หากเคยมีคำเล่าลือว่า เป็นนักธุรกิจ ต้องอ่านสามก็กฉันใด การไปเดินงาน แคนตันแฟร์ หรือ กว่างโจวแฟร์ ก็ฉันนั้น … (แต่ถ้าเลือกได้น่ะหรอ 555555 ขอไปดูงานที่ Italy, German บ้างอะไรบ้าง แบบว่าเป็นประเทศต้นแบบในการผลิตเครื่องจักรต่างๆ มาให้พี่จีนก็อปน่ะ)
งานแฟร์นี้สำคัญไฉน … หากบริษัทใดที่สั่งสินค้า OEM คือให้โรงงานผลิต และติดแบรนด์ของเรา บริษัทย่อมหาโรงงานที่คุ้มที่สุดในทุกทาง ทั้งคุณภาพ และราคา และในปัจจุบัน การแข่งขันที่สูง มักจะเป็นเรื่องของราคา อีกทั้งผู้ผลิตในยุโรป ก็กลับกลายมาสั่งจีน ตีตราเป็นแบรนด์ตัวเอง ส่งกลับไปกลับมา เอามาขายราคาสูงมาก
แต่จีน มีสิ่งที่คนทั่วโลกในยุคนี้ต้องการคือ ต้นทุนการผลิตต่ำ … อันที่จริงแล้ว เมื่อก่อน จีนทั้งแรงงานถูก วัตถุดิบถูก แต่คุณภาพไม่ค่อยเข้าเกณฑ์ แต่หลายปีที่ผ่านมา ค่าแรงจีนขึ้นแล้วขึ้นอีก แทบทุกเดือน ยิ่งกว่าคนไทยเยอะ จนสินค้าตอนนี้ ราคาสุ่มเสี่ยงต่อการเมินเฉยของบริษัทต่างๆ เหลือเกิน ยิ่งเจ้าไหน ที่คุณภาพได้ระดับขึ้นมานิดนึง ก็ตั้งราคาเท่าสั่งจากยุโรปกันเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีโรงงานอีกมาก ที่ผลิตให้คุณในราคาที่หาประเทศอื่นนอกจากจีนไม่ได้!!!
หลังจากเมื่อคืน นอนดึก ตื่นเช้า เราจะออกเดินทางไปงานแฟร์นี่แล้ว ก็ขอพูดถึงเมืองเซินเจิ้นนิดเนิงง จะว่าไปแล้ว ความเป็นเมือง ดูดี ถนนใหญ่ หลายเลน สะอาด ธรรมชาติดูดี ไม่มีสายไฟให้รกตาเหมือนอย่างไทย (คล้ายจูไห่) แต่ผู้คนที่นี่มาจากหลายมณฑล หลายเมือง บรรยากาศดูอึดอัดด้วยกลิ่นบุหรี่รมควัน หากไปเดินตามสถานที่แหล่งชอป แหล่งท่องเที่ยว ผู้คนโดยรวม ดูน่าหวาดระแวง ต้องใช้ความระมัดระวังกว่าที่อื่นๆ แต่เราเพิ่งได้สัมผัสเซินเจิ้นนิดหน่อย ยังสรุปไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นเมืองเศรษฐกิจ แหล่งผลิตสินค้าแฟชั่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ส่วนกว่างโจว เป็นเมืองที่เราต้องผ่านทุกครั้งเมื่อมาเมืองจีน เพราะกว่างโจวเป็นเหมือนเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง และกวางตุ้งนี้เอง ที่เป็นแหล่งทำม้าค้าขาย เศรษฐกิจหลักของจีน รวมโรงงาน OEM ไว้มากมาย เพราะทุกมณฑล ต่างยกย่องให้ชาวจีนใต้นี้แหละ ในเรื่องหัวการค้า นอกจากนี้แล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน ที่เค้าว่ากันว่าอร่อยกว่าที่อื่นๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจริง 100% มั๊ย แต่ที่แน่ๆ ภาษามณฑลนี้ ต้องเป็นสำเนียงงิ้วๆ โช้งเช้งกว่าที่อื่น
กวางตุ้งนี้ รวมเมืองสำคัญๆ ไว้มากมาย เรียกว่า Supplier ต่างๆ ที่สั่งสินค้าด้วย 80% มาจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเมือง Guangzhou (กวางโจว), Zhuhai (จูไห่), Foshan (ฟูชาน), Zhongshan (จงชาน), Chaozhou (แต้จิ๋ว), Shenzhen (เซินเจิ้น) ทั้งหมดล้วนอยู่ในกวางตุ้งทั้งนั้น แม้แต่ฮ่องกง ก็พูดจีนกวางตุ้งกันเป็นส่วนใหญ่
เค้าว่ากันว่า คริสเตียนในเมืองจีนเติบโตเร็ว ราว 30-40% ได้แล้ว แม้เคยเห็นโบสถ์ที่มณฑลเจ้อเจียงอยู่บ้าง แต่ไปที่อื่นๆ ก็รู้สึกจะเงียบเชียบ ไม่ค่อยได้เห็นคริสตจักรซักเท่าไหร่ สงสัยคงจะมุดลงใต้ดินกันหมดจริงๆ อาจจะด้วยกฎหมายของประเทศคอมมิวนิสต์ก็เป็นได้
มาต่อที่งานแฟร์แล้วกัน … เพิ่งรู้ว่า วันนี้ เป็นวันแรกของงานครั้งที่ 110 คนยั้วเยี้ย เบียดเสียด กันเข้างานเว่อร์อ่ะ โดยเฉพาะคนที่ทำบัตรเข้างานเป็นครั้งแรก เยอะมากๆ ตอนแรกก็ว่าจะรอเป็นเพื่อนชะ เลยต้องขอตัวเข้างานก่อน (เพราะบัตรเก่าใช้ได้ทุกปี) ไม่งั้นมีเวลาไม่พอเดินเป็นแน่ ซักชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น ชะเพิ่งทำบัตรเสร็จ และโทรศัพท์เสีย เลยนัดกันมาเจอหน้าตึก 10.2 เฮ้อ…งานไม่ได้มีแค่ 10 ตึกนะ ยังมีตึกอื่นที่แยกออกไปต่างหากอีก มากี่ครั้งก็ไม่เคยเดินตรงนั้นเลย เดินแค่ 12 ตึก ยังใช้เวลาหลายวันเลย
และที่คนจีนจะกรูกันเข้าไปแจกใบโฆษณาตรงทางเข้างานทุกวันๆ เห็นจะเป็นประเทศทางอาหรับล่ะ โดยเฉพาะคนที่แต่งชุดขาวยาวๆ มางาน คนจีนคงมองว่า พวกนี้เศรษฐีตัวจริง รองมาเป็นพวกฝรั่งยุโรป และจะมาจากประเทศไหน หากเป็นคนเอเชียด้วยกัน เค้าไม่มาตื่นเต้นด้วยหรอก เพราะอย่างบริษัทเราสั่งสินค้า 20-30 โรงงาน ตู้ละ 2-3 เดือน อาหรับสั่งกันทีเป็น 10 ตู้ต่อเดือน (อันนี้โรงงานที่เซ่าซิ่งเคยบอกมา) ไม่รู้สั่งไปถมทะเลกันหรืออย่างไรนะ???
พี่สาวสั่งมา ให้ลองสะดุดขาใครซักคน แล้วถามข้อมูลการสั่งสินค้า แต่ต้องขอโทษด้วย ที่ไม่รู้จะสะดุดใคร มีแต่คนมาสะดุดกระเป๋าลากเราอ่ะ นี่ถ้าไม่เอากระเป๋ามา อ่วมแบก Catalog แน่ๆ ที่รู้ๆ คนส่วนใหญ่ที่งาน ไม่ค่อยมีใครใส่สีสัน มีแต่เคร่งขรึม หม่นๆ วัยรุ่นอย่างเราที่ลืมเอาเสื้อสูทมาเลยเซ็ง มีแต่เสื้อคลุมสีชมพูปรี๊ดดดด เดินไปไหนมีแต่คนมองด้วยสายตาแปลกใจ 5555
วันๆ นึง หมดไปอย่างรวดเร็ว เดินยังไม่ครบบูทที่ต้องการ ทัวร์ก็นัดไปจุดนัดหมาย แล้วดันนัด 5 โมงเย็น ตรงข้ามตึก 5 บ้าไปแล้ว ทัวร์ฝรั่ง แขก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็มารอให้ฮึ่ม ณ ที่เดียวกัน เลยต้องยืนรอรถข้างถนนเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะเลี้ยวมาจอดให้ขึ้นได้ โอ๊ะโห กว่าจะได้กินข้าว
แล้วเขาก็พาไปถนนปักกิ่งหรือ Beijing Lu (เป่ยจิงลู่) เดี๊ยนนนมาเป็นครั้งที่ 5 หรือ 6 แล้ว มันไม่รู้จะซื้ออะไรอ่ะ เปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร สมัยมาถนนนี้ครั้งแรก กระเสือกกระสนนั่งรถไฟใต้ดินตอนหน้าหนาว ตัวสั่นมาคนเดียว (แต่พี่สาวที่ไม่สบาย ก็ตามมาด้วย) ตอนนั้นค่าเงินจีนยังไม่แพงถึงเพียงนี้ ซื้ออะไรก็ถูกๆๆ ไปหมด แล้วเดี๋ยวนี้ มีแต่ร้านแบรนด์เนมจีนที่ไม่รู้จักเยอะกว่าเดิม สรุปแล้ว ได้ขนมที่เหมือนห่อทอฟฟี่ที่แพงมาก ครึ่งโล 88 หยวน หยิบไปไม่กี่เม็ด เกือบครึ่งโล มานั่งนับแล้วตกเม็ดละ 7-8 บาท โอ้ววว มาย กู๊ดดเนสสสส ซื้อเมืองไทยอร่อยกว่ามั๊ยอ่ะ???
ค่ำคืนอันยาวนาน เพราะระยะทางที่แสนไกล กว่าจะจากถนนเป่ยจิงมาถึงโรงแรม ปาเข้าไป 2-3 ชั่วโมงได้ แถมวันนี้เจอโรงแรมที่ชะบอกว่ามันน่าอึดอัด กลิ่นบุหรี่แรง ห้องน้ำสกปรกซะงั้น ไม่รู้จะทำไง ดีว่าดึกแล้ว เลยข่มตาหลับได้ไม่ยาก อันที่จริง มันไกล เพราะคุณทัวร์เลือกโรงแรมราคาถูก ในเมืองตงก่วนที่ไกลจากว่างโจวมากมายมาให้ลูกทัวร์ ทั้งที่ลูกทัวร์นั้นมีแต่นักธุรกิจ เจ้าของโรงงานทั้งนั้น แล้วอีกอย่าง เมืองตงก่วน คือเมืองค้าประเวณีเสรีของรัฐบาลจีน เลยต้องขอบ่นๆๆๆๆๆๆๆ หน่อย ว่าเมื่อไหร่ทัวร์ไทย จะเลิกสนับสนุนให้คนไทยมาพักในเมืองแบบนี้ ถูกแค่ไหน ไม่ว่า แต่ข้าว่ามันไกลค้อดดดด ช่วยพิจารณาเปลี่ยนบ้างเหอะ
จบค่ำคืนนี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ง่วงนอน แต่ก็หาข้อมูลหน้าเว็บ ถึงบูทที่จะไปพรุ่งนี้จนถึงตี 3 แถมเว็บ Canton Fair มันช่างไม่เวิร์ค 555 เพราะหาเท่าไหร่ ก็ไม่เจอ ทั้งที่มันมีอยู่จริง zzz zZZZZ zzzzZZZZZZzzzz