เราไม่เชื่อในการลงโทษ แต่เราเชื่อในการตีสอน
เพราะในหนังสือโรม 8 บอกไว้ว่า “การลงโทษไม่มีแก่คนทั้งหลาย ซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์”
มันเป็นข้อความที่ลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะคนที่รู้จักพระคุณของพระเจ้า และการอภัยบนไม้กางเขน
แต่อาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกจะโดนตีสอนหนักมาก
หรืออาจจะไม่ใช่อาทิตย์ที่ผ่านมาเท่านั้น ต้องบอกว่าเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาสิ
ที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตอย่างคนที่เชื่อฟังพระเจ้าซักเท่าไหร่ จากที่ไม่เคยป่วยเลย
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ็บป่วยบ่อย กระเสาะกระแสะ ราวกับพระองค์จะบอกว่า มาพึ่งเราได้แล้ว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ขณะนั่งอยู่ในโบสถ์ แม่พูดเรื่อง “ประกันสังคม”
เราได้ยินเรื่องนี้จากแม่ทีไร หงุดหงิดทุกที เพราะแม่เป็นคนชอบสนับสนุนให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง
อยากให้ทำงานราชการตั้งแต่สมัยเรียนจบ มีสวัสดิการดีๆ จากองค์กรมั่นคงดีๆ หรือไม่ก็พวกประกันสังคม
ตั้งแต่สมัยเรียนจบ ต้องจ่ายประกันสังคม 750 บาททุกเดือน จนผ่านมาแล้ว 7 ปี ไม่เคยได้ใช้สิทธิ์
เพราะสมัยยังเรียนอยู่ไปหาหมอ หมอบอกว่าไม่ได้ใช้ประกันสังคมหรอ จะได้ให้ยาดีหน่อย!!!
เราเลยมีอคติกับไอ้เรื่องพวกนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้มารู้จักพระเจ้า เราไม่เชื่อในการเจ็บป่วย
แต่วันเวลาที่ ความเชื่อในพระเจ้า ค่อยๆ ลดลง (อันที่จริงไม่ใช่ความเชื่อ FAITH แต่เป็นการเชื่อฟัง OBEDIENCE)
ความมั่นใจในพระเจ้า ก็เป็นเหมือนกับระยะไกล แม้กระทั่ง การทรงเรียก ที่เราตัดสินใจลาออก หรือทิ้งทุกอย่างมาหลายปี
มันสั่นคลอนจนไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต โดยเฉพาะความกดดันต่างๆ ที่เข้ามาทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะผู้คน สถานการณ์ ฯลฯ
ที่เล่าเรื่องประกันสังคม ก็เพราะว่าอคติที่เรามี ทำให้เราตอบสนองความหวังดีของแม่แบบไม่ดี ตอบไม่ดี
ปัดๆ แบบรำคาญ ให้จบๆ เสียที โดยลืมไปว่าพระเจ้าบอกให้ให้เกียรติบิดามารดาในบัญญัติ 10 ประการเสียด้วย
อันที่จริง ก็จำเหตุการณ์นาทีนั้นไม่ได้ด้วย จนกระทั่ง ตกกลางคืน ไปกินอาหารทะเลที่เยาวราชด้วยความไม่ตั้งใจ
กลับมาตอนกลางคืน มีจุดแดงลายๆ ตามแขนและขา ก็ตกใจมาก คิดว่าขาตูจะลายอีกแล้วหรอเนี่ยะ
และสรุปว่าคงจะแพ้อาหารแน่เลย (ทั้งที่ชีวิตนี้ 30 ปี ไม่เคยแพ้อะไรเลยซักครั้ง ไม่ว่าจะอาหาร หรือยา)
ก็ได้แต่อธิษฐานบอกพระเจ้าว่าช่วยด้วย คืนนั้นเอาพระคัมภีร์มาอ่านใหญ่ คิดว่าตื่นมาคงจะหาย ไม่เป็นไร
ที่ไหนได้ วันรุ่งขึ้น ตัวร้อน ปวดหัว ไข้ขึ้น หมดแรง อาการมันมากอย่างไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้ว
จิมมี่ก็เป็นธุระพาไปโรงพยาบาลให้ เราบอกไปเวชธานีใกล้ๆ พอถึงโรงพยาบาล เดินก็แทบจะไม่ไหวแล้ว
แต่ไม่รู้อะไรดลใจจิมมี่ในเวลานั้น บอกว่าให้ไปโรงพยาบาลที่มีชื่อประกันสังคมเถอะ เพราะใครเห็นก็บอก
เป็นไข้เลือดออกชัวร์ ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจเราเหมือนกันให้เออ-ออ ไปต่อ
และก็ไม่รู้ว่าล่าสุดใครเลือกประกันสังคมให้เราที่ รพ.ราชวิถี สุดอานาถา ทั้งที่ก่อนหน้าเป็น เพชรเวชกะเวชธานี
จิมมี่ก็คลำทางไปเรื่อยๆ จนถึง แต่ขอโทษ กว่าจะจอดรถได้ ต้องขึ้นไปชั้น 8 และลงมาไปฝ่ายโน้นนี้อีกหลายตึก
กรณีของเรา เขาบอกให้ไปแผนก “ฉุกเฉิน” สมชื่อแผนกมาก รู้สึกจะตายอยู่แล้วบอกให้รอหมอถึง 4 โมงเย็น!!!
ไปเรียกร้องชีวิตอะไรกะที่นี่ไม่ได้เลย เพราะคนที่นี่ ไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่ พยาบาล เทคนิค ไม่เห็นว่าชีวิตเรามีค่า!
ถึงเวลาตรวจ ส่องช่องปาก ถามอาการ ก็ให้ไปนอนรอ ไข้ขึ้นมากๆ ขอยาพารา ยังบอกให้ไม่ได้ ให้รอผลเลือด
ผลเลือดออก บอกเป็นไข้วันแรกหาเชื้อไม่เจอหรอก (แล้วเจาะทำไมฟะ) แล้วก็ให้ยาพารากลับไปกินที่บ้าน
ทั้งวัน ไม่มีหมอ มีแต่เจ้าหน้าที่ฝึกหัด แถมไม่มีใครคิดว่าป่วยขนาดนี้จะต้อง Admit นอนที่โรงพยาบาล
ยังไม่ทันลุกจากเตียงห้องฉุกเฉิน พยาบาลตะโกนเตียงว่าง คนที่ดูแย่กว่า หน้าตาดีใจอย่างเหลือล้น จึงได้เข้าใจ
ที่ว่าโดนตีสอนนั้น ก็เรื่องไม่เห็นความหวังดีของแม่ จนต้องเข้าโรงพยาบาลอานาถานั่น เบื้องต้น
วันต่อมา ยังป่วยหนักอยู่ ต้องไปหาหมออีกรอบ แน่นอนว่า ไม่เข้า รพ. เดิมแน่ๆ คราวนี้ไป รพ.รามคำแหง
ซึ่งปกติเข้าใจว่าเทียบเคียงกับพวกเพชรเวชที่เราเคยเข้าประจำ ไปถึงไข้ประมาณ 39-40 พอๆ กับวันก่อน
คุณหมอดูอาการปุ๊บ ให้ admit นอนโรงพยาบาลอย่างไม่มีกำหนด ตอนแรกไม่รู้จะเลือกห้องแบบไหนดี
เลยขอห้องเดี่ยว VIP เพราะเกิดมาในชีวิต ไม่เคยป่วยจนต้อง admit เข้าไปนอนโรงพยาบาลที่ไหน
แต่พอจิมมี่มา ก็ดูให้ เลือกห้องโลโซเกือบสุดให้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ตกดึกพยาบาลมารายงานผลตรวจ
บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B ส่วนจุดแดงๆ หมอบอกว่าไม่ใช่รอยแพ้อาหาร แต่หมอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร
ไอ้หยา…เป็นทั้งไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก เลยหรอเนี่ยะ พระเจ้าช่วยด้วย ขอให้ลูกหายไวๆ เถอะนะ!!!
พอตอนเย็นของอีกวัน อาการดีขึ้น แม้จะยังหนักอยู่ ด้วยสังหรใจยังไงไม่รู้ รีบเชคเอาท์ออกดีกว่า
พยาบาลมาแจ้งตัวเลข อึ้งกิมกี่ไปพักใหญ่ นอนคืนเดียว เหยียบบบ 2 หมื่น รีบจ่ายตังค์กลับไปป่วยที่บ้านด่วน
นี่ถ้าใส่ใจเรื่องประกันสังคมก่อนหน้านี้ซักหน่อย ก็ไปนอนโรงพยาบาลดีๆ ว่าอานาถากี่คืนก็ยังได้
เฮ้อ … แล้วนี่ก็ไม่ใช่แค่บทเรียนเดียวที่ถูกตีสอน แต่ชีวิตยังได้อะไรอีกเยอะมาก จนตอนนี้อยากจะอยู่คนเดียว!!!