Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

Who will go for Us? – ใครจะไปบอกที่สุดปลายแผ่นดิน?

วันนี้ขณะที่นมัสการพระเจ้ากับกีต้าร์ เปิดเล่นตั้งแต่ Key A-G ไปจนจะหมดเล่มแล้ว ยังไม่สัมผัสอะไรมาก ได้ถ้อยคำจากบางเพลงมาเล็กน้อย หนุนใจได้บ้าง แต่ในใจยืนยันว่าไม่ว่าจะรู้สึก หรือไม่รู้สึก เราจะยังนมัสการพระเจ้าต่อไป วันนี้ทิ้งงานที่กังวลไว้ก่อน อยากจะอยู่อย่างนั้นทั้งวัน แม้ไม่รู้สึกอะไร … แค่อยากใช้เวลากับพระองค์บ้าง เพราะหลังๆ มา ไม่ค่อยได้มีเวลาส่วนตัวเลย

จนกระทั่งมาถึงเพลง To the End of the Earth และเพลง We Speak to Nations เกือบหน้าสุดท้าย
แม่น้ำไหลออกมาเป็นสาย ทั้งจากสวรรค์ลงมายังห้อง และจากดวงตาน้อยๆ ลงกระดาษทิชชู่
นานมากแล้ว ….. ที่ไม่ได้ร้องเพลงแห่งการทรงเรียก
นานมากแล้ว ….. ที่อดทนนนน รอคอยยยย บางอย่างมานานแสนนานนนนน จนเกือบลืมไป

ท่อนนึงของเพลงบอกว่า
Hear the sound …
The sound of the nations calling
The sound of the fatherless crying …

ทั่วโลกกำลังปั่นป่วน เหตุการณ์ตามที่พระคัมภีร์ให้ไว้ เกิดขึ้นจริงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ไม่ว่าจะข่าวลือเรื่องสงคราม การกันดารอาหาร แผ่นดินไหวที่มากขึ้นทุกวันๆ และอีกมากมาย ฯลฯ
เสียงของผู้คนทั่วโลก กำลังร้องไห้อย่างก้องกังวาน
เสียงของผู้คนที่อยู่ในความกลัวกำลังส่งเสียงระทมทุกข์ … เพลงถามต่อไปอีกว่า
Who will go for us?
Who will shout to the corners of the earth that Christ is King?

ทำไมเพลงถึงกระแทกใจ???

ครั้งนี้ เป็นสิ่งที่กระแทกใจมาก เพราะเมื่อวันก่อน คุยกับน้องผู้ชายคนนึง เรื่องเพลงภาษาอังกฤษ
ย้อนไปหลายเดือนก่อนเคยอธิษฐานเผื่อน้องคนนี้ ขณะที่อธิษฐาน สัมผัสคำเผยพระวจนะ ที่พระองค์อยากให้บอกเค้า
พระเจ้าจะใช้น้อง…ไปนำคน ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ต่างประเทศ ที่สุดปลายแผ่นดินโลก …
โดยปกติ น้องชอบค้าน เวลาพวกพี่ๆ ร้องเพลงนมัสการภาษาอังกฤษ และชอบบอกว่าผมร้องไม่เป็น
แต่เวลาเพลงร็อค หนักๆ จากต่างประเทศ กลับเป็นแฟนตัวยง และร้องได้ เราก็ เฮ้ย นึกว่าไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย
วันก่อน ด้วยจำสิ่งที่พระเจ้าจะเรียกใช้เค้า จึงบอกน้องไปว่า “ฝึกภาษาอังกฤษเพลงนมัสการไว้นะ พระเจ้าจะให้…ได้ใช้
ไม่รู้หรอกนะ ว่าน้องไปฟังอะไรมาจากไหน น้องตอบว่า “ผมเป็นฆารวาส ไม่ได้เป็นผู้รับใช้
ต่างคนต่างงง แล้วก็แค่บอกไปว่า “วันนึง พระเจ้าจะเรียก

มนุษย์มักกำหนดอะไรกันเอาเองเสมอ “ฆารวาส” ก็ไม่เคยเป็นศัพท์ที่บัญญัติมาจากพระคัมภีร์
แล้วพระคัมภีร์ก็ไม่เคยบอกซักหน่อยว่า คนที่รับใช้พระเจ้า จะต้องได้รับค่าจ้างรายเดือนเหมือนพนักงานออฟฟิศ!!!
ขอถามหน่อยว่า เปาโล เป็นผู้รับใช้หรือฆารวาส เพราะเปาโลเทศนา สั่งสอน ขณะที่เย็บเต็นท์หารายได้เลี้ยงชีพ???
พระคัมภีร์ ไม่เคยบังคับว่า หากใครซักคนจะประกาศเรื่องพระเยซู จะต้องลาออกจากงานมาเป็น “ผู้รับใช้เต็มเวลา” และก่อนพระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ไม่ได้พูดใส่ไว้ในวงเล็บว่า “เจ้าทั้งหลาย (ที่มีของประทาน) จงออกไปทั่วโลก ประกาศ สั่งสอน ให้ทุกคนดำเนินตามคำสอนของพระองค์” … ไม่มีของประทาน แต่อยู่ในงานที่ทำให้พระมหาบัญชา เป็นหัวใจหรือเปล่า???

ในหนังสือ อิสยาห์ 6:8 เพราะเจ้าตรัสว่า “Who will go for Us?เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา?
ตลอดชีวิตคริสเตียนที่ผ่านมา เห็นคนที่มีหัวใจ อยากทำอะไรเพื่อพระเจ้า “ซักวันหนึ่ง
และซักวันนึงของคนส่วนใหญ่ คือบั้นปลายชีวิต ที่หมดแรงกำลัง ไปกับการหาความมั่นคงของชีวิต
เห็นคนเก่งมากๆ หาเงินเก่งมากๆ แต่ไม่เคยมีเวลาทำในสิ่งที่เคยอยากจะทำจริงๆ ในงานรับใช้
และเห็นหลายคน ที่ต้องจากโลกนี้ไปก่อน ก่อนจะได้ทำตาม “ความฝัน” ของเขา

พระเจ้าไม่ได้เรียกทุกคนจริงหรือ???

นี่เป็นคำถามที่ไม่ควรเอาศาสนศาสตร์เข้ามาถกเถียง
คำถามนี้ พระเจ้าต้องการ “อาสาสมัคร” คือ คนที่ตอบพระเจ้าอย่างอิสยาห์ว่า “Here am I! Send me
พระเจ้าอาจไม่บังคับใครโดยบอกว่า ไปทำนี่สิ ไปทำโน่นสิ เพราะถ้าบอก แล้วใจยังคัดค้านอยู่ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ในพระคำที่เราอ่านกัน มีมากมายหลายตอน ที่บอกให้รู้ว่า สิ่งที่เรามีทั้งหมด เงินทอง ชื่อเสียง ฯลฯ แม้แต่ลมหายใจ
เป็นของประทานจากเบื้องบน บางคนมีมาก บางคนมีน้อย แต่วันนึง เจ้าของจะมาคิดบัญชี ว่าเกิดประโยชน์อะไรบ้าง

จะมีกี่คน ที่จะตอบสนองคำถาม “ใครจะไปแทนเรา?
เป็นสิ่งที่น่าปวดใจ เมื่อมองเห็นจำนวนคริสเตียนในประเทศไทย 0.5% เป็นประเทศที่น้อยที่สุดในโลก!!!
ถ้ามีคนบอกว่า “ข้าพระองค์จะไปเพื่อพระองค์” กันมากแล้ว ประเทศไทยเรา คงมีผู้เชื่อมากกว่านี้นานแล้ว
ไม่ได้บ้า ศาสนา ไม่ได้บ้า ตัวเลข แต่คนที่พบพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดี ว่าชีวิตดีขึ้นมากแค่ไหน เมื่อได้รู้จักพระองค์จริงๆ

เหมือนกับเพลง Amazing Grace ที่บอกว่า “was blind, but now I see” คนที่ไม่รู้จักพระเจ้า
ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเดินอยู่ในทางที่ผิดบาป ชีวิตมีแต่เลวร้าย จนได้เจอกับแสงสว่าง จึงรู้ว่าเมื่อก่อนตาบอด บัดนี้เห็นแล้ว
เหมือนกับประเทศเกาหลี ยากจน ข้นแค้น จนเมื่อคริสเตียนในประเทศเติบโต เป็นนักอธิษฐาน ความเจริญก็มาถึงด้วย
เช่นเดียวกับประเทศไทย การเมืองมีแต่เรื่องสกปรก คอรัปชั่น ปัญหายาเสพติด รถติด การค้าประเวณี การหย่าร้าง ฯลฯ
แต่ถ้าพระเจ้าไปนั่งอยู่ในหัวใจคนไทยจำนวนมากเมื่อไหร่ เราจะได้เห็นประเทศของเราเจริญ มีความสุข สดใสจริงๆ
เพราะพระองค์มีฤทธิ์อำนาจเปลี่ยนสิ่งเลวร้าย กลายเป็นดีได้ “เพราะพระเยซูมา เพื่อให้ทุกสิ่ง ครบบริบูรณ์

ขอบคุณพระเจ้า สำหรับสิ่งที่พระองค์ให้ไว้ สิ่งที่พระองค์ตรัส และใส่ไว้ในใจตั้งแต่เด็กมา
เรารู้ว่าเราเป็นใคร และที่สุดแล้ว เราจะทำอะไร เพราะพระองค์พูดแล้ว สิ่งที่พระเจ้าพูด เป็นจริงเสมอ
แม้โลกนี้พยายามบอกว่ามีอะไรหลายสิ่งสำคัญกว่า แต่ถ้าใครซักคนอาสาแล้ว พระเจ้าจะส่งไป

เพลง We Speak to Nations เป็นปฐมบทแรกในการเขียน Blog
เพราะขณะที่วันนี้หา VDO บน Youtube ก็บังเอิญไปเจอคำเทศนาของ Judy Jacobs
เกี่ยวกับ “ความฝัน นิมิต และคำเผยพระวจนะ” เป็นสิ่งที่หนุนใจ ให้กับชีวิตที่เดินทางมาจุดที่ต้องรอคอยแสนนานนน
และทำให้ เรารู้เหตุผล(แบบจริงๆ) ว่าทำไมเราถึงยังไม่ตาย!!!???

“When God give you a dream, it gives to no one else, but you
It’s your dream. It doesn’t belong anyone else
God said – – – If you’re FAITHFUL with LITTLE, I’ll be FAITHFUL with MUCH – – –
That’s why you have to take it & work & never give up”

เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่ มันกำลังรีบไปถึงความสำเร็จ มันไม่มุสา
ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก” [Hab 2:3]

[ จะมาแบ่งปันคำเทศนาของ Judy Jacobs ในคราวต่อไป … ส่วนนิยายตอนต่อ ก็ยังไม่ลืม 555 ]

Leave a comment »