ง”
แถมในชีวิตตั้งแต่เกิด ไม่ใช่ครั้งเดียวที่รู้สึกว่า “พระเจ้าไปอยู่ที่ไหน ในเวลาที่เราต้องการ?”
เพราะวันก่อนๆ ลูกเจ็บปวด และทรมานมากถึงมากที่สุด กับอาการป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้
คือมันปวดกระดูก นอนก็ปวดทั้งตัว แขน ขา แถมเป็นไข้ ปวดหัว หนาวสั่น และหวาดหวั่นต่อข้อสันนิษฐานต่างๆ
แต่เมื่อวานก็ต้องออกจากบ้าน เพราะช่วงปีใหม่ ไม่มีอะไรให้กิน ให้สั่ง ต้องไปห้างเท่านั้น ซึ่งคนตรึมมากๆ
และตั้งใจจะมาหาแม่ด้วย เผื่ออยู่คนเดียว ไม่มีใครเก็บ แต่ถ้าอยู่กะแม่ มีอะไรเค้าก็ช่วยเหลือเรา
เพิ่งนึกได้ไม่นานมานี้ว่าซื้อประกันเมื่อกลางปี หมดเปลืองเวลากับการ เข้า-ออก โรงพยาบาล โน้นนี้ 4-5 แห่ง
เพราะเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย เบื่อหน่ายประกันสังคมโรงพยาบาลเอกชน เบื่อหน่ายบริการโรงพยาบาลรัฐบาล
ไม่รู้จะคิดนโยบายบัตรทอง กะประกันสังคมเพื่ออะไร เมื่อไม่มีความเป็นธรรมในหมู่คนจน คิดแล้วก็ไปซื้อหุ้นเอกชน
วันนี้พยายามไม่กินยา เพราะตั้งแต่โดนลิงกัด เทคพารามาเป็น 10 วันแล้ว เนื่องจากบอบช้ำจาก 8 เข็ม
เพื่อนก็ชวนไปกินซูชิเดนที่เซนทรัลลาดพร้าว อืิมม ไหนๆ ก็ไม่อยากเสียเวลานอนซมอยู่บ้าน ออกก็ได้
เพราะวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน นั่งได้ ขับรถได้ เดินได้ แต่ยืนอยู่กับที่เมื่อไหร่ เหมือนกระดูกขาโดนน้ำยาล้างห้องน้ำ
รู้สึกพรุนและปวดร้าว ยืนเฉยๆ ไม่ได้ เอาวะ กินไม่ได้ใช้กระดูก ก็แค่ใช้ปากและฟัน 😛
ตอนกินก็โอเค อร๊อย อร่อย แต่พอกินเสร็จ หมดเวลา Enjoy Eating ดันปวดขาแบบว่าอยากหาหมอ
เปิด GPS โรงพยาบาลใกล้สุดก็คือ ราชวิถี ยืนยันกะเพื่อนว่าไม่เอาที่นี่เด็ดขาด
เคยไปประกาศ อธิษฐานเผื่อคนอยู่หลายครั้ง และเคยไปของตัวเองครั้งนึง ช่างอานาถาที่สุดของที่สุด
โรงพยาบาลส่วนใหญ่ไกลหมด สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะรถติดมาก ไปถึง แผนกฉุกเฉิน คนเยอะมาก
เพื่อนเห็นโรงพยาบาล บอกว่า อย่างกะฉากถ่ายหนังสยองขวัญ ทั้งทางเดิน ประตู หน้าต่าง ฯลฯ
ผู้คนสภาพอิดโรย น่าสงสาร ดูมีอาการทางประสาทกันเป็นส่วนใหญ่ สีหน้าหมดหวัง ทนทุกข์ อาลัยตายอยาก
ดีอยู่อย่างนึง ที่หมอที่นี่รอนานหน่อย ประมาณว่าหมอดี ใส่ใจคนไข้ ไม่เหมือนประกันสังคม ทุกคนได้ 30 วินาที
นานแค่ไหน ก็เอาเป็นว่ามาตั้งแต่ตอนเย็นๆ ได้กลับบ้านราวๆ เกือบเที่ยงคืน 555 แล้วหมอก็ไม่รู้จะตรวจยังไง
เลยจับตรวจเลือด ทั้งที่ตอนแรกหมอบอกว่าตรวจไม่ได้ ต้องรอพรุ่งนี้ แต่เคสเราเร่งด่วน หมอเลยหาโอกาสให้
ไอ้ส่วนที่จะตรวจเลือดนี่ เป็นไฮไลท์ ไคลแม็กซ์ของคืนนี้เลย เป็นการเปิดเผยของพระเจ้า
ว่าทำไมเราถูกกำหนดให้มาที่นี่ และมันก็เกี่ยวพัน เชื่อมโยงกับสิ่งที่พระเจ้าสำแดงเมื่อวันปีใหม่ในพระคำ
ไม่ว่าจะส่วนไหน ก็ต้องรอคอยอยู่เสมอ รอนานมั่ก เวลาดึกดื่น แต่คาดว่าคนเยอะกว่าช่วงกลางวันเสียอีก
เพื่อนในพระคริสต์ที่มาด้วยนี่ (ขอปิดชื่อเป็นความลับเดี๋ยวจะเสียหาย 55) หันไปเห็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง
เรียกให้เราดูที่ข้อมือของเขา เราเห็นแล้วต้องบอกว่าตกใจมว๊าก ที่รอยมีดกรีดถี่ยิบไปทั่วทั้ง 2 แขน
ทั้งแผลใหม่สด แผลเป็น ถ้าลองนับดู น่าจะได้ซักข้างละ 50 แผล คนอะไรจะอยากทำร้ายตัวเองขนาดนี้!
เอาเป็นว่าโรงพยาบาลนี้ เป็นแหล่งรวมคนที่ปกติจะไม่อาจเห็นได้ตามท้องถนนทั่วไป หรือแม้แต่ใน 7/11
เพื่อนเกิดภาระใจอยากบอกเล่าเรื่องราวพระเยซูขึ้นมาทันที เค้าจะได้เห็นคุณค่าตัวเอง
และรู้ว่าพระเจ้าสร้างเค้ามา และรักเค้ามาก เราก็เห็นด้วยเต็มที่ พระเจ้าอาจจะวางเราไว้ในเหตุการณ์นี้
พอน้ำพระทัยพระองค์บรรลุ มิชชั่นนี้สำเร็จเมื่อไหร่ เราอาจหายดีเลยก็เป็นได้ พอเราเจาะเลือดเสร็จ
อยากสูดอากาศ เดินออกมาข้างนอก พี่คนดังกล่าว นาม น. เดินเข้ามาทักว่าเราไปโดนอะไรมา
ก็บอกเจาะเลือดค่ะ พอเค้าจากไป ก็เดินไปหยิบใบปลิวในรถมาเตรียมไว้ เพื่อนให้เราซื้อชาเผื่อเขาด้วย
ไม่นานนัก มีโอกาสได้คุยกับพี่ น. อีกครั้ง ทำให้รู้ว่าเขามา รพ. นี้จนชิน พาน้อง พาหลานเข้าบ่อย
รับผิดชอบต่อครอบครัวสูง เขาเป็นคนตลกมาก บอกเป็นอิสลาม แต่ขายข้าวขาหมูให้คนอื่นกิน ตัวเองไม่กิน
และค่อนข้างปิดใจ ทำให้เพื่อนไม่ค่อยกล้าพูดเรื่องพระเจ้า หรือแม้กระทั่งแจกใบปลิวให้ ชาที่ซื้อมาเลยเหลือ
แต่ก็พยายามบอกเขาว่าพระเจ้ารักเขา แม้เขาจะไม่สนใจก็ตาม … และเราก็ยังปวดขาอยู่เหมือนเดิม
ช่วงนี้ที่เดินเข้าออกเคาท์เตอร์ ทวงผลแลบอยู่หลายรอบ ก็บอกรอหมอๆ มีคิวเยี่ยมคนไข้ที่เตียงเยอะ
น้องผู้ชายคนนึงเค้าบอกว่าเค้าเคยมาตรวจ ต้องรอ 2 ชั่วโมง (ไม่ใช่ชั่วโมงเดียวอย่างที่เราเข้าใจนะ 55)
ก็เลยถามเค้าว่ามาบ่อยหรอ เป็นอะไร และก็ต้องตกใจเมื่อเค้าบอกว่าเป็นมะเร็งมา 10 ปีแล้ว
โอย เรื่องหญิงสาวที่ตกเลือดมา 12 ปีเข้ามาในหัว ไบเบิ้ลว่าเธอทุกข์ทรมานแค่ไหน หมดเงิน หมดหวัง
หันไปบอกเพื่อนด้วยใจร้อนรน “I really want to pray for him” ขอบคุณพระเจ้าที่เพื่อนมีหัวใจเพื่อสิ่งนี้
เลยชวนน้อง อ. ออกไปนั่งคุยข้างนอกกันมั๊ย เขายิ้มแย้มแจ่มใส โอเคทันที เล่าเรื่องราวพระเจ้าให้เค้าฟัง
พระเจ้ายิ่งใหญ่ สร้างโลก สร้างเรา รักเรา ตายแทนเรา รักษาเราได้ แม้หมอจะไม่สามารถก็ตาม ฯลฯ
น้องเขาตื่นเต้นมาก ระหว่างที่ใช้เวลาอธิษฐานเผื่อเขา เขาน้ำตาไหลและสัมผัสความรักพระเจ้า
เลยถามว่าอยากรู้จักพระเจ้ามั๊ย เขาเต็มใจอธิษฐานต้อนรับ และยอมรับการช่วยเหลือจากพระเจ้าเต็มที่
หัวใจข้างในตอนนั้นเปรมปรีดิ์สุดขีด เคยได้ยินเพื่อนโบสถ์อื่นเล่าว่าประกาศ แล้วคนอยากรู้จักพระเจ้ามานานแล้ว
ไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต เพราะเจอแต่คนใจแข็ง นี่เป็นคนแรกที่ทำให้เห็น “ทุ่งนาก็เหลืองอร่ามแล้ว”
ตื่นเต้น ยินดี แฮปปี้ เป็นความสุขขีดสุดของชีวิต และพร้อมจะลืมอาการเจ็บปวดของตัวเองทิ้งไป
หันไปบอกเพื่อนว่า เราหายแล้ว (ไม่ใช่เพราะอาการ แต่เพราะเชื่อ ขณะที่ความเชื่อกำลังพุ่งปรี๊ดดด)
อ้อ … โออิชิที่ซื้อมา ไม่เสียเปล่า แถมให้น้อง อ. ไป ซาบซึ้งอย่างกะได้ทองอีกต่างหาก พระเจ้ารักเขาจริงๆ
นี่ไง ที่คิดว่าทำไมต้องเริ่มต้นปีด้วยสิ่งเลวร้าย? แต่กลับกลายเป็นเรื่องดีที่สุดที่เคยเจอ และเริ่มต้นปีด้วยดีต่างหาก
จริงๆ ไม่อยากเล่าเรื่องของน้อง อ. ให้ใครฟัง ยังมีอีกมาก แต่อยากบันทึกสิ่งดีที่พระเจ้าทำกับเราตั้งแต่ต้นปี
เราเริ่มเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเราวันปีใหม่ 2013 นี่บ้างแล้ว พระเจ้าทำตามสิ่งที่สัญญาเอาไว้เสมอ
พระเจ้าฉลาดกว่าเรา พระองค์มีหนทางที่อยู่เหนือกว่าความคิดที่เราจะคิด หรือพาตัวเองไป ณ จุดนั้นได้!
มีความคิด อะไรอีกมากมายที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ แต่ขอแชร์เพียงแค่นี้ เพื่อไม่ให้รั่วไหลเกินไปกว่าคำอธิษฐาน
เหตุการณ์เพียงชั่วขณะเดียว กลับเปลี่ยนแปลงเราไปมาก ที่เจอมาทั้งปี 2012 เหมือนได้รับแรงพลังมหาศาล
เหมือนจิตวิญญาณถูกฟื้นฟูเป็นวิญญาณที่สดใหม่ มีชีวิตชีวา อยากสรรเสริญ อยากเห็นผู้คนได้รับการช่วยเหลือ ฯลฯ
ขอบคุณพระเจ้า ที่พาลูกเข้าไปเห็นอะไรมากมาย มีผู้คนมากมายในโลกนี้ที่ไม่เคยได้ยิน และรอคนไปบอกพวกเขา!!! คุณเป็นหนึ่งในนั้นด้วยค่ะ
“เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า
ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา พระเจ้าตรัสดังนี้
เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า
และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น”
Isaiah 55:8-9