Popsyz ::: This Blog is Now Yesterday.

Move from MSN space, daily update nothing

ความรักหนุ่มสาว – Love of Young Gal

เวลาได้ยินเพลงฮิตวัยรุ่น ทำให้นึกถึงอดีต สมัยเคยเป็นวัยรุ่น  และนึกภาพตอนนั้น ชอบแต่งกลอนรัก ใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วๆ ไป และมองว่าชีวิตคริสเตียนที่จริงจัง เป็นเรื่องตลก ยิ่งพวกเรียนพระคัมภีร์นี่ สงสัยว่าไม่รู้จะไปเรียนอะไร 555 … หากเวลานี้ เมื่อย้อนกลับไปมองชีวิตตอนโน้นนนน ชีวิตวัยรุ่นตอนนั้นสิ ตลกชมัด ไม่รู้ตัวเลยว่าความสว่างคืออะไร รู้แต่เมื่อนึกถึง ก็ยิ่งขอบคุณพระเจ้า  ที่เป็นเวลาแห่งการทรงเรียก หรือที่คริสเตียนเรียกว่า The Calling ซึ่งไม่ใช่เพียงการทรงเรียกให้กลับใจจากบาป แต่พระเจ้ายังให้โอกาสในการรับใช้มากมาย ที่เคยคิดว่าเรียนพระคัมภีร์ไร้สาระเนี่ยะ ตอนนี้อยากเรียนใจจะขาดดด
 
พระวจนะของพระเจ้า คมยิ่งกว่าดาบสองคม แทงทะลุจิตและวิญญาณ และมีผลต่อชีวิตจริงๆ … ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกถึงความรักแบบคนหนุ่มสาว ก็ผ่านมาได้ซัก 2-3 ปีแล้ว แอบชอบผู้ชายคนนึงโดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัว ก็คลั่งไคล้ไปกันใหญ่แล้ว ทั้งที่คนนั้นไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำมั๊ง แล้วก็เก็บมาเป็นอารมณ์อกหัก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่จะลืมหน้าเขาได้ ละเมอเพ้อพก บ้าบอ แต่ดีว่า The Calling  มาถึงในเวลานั้นพอดี จากที่เคยคิดว่าการใช้เวลาในการเฝ้าเดี่ยว อธิษฐานมากๆ อ่านพระคัมภีร์ เสียเวลา เอาเวลาไปหาความรู้ใส่ตัวดีกว่า กลับถูกพระเจ้าเรียกให้ผูกพันกับพระคัมภีร์ไม่รู้ตัวเช่นกัน เพียงแค่ช่วงเวลาแค่กระพริบตา พระองค์ได้เปลี่ยนทัศนคติไปมากมายหลายอย่าง … พระเจ้าอยู่ใกล้มนุษย์ทุกคนมาก แต่มนุษย์ไม่รู้หรอก ว่ามากแค่ไหน จนกว่าพระเจ้าจะเปิดเผย การทุ่มเวลาให้กับพระวจนะพระเจ้า ไม่เคยคิดว่าเสียเปล่าอีกเลย เพราะสติปัญญาของมนุษย์ เป็นความโง่เขลา ในสายพระเนตรของพระเจ้า … เป็นสิ่งพิเศษมากๆ ในตอนนั้น ที่ได้เรียนรู้การฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า และที่ผ่านมาก่อนหน้า พระเจ้าก็ตรัสกับเรามาตลอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นพระองค์
 
เช้าวันหนึ่ง ตื่นขึ้นมา มีความรู้สึกอาลัย อาวรณ์ผู้ชายคนนั้น แม้จะแอบรักเขาข้างเดียวก็เหอะ ยังฝันลมๆ แล้งๆ ที่จะได้เจอ ได้สนิทสนม เป็นความรู้สึกอกหัก มากกว่ารู้สึกดี ในตอนสายวันนั้น พระวจนะของพระเจ้ามาถึง กรีดกลางใจ  พอดีว่า "จงตัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้า เพราะความหนุ่มสาวและวัยฉกรรจ์นั้นเป็นอนิจจัง" [Ecc 11:10] ข้อนี้ไม่ใช่ว่าก่อนหน้าไม่เคยอ่าน แต่ครั้งนั้น มันเหมือนมีพลัง ว๊าบบบบ ว่านี่เป็น เรม่าห์ ที่พระเจ้าต้องการจะสื่อให้เราโดยตรง และมีผลต่อจิตวิญญาณทันที ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยนึกถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย ไม่เคยตื่นเช้ามา แล้วต้องคิดถึงคนๆ นี้อีก หากแต่คนที่คิดถึง เป็นพระเยซูแทน แถมเป็นสันติสุขเกิดบรรยาย

ต่อมาไม่นาน ไอ้เพลงทั้งหลาย ที่คริสเตียนเรียกมันว่า "เพลงชาวโลก" อ่ะนะ ก็เริ่มไม่ได้โหลดเพลงที่ออกมาใหม่ๆ แต่ก็ฟังเพลงที่มีอยู่หลายพันเพลง เนื้อหาก็ประมาณ "ความรัก" ฉันรักเธอ เธอไม่รักฉัน ฉันรักเธอ บ่นๆๆๆๆๆ บลา บลา บลา … ทำไมมันสวนทางกับความรักของพระเจ้าจังเลย อกหักแล้วทำไมต้องมาร้องเพลงด่ากันด้วย อกหักแล้วทำไมยิ่งฟังเพลง ก็ยิ่งทำให้เสียใจ และจบความสัมพันธ์แบบมองหน้ากันไม่ติด ทำไมไม่เหมือนความรักพระเจ้า ที่รักเราเสมอ อย่างไม่มีข้อแม้ ว่าต้องรักพระองค์ตอบ … ความรักของพระเจ้า ไม่ซ้ำซากจำเจ แต่สดใหม่ทุกวัน และรู้ว่าไม่มีวันหมดรักเราด้วย แม้เราจะทำผิดพลาดซักแค่ไหน พระองค์จ่ายราคาความบาปนั้นหมดแล้ว เมื่อเกือบ 2 พันปีก่อน ด้วยชีวิตของพระองค์เอง

วันหนึ่ง ขณะที่ฟังเพลงความรักชาวโลกอยู่ พระเจ้าถามว่า "เอาเวลาฟังเพลงพวกนั้น มานมัสการเราไม่ดีกว่าหรือ?" หืมมม พระองค์ถามผิดคนหรือเปล่า นี่เจ้าแม่เว็บ Lyric เพลงสากลนะ ลูกกำลังสะสมเพลงสากลเป็นหมื่นเพลง อัพเดทเพลงฮิตทุกอาทิตย์ แล้วอยู่ๆ จะพับโครงการยิ่งใหญ่ลงไปได้ยังไง … แปลกแต่จริง ก็ไม่รู้ทำไม เลิกได้ในเวลาอันรวดเร็ว เว็บที่ทำมาหลายปี [ven4u.net] หยุดลงโดยปริยาย … อาจเพราะ ครั้งนึง พาน้องที่เพิ่งรับเชื่อไปโบสถ์ สอนน้องเรื่องคำอธิษฐานของพระเยซู แต่พอกลับบ้านตอนอธิษฐานส่วนตัว บอกพระองค์ว่า "ทำไมต้องกล่าวว่า ขอให้พระนามพระองค์เป็นที่เคารพสักการะด้วยล่ะ ลูกจริงใจนะ ไม่ต้องอธิษฐานอย่างนี้บ่อยๆ ก็ได้ ลูกเคารพพระองค์ แต่ลูกนึกคำสรรเสริญพระองค์ไม่เป็น หวังว่าพระองค์ไม่โกรธ" ปรากฎว่า วันรุ่งขึ้นตอนเฝ้าเดี่ยว พระเจ้าตรัสผ่านหนังสือสดุดีเพียบบบบบบบ นึกแล้วยังตกใจไม่หาย ที่สดุดีมีเหตุผลเป็นล้านข้อ ที่เราควรเยินยอ สรรเสริญพระเจ้า

 
ตั้งแต่นั้นมา … จากที่ชอบกั๊กเวลานมัสการพระเจ้า คนอื่นยกมือ เราไม่ยก คนอื่นยืน เราอยากจะนั่ง กลับกลายเป็นว่า อยากจะสรรเสริญพระเจ้าจากหัวใจแบบสุดๆ และไม่เคยอยากฟังเพลงชาวโลกให้รำคาญหูอีกเลย พระเยซูตรัสใน John 14:27 ว่า "สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้" สันติสุขของพระเจ้า อยู่ในการนมัสการจริงๆ เมื่อเรานมัสการจนเหมือนเข้าไปถึงห้องชั้นใน เมื่อเราเห็นพระสิริของพระองค์ โลกนี้ คือ หยากเยื่อ และราคี … เราไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่พระเจ้าได้เปลี่ยนเราด้วยพระคำอันเป็นฤทธิ์เดชและจิตวิญญาณของพระองค์
 
ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกมีวันนี้ วันที่พระวจนะของพระองค์ทำงานในชีวิต ให้คนบาปในความมืดคนนึง ได้รับสิทธิพิเศษ เข้าไปนั่งต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ ตรงบัลลังก์อันสง่างาม เพื่อนมัสการและสรรเสริญพระองค์ตลอดไป ในสรวงสวรรค์ที่พระองค์จ่ายราคาให้แทน เป็นเพราะความรักของพระองค์ ทำให้ชีวิตลูกเปลี่ยนไป แม้มีนิสัยหลายอย่างที่ยังไม่เปลี่ยน แต่เชื่อว่าพระองค์จะช่วยให้เปลี่ยน … ลูกรอคอยอยู่ ลูกรอคอยพระองค์ ที่จะอยู่ที่นั่น นิจนิรันดร์ และพระองค์กำลังจะกลับมา
 
"เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้น จะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้ง เหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก  แต่ความรักใหญ่ที่สุด" [1 Corin 13:11-13]
 
 
8 Comments »

Sufficiency

In John 6 [NKJV]

1. Jesus asked Philip about the bread, he answered "not sufficient" for 5000 people. [6:7] but if we read until end of story, we know it’s SUFFICIENT cuz we have JESUS. Jesus can do every situation is sufficient for us! Don’t give up.
2. Jesus said "Make the people sit down" We have to follow the command of God even we are in the crisis & circumstance seems impossible for our thought. [6:10] If it’s God’s voice & will, we gotta do it immediatly!
3. Jesus given THANKS [6:11] Let’s choose to be thankful for existence first. God will multiple it more than we think (2 Corin 9:15)
4. Jesus ordered disciples to "gather up the fragments that remain" [6:12] Don’t neclect the grace from Father to waste in vain & it’s always fullfill. ^__^
 
Thank God, my Father!
Only JESUS, everything in my life … is sufficiency.
God = Love, Love never fails = Jesus never fails
2 Comments »

ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นของพระเยซู – My life is in the Lord

ตอบคำถามชาวโลก – Answers to You, friend of this world.

คำถาม: ทำไมเธอถึงไม่คิดจะหาความก้าวหน้าในชีวิต? การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้มีวิสัยทัศน์ และประสบความสำเร็จในชีวิตนะ. เธอจะไม่เปลี่ยนแปลงถ้าไม่รู้จักเรียนรู้

เราเลือกจะเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อจะรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น (จะตอบด้วยความเย่อหยิ่งฝ่ายวิญญาณหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอบจากใจ) เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา เราได้ทิ้งความฝันของตัวเองหมดแล้ว จุดมุ่งหมายในชีวิตที่เคยค้นพบ สิ่งต่างๆ ที่เคยอยากจะประสบความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง ความก้าวหน้า ธุรกิจ ฯลฯ มันถูกทำลายโดยพระวจนะของพระเจ้า จนไม่เหลืออีกแล้ว เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนั้นอีกแล้ว แต่เราเกิดมาเพื่อให้พระเจ้ามีชีวิตอยู่ในเรา ถูกเปลี่ยนแปลงโดยพระองค์ ไม่ใช่ด้วยตัวเราเอง และเดินไปตามที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็น

"แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ซ่อนไว้ในทุ่งนา…เพราะความปรีดี จึงไปขายสรรพสิ่งซึ่งเขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น" [Matt 13:44] แผ่นดินของพระเจ้าตั้งอยู่ตรงหน้าเหมือนขุมทรัพย์ โลกนี้ เป็นที่อาศัยเพียงชั่วคราว การสละสิ่งสารพัดที่มีอยู่ทั้งโลก เพื่อแลกกับการที่วันหนึ่งจะได้นั่งอยู่ในพระสิริของพระองค์ ในอาณาจักรที่จะยั่งยืนเป็นนิตย์ คุ้มค่ากว่ากันเกินจะบรรยาย

"ถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา" [Matt 16:26] ชีวิตคริสเตียน ถ้ามองด้วยสติปัญญาของมนุษย์ มันก็เป็นเพียงเรื่องโง่ๆ เรื่องหนึ่ง แต่ด้วยความเชื่อ สิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้ มันคือความจริงทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แผ่นดินสวรรค์, โลกหน้า, ชีวิตนิรันดร์ ฯลฯ หากมันเป็นเพียงสิ่งโกหก ทำไมคริสเตียนทุกยุคสมัย จึงยอมตายเพื่อแลกกับการปฎิเสธพระเยซู?

เพื่อนไม่ผิดหรอกที่ถามอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพระเจ้าเปิดเผยสิ่งเหล่านี้ เราก็ยังไขว่คว้าอนาคต อย่างหนุ่มสาวทั่วไป ที่รักความก้าวหน้า วิ่งไล่ล่าความฝันกับธุรกิจ อยากยืนอยู่บนความสำเร็จของตัวเอง โดยส่วนตัว ยังคิดไม่ถึงด้วยว่าจะมีวันนี้ วันที่ "สามารถ" ทิ้งเป้าหมายสูงสุด และเปลี่ยนจุดยืนในชีวิตได้มากมาย ขอบคุณพระเจ้าที่เรียกลูกออกมาจากโลก ลูกเชื่อว่าพระองค์จะช่วยให้ลูกไปถึงสิ่งที่พระองค์จัดเตรียมไว้ให้ในวันนั้นได้

มนุษย์เราอาจใช้เวลาอยู่กับการแสวงหา พัฒนาความรู้ ความสามารถบนโลกนี้ ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพให้ดี แต่พระคัมภีร์ปรารถนาให้ลูกพระเจ้าทุกคน ฝึกฝนจิตวิญญาณมากกว่ากาย (1 Tim 4:8) เพราะเรื่องของจิตใจสำคัญยิ่งกว่าชีวิตที่วันนึงต้องตายไปบนโลกใบนี้ ด้วยว่าจิตวิญญาณจะยังคงอยู่นิรันดร์ ไม่นรก ก็สวรรค์ ที่ใดที่หนึ่ง

บางครั้ง ความรัก ความชอบ ความฝัน ส่วนตัว ทำให้เราอยู่ใต้อำนาจของสิ่งนั้น โหยหา และปรารถนาจะตอบสนองตัวเองด้วยการอยู่กับมัน "ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย" [1 Corin 6:12] เมื่อไหร่ที่เราถูกควบคุมสิ่งที่ต้องการ มันคือรูปเคารพ และจะเกิดช่องว่างระหว่างเรากับพระเจ้าเสมอ

ปัญญาที่เราควรแสวงหา ไม่ใช่ตามมาตรฐานของมนุษย์ "เรากล่าวถึงเรื่องปัญญา…แต่มิใช่เรื่องปัญญาของยุคนี้ หรือเรื่องปัญญา…ในยุคนี้ ซึ่งจะเสื่อมสูญไป" [1 Corin 2:6] ไม่ใช่ทุกความคิดของมนุษย์จะเป็นประโยชน์เสมอไป "เพราะว่าปัญญาของโลกนี้ เป็นความโง่เขลาในสายพระเนตรของพระเจ้า" [1 Corin 3:19]

ขอฤทธิ์อำนาจความรักของพระเจ้า ช่วยเปิดตาฝ่ายวิญญาณเพื่อนๆ ทุกคน ที่อยู่ในวังวนของคำถามที่ว่า "ชีวิตเราอยู่บนโลกนี้เพื่ออะไร?" และตั้งความหวังของตนขึ้นมาโดยปราศจากพระเจ้า ให้ได้รู้จักกับพระเยซู ผู้เป็นคำตอบทุกอย่างของชีวิตและสรรพสิ่งทั้งปวง เราเกิดมาทำไม และสุดท้ายแล้ว ชีวิตจะลงเอยอย่างไร พระเจ้ามีความรักอันยิ่งใหญ่เสมอ ขอกำแพงที่ปิดตาพวกเขาพังทลายลง ในพระนามพระเยซู อาเมน และ อาเมน

"อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลก และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์" [1 John 2:15-17]

I’m not perfect now but God call me to be perfect by His grace, not my own.
==================================================

Question: Why don’t you want to seeking an achievement of life? Learning new things makes you got visions & success. You cannot change yourself without learning. The heart of "Success" is "Change". Stay Foolish!!

Yep, I choose to learn about Jesus to know Him more. (I don’t know it’s spiritual haughty or not but it’s from my heart) 2 years ago, I have left my all dreams already. The purpose for living that I ever covered, succession, having a fame, foundation on richness, progess of biz, etc… It’s all broken down & lost by the Word. I was not born to that thing anymore but for God who live in me. I keep being changed by Jesus, walk along the way of His will, not mine.

[Matt 13:44] Heavenly kingdom is in front of me now. This world is a moment & temporary. Certainly, It’s worthy to leave all things & abide in the glorious place forever. Unexplainable gain.

[Matt 16:26] If we are judged by the wisdom of this world, christian life is just a FOOL. Only by faith, God’s promises is absulutely true. No matter what heavenly place, next world, immortal life, etc. How’s it a lie, christians in every generations could die for, to refuse denial of JESUS.

You are not wrong to asked me this. Unless God revealed himself to me, I still chase the future such a young who like going forth, catch the dream of biz, plz to be in my succession. I never think to have this time that "could" throw out my highest destination & change many living points. Thank Jesus who calls me out of world. I believe that You help me to reach that day of salvation.

Men may spend their time with seeking, training knowledges & abilities, taking care health. The Word says that it’s better to train our spirits (1 Tim 4:8). Cuz the mind is more important than the mortal body, spirit continues forever, in heaven or hell, somewhere.

We may be under of authority of our favours, such as own pleasure & dream, boy/girlfriend, and desire to spend life with that. [1 Corin 6:12] Whenever we are controlled, it’s always an idol which transverse us from presence of God.

[1 Corin 2:6] The wisdom of God is not such as human standard. [1 Corin 3:19]

Let’s say Amen for opening the eyes of my friends who are realizing "What are we living for in this world?" to meet Jesus, who is the key of our life, the answer of all creatures. Let’s shout to the stronghold that "be broken" in the name of Jesus.

3 Comments »

Authority (อีกแล้ว)

เมื่อสักครู่ก่อนจะเขียน Blog ปวดท้องอย่างแรง  (ปวดท้องทุกครั้งหลังกินพิซซ่า  แต่แม่ซื้อมาเลี้ยงวันเกิดแม่ ก็เลยหม่ำๆ) นึกถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้าที่ประทานให้แก่อาดัม ในการควบคุมโลกใบนี้ขึ้นมา คือสิทธิอำนาจที่จะสั่งสิ่งใดในโลกก็ได้ ให้เป็นไปตามปรารถนาตัวเอง … สิทธิอำนาจนี้ มนุษย์เคยสูญเสียมันไป เมื่อครั้งแรกที่ได้ล้มลงในความบาป ความสัมพันธ์ของพระเจ้าและมนุษย์ถูกแยกออกจากกัน สิ่งลับลึกนี้ จึงถูกปิดซ่อนมาช้านาน มนุษย์ไม่ได้รู้ถึงอำนาจนี้อีกต่อไป จนกระทั่ง …
 
เมื่อความรักของพระเจ้า ถูกสำแดงออกผ่านพระเยซู ด้วยการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน พระองค์ไถ่เราจากความบาป และความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้า ถูกรื้อฟื้นคืนมา พระคัมภีร์จึงพยายามบอกถึงสิ่งยิ่งใหญ่นี้แก่เรา ว่า พระเยซูมาเพื่อทำลายกิจการของมาร [1 John 3:8] พระเยซูมาเพื่อเราทั้งหลายจะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ [John 10:10] พระเยซูให้เรามีอำนาจเหยียบงูร้าย (สัญลักษณ์ซาตาน) และแมงป่อง (สัญลักษณ์ความเจ็บปวด เจ็บป่วย) และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่เราได้เลย [Luke 10:19] ไม่ได้มีแค่นี้ หากแต่มีพระสัญญามากมายแทบนับไม่ถ้วน ที่เราจะสั่งโรคภัยไข้เจ็บ ในพระนามพระเยซูให้หายไป
 
เรามาวิเคราะห์กันดีกว่า พระเยซูมาเพื่อทำลายกิจการของมาร แสดงว่ากิจการของมารถูกทำลายไปแล้ว เพราะหนังสือวิวรณ์ก็บอกไว้ ว่าชนะแล้ว ด้วยพระโลหิต และคำพยานของพวกเขาเอง แปลว่าอะไรล่ะ ก็แปลว่าเราต้องเชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์บอก และเป็นพยานสิ่งที่พระเจ้าทำกับเรา … ชีวิตที่ครบบริบูรณ์คืออะไร คือ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ สำหรับผู้เชื่อ เว้นแต่เขาไม่เชื่อเอง  เช่น คนเป็นใบ้ที่รับเชื่อพระเยซูแล้ว จำเป็นต้องเป็นใบ้อีกไหม? ความเป็นใบ้นั้นใช่ชีวิตที่สมบูรณ์หรือเปล่า? เรารู้คำตอบแน่นอน เหตุใดจึงยังไม่เชื่อและรับเอาชีวิตบริบูรณ์นั้นเล่า? … สิ่งที่เรียนรู้อย่างนึงคือ พระเจ้าสัตย์ซื่อ ไม่เคยมุสา ถ้าพระคัมภีร์สัญญาเช่นนี้แล้ว ใครเล่าที่จะเปลี่ยนได้ จะมีก็แต่วิญญาณแห่งการมุสา อย่าไปเชื่อมัน!!!
 
ส่วนสิทธิอำนาจอีกอย่าง คือ อำนาจเหนือมารซาตาน และความเจ็บป่วย เจ็บปวด เราสามารถมีชัยชนะเหนือวิญญาณชั่วร่วมกับพระเยซูได้ ด้วยการเชื่อสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเราบนไม้กางเขน ว่าพระองค์ตายแทนบาปของเรา และมีชีวิตใหม่ร่วมกับพระเยซู เพราะพระองค์เป็นขึ้นใหม่แล้วเหมือนกัน และสิ่งสำคัญอีกอย่างของพระสัญญานี้คือ ไม่เพียงแต่เรามีอำนาจเหนือความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่เรามีอำนาจเหนือความเจ็บปวดทางอารมณ์ด้วย … หากอยากรู้ว่าทำไม ขอเชิญอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลพันธสัญญาใหม่ทุกเล่ม แล้วชีวิตท่านจะไม่เหมือนเดิม

อ้อ ลืมบอก ที่บอกว่าปวดท้องแล้วนึกถึงอาดัม (ลืมนึกถึงเอวาน่ะ) แค่ออกเสียงสั่งในนามพระเยซูปั๊บนะ ยังไม่ทันคิดเลยว่าเราเชื่อหรือเปล่า หรือมันจะไปมั๊ย ต้องรอเวลาหรือไม่ มันก็ไปเสียก่อนแล้ว เหมือนมีอะไรวิ่งหนีแว๊บไปเลย เพราะอาการปวดไม่ได้แค่ลดลง แต่หยุดชะงักเหมือนอาการมันวิ่งออกไปได้เอง ขอบคุณพระเจ้า พระนามพระเยซูยิ่งใหญ่ และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างแท้จริง … ฮาเลลูยา ขอบคุณพระเจ้า

 
P.S. // วิญญาณชั่ว คือ พวกวิญญาณที่อยู่เบื้องหลังการไหว้รูปเคารพทุกชนิด อยู่เบื้องหลังของคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทุกคน มันหลอกคนให้เชื่อว่าเป็นผีวนเวียนในโลกนี้ ให้คนกลัว กราบไหว้พวกมัน แต่พวกนี้ ไม่มีอำนาจเหนือลูกพระเจ้าที่เชื่อในพระนามพระเยซูทุกคน เพราะความรัก ทำให้เราไม่มีความกลัว
3 Comments »

อาวุธสุดยอด พระทัยพระคริสต์ : The Shelter of LOVE

เมื่อหลายวันก่อน ได้ค้นพบจุดอ่อนที่สุดของตัวเองอย่างหนึ่ง เป็นจุดที่ไม่คิดมาก่อน ว่าถ้าโดนแล้วมันจะเจ็บขนาดนี้ และเป็นจุดที่ใครก็ตาม มาแตะต้องไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องแน่นอน ถ้าไม่ทิ้งระเบิดตรงนั้น ก็ต้องน้ำตาท่วมที่นอน แต่ทว่า ครั้งนี้กลับเป็นอย่างหลัง
 
เคยนั่งคิดอยู่เหมือนกันว่า พออายุมากขึ้น ชีวิตควรมีอะไรตามมาตรฐานของคนบ้าง และพระคัมภีร์กล่าวเกี่ยวกับสิ่งนี้อย่างไร พระเจ้าไม่เคยบอกเลยว่า เราควรสั่งสมทรัพย์สมบัติเป็นหลักประกันในชีวิต เพราะสิ่งที่สะสม ควรเป็นสิ่งที่ยั่งยืนในสวรรค์ พระเจ้าไม่เคยบอกให้เราทำประกันชีวิต เพราะพระองค์เป็นเสาเมฆและเสาเพลิงหลักของชีวิต ขณะที่พระเยซูรับใช้ในโลกนี้ พระองค์ไม่เคยส่งคนไปสถานพยาบาล เพราะพระเจ้าทำได้ทุกสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ … เคยสังเกตุชีวิตของกษัตริย์ดาวิด ท่านไม่ได้วางแผนว่าแต่ละช่วงเวลาของท่าน จะทำอาชีพอะไร หรือเก็บเงินได้ซักเท่าไหร่ หากแต่ท่านดำเนินชีวิต ไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าต่างหาก … พระเยซูเคยสอนว่า เมื่อเวลาคนสร้างตึก ก็ต้องมีการนั่งลงคิดราคาเสียก่อนจะลงมือ แน่นอนว่า ทุกอย่างควรมีการวางแผน และแผนการนั้น ต้องเป็นตามน้ำพระทัย ซึ่งเป้าหมายมิใช่เพื่อความสำเร็จ เงินทอง ชื่อเสียงบนโลกนี้แน่นอน เรื่องเศร้าๆ ก็เลยเกิดขึ้นตามกระแสคนรอบด้าน หลายคนอยากให้เรามีเงินเก็บเยอะๆ เพื่อจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง หรือมีงานการมั่นคงในบริษัทใหญ่โต ทว่า เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ชีวิตออกนอกกรอบที่สังคมวางไว้ ก็ถูกประนาม เป็นธรรมดา

เมื่อวันที่อ่อนล้าสุดกำลัง เหน็ดเหนื่อยกับผู้คนบนโลกนี้ สิ่งที่ระบายออกกับพระเจ้า และวางไว้ให้พระองค์รับแทน เมื่อพบเหตุการณ์ที่หนักยิ่งกว่า กลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะพระเจ้าย้ำกับเราในวันเดียวกันอย่างต่ำ 3 ครั้งว่า "ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา" ก็ในเมื่อเราเป็นดังที่พระเจ้าอยากให้เป็น แม้รอบข้างจะไม่เข้าใจ แต่พระเจ้าจะปกป้องคุ้มครองเราไว้ ด้วยสันติสุขคุ้มครองจิตใจ … ฮาเลลูย่า

พอไม่กี่วันต่อมา เจอเหตุการณ์แปลกประหลาด น่าจะหนักกว่าที่เคยเจออีก กลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน แถมไม่รู้สึกโกรธคนที่ทำไม่ดีกับเราซักกะนิดเลย ทั้งที่ปกติต้องทนไม่ไหว และคันปากยิกๆ อยากระบายความเลวร้ายของคนที่ทำไม่ดีกับเราให้คนอื่นฟัง แต่พระเจ้ากลับให้ความรักของพระองค์ท่วมท้นในจิตใจ เข้าใจความเป็นมนุษย์ของคนอื่น ไม่อยากโกรธ ไม่อยากมีอารมณ์ รู้สึกแฮปปี้อย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับข้อพระคำที่ว่า "เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า" ก็เพิ่งรู้ ว่าลุยไฟ ไฟไม่ไหม้ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ เพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เราควรโกรธหรอก แต่เบื้องหลังนั้น มารร้ายต่างหาก ที่พยายามใช้มนุษย์ให้ขัดเคืองกันและกัน ความรักนี่แหละ จึงเป็นอาวุธสุดยอดที่ป้องกันเราให้พ้นจากบาปได้ และเมื่อเรามีความรักเต็มล้น เราก็มีพระทัยพระคริสต์! "ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า ถ้าเราทั้งหลายรัก  ซึ่งกันและกัน พระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในเราทั้งหลาย และความรัก  ของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา" [1 ยอห์น 4:12]

 
Your doing good may not change persons who do wrong with you but by doing good can change you. The word of God can change the way you feel.
Leave a comment »

ทำไมเพดานที่เมืองไทยไม่สั่น? – Why don’t thai ceilings shake?

นับแต่วันที่สาวกอธิษฐานในห้องชั้นบน จนถึงวันนี้ ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 2 พันปี คริสเตียนปัจจุบันคงนึกภาพแทบไม่ออกว่ากิจการบทที่ 2 เป็นยังไง "เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้า เหมือนเสียงพายุกล้า สั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน" Acts 2:1-3
 
ปรากฎการณ์เดียวกันนี้ เกิดขึ้นหลายครั้งในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โตรอนโต อเมริกา เกาหลีใต้ แคนาดา ฯลฯ คือ ปรากฎการณ์ที่คนนอกโบสถ์วิ่งมาดูห้องประชุม บ้างก็นึกว่าไฟไหม้บ้าง ฟ้าผ่า พายุลงบ้าง แต่พอดูจริงๆ กลับเป็นที่ที่คริสเตียนชุมนุมอธิษฐานกันอยู่ และไฟที่ว่า ก็เป็นไฟแห่งพระวิญญาณ แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในวันเพ็นเทคอสต์
 
แต่เหตุการณ์นี้ กลับไม่เคยได้ยินข่าวลือ ว่าได้เกิดขึ้นในเมืองไทยเลย ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร และทำไม? และถ้าอยากจะให้ตึกที่เราอธิษฐานโต้รุ่งกันสั่นบ้าง จะเป็นอะไรมั๊ย? ไม่ได้บ้าฤทธิ์เดช หรือเป็นคริสเตียนตกขอบหรอก แต่ที่คิดอย่างนี้ ไม่ใช่อะไร เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ ที่เพดานเมืองไทย ไม่เคยสั่น ทั้งที่เราเป็นประเทศที่ต้องการพระวิญญาณอย่างสุดๆ อันเนื่องจากข้าวที่ต้องเกี่ยวมีมากนักหนา และอัตราผู้เชื่อในเมืองไทยยังมีไม่ถึง 0.5 เปอร์เซ็นต์!!!!!
 
อยากจะกลับเข้าไปในยุคกิจการ [ขอเปลี่ยนชื่อ กิจการของอัครทูต เป็น กิจการของพระวิญญาณบริสุทธิ์] ยุคแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทรงเคลื่อนไหว เปิดประตู ร่วมงานกับมนุษย์ตลอดเวลา ยุคที่พระคัมภีร์ใช้คำว่า "อิทธิฤทธิ์อันพิสดาร" … เคยแต่ *** (censor) *** เวลาอธิษฐาโต้รุ่ง กับเวลารับใช้บางเวลา แต่ยังไม่ถึงขึ้นกลอนประตูหลุดหมด เหมือนตอนเปาโลกับสิลาสร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า แล้วถ้าเกิดอยากให้มันสนั่นหวั่นไหว มีกำลังมหันต์ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐสุดชีวิต ต้องทำอย่างไร? ถ้าใครมาอ่านแล้วพบว่าเคยเจอเหตุการณ์แบบที่ว่าในเมืองไทย ช่วยเล่าให้ฟังทีนะคะ … อยากรู้จัง
 
(แค่อยากรู้ แค่ถามดู … ถึงอย่างไร ความรัก  ก็สำคัญที่สุด — ไหลลงมา ลงมาให้ท่วมแผ่นดิน ไหลลงมา ลงมาเพื่อการฟื้นฟู …..)
 
"นี่เป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ให้ไว้กับเศรุบบาเบล ว่า มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ" [Zechariah 4:6]
1 Comment »

Does the HELL know your name?

ในนรกรู้จักชื่อคุณหรือเปล่า?
 
ใน Acts 19:13-16 บุตรชายของหัวหน้าปุโรหิต พยายามขับวิญญาณชั่วออกจากชายผู้หนึ่ง แต่ล้มเหลว วิญญาณชั่วร้องว่า “พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า” ชายคนที่ถูกวิญญาณชั่วเข้าครอง กระโดดขึ้นไปบนชายเหล่านี้ ฉีกเสื้อผ้าของเขาออกและทำร้ายเขา เขาหนีไป เปลือยร่างและบาดเจ็บ ไปจากชายหนุ่มที่ผีเข้าคนนี้
 
มารรู้จักชื่อของเปาโล มารรู้จักชื่อของพระเยซู แต่ชื่อของคนหนุ่มเหล่านี้มันไม่รู้จัก เพราะว่าเขาขาดฤทธิ์อำนาจที่แท้จริงฝ่ายวิญญาณในชีวิตของเขา ถ้าคุณได้รับการอภัยโทษบาปแล้ว ชื่อของคุณก็เป็นที่รู้จักในสวรรค์ และถูกเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก ตามที่กล่าวไว้ใน Revelation 21:27
 
มีสองสิ่งที่ทำให้ชีวิตคริสเตียนไม่ได้เป็นชีวิตฤทธิ์เดช ได้แก่ ความบาป และ การผูกมัด หากยังไม่ได้เป็นคริสเตียน ความบาป จะแยกเราออกจากฤทธิ์อำนาจต่างๆ ของพระเจ้า พวกเขาจะมีฤทธิ์เดชได้ ก็มีแต่มาจากซาตาน (ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว) ส่วนการผูกมัด คือภาระที่ปิดกั้นการไหลของฤทธิ์อำนาจ [1 Corin 6:12] สิ่งใดก็ตามในชีวิตที่ครอบคลุมความคิด ความสนใจ เราก็อยู่ใต้อำนาจของสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรก ความชอบส่วนตัว คู่รัก การงาน ความอาย ฯลฯ เพราะเมื่อมีสิ่งเหล่านี้ เราอยู่ใต้การควบคุมของมัน แทนที่จะเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ 100%
 
ชื่อของคุณเป็นที่รู้จักในนรกหรือเปล่า? คุณมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเพียงพอไหลอาบอยู่ในชีวิตของคุณ ซึ่งฤทธิ์อำนาจของมารจดจำสิทธิอำนาจของคุณในพระนามของพระเยซูหรือไม่? พระนามของพระเยซูไม่ใช่มนต์คาถา คุณต้องเป็นเจ้าของฤทธิ์อำนาจเบื้องหลังนามนั้น
 
ในชั่วโมงแห่งเวลาวิกฤต คุณจะพบความพ่ายแพ้ถ้าชื่อคุณไม่เป็นที่รู้จักในนรก คุณต้องมีประสบการณ์ของฤทธิ์อำนาจนี้กับพระเจ้าด้วยตัวเอง ไม่มีใครสามารถเอาชนะซาตานบนพื้นฐานประสบการณ์ของเปาโลได้ และคุณเองก็เช่นกัน
Leave a comment »